ถวายสังฆทานอย่างไร พระได้ใช้ คนถวายได้บุญแบบปลื้มๆ

กระทู้คำถาม
ถวายสังฆทานอย่างไร พระได้ใช้ คนถวายได้บุญแบบปลื้มๆ






     จากที่มีกระแสข่าวเรื่อง "สิ่งของไทยธรรมที่บรรจุอยู่ในถังสังฆทานสีเหลือง" ที่นำมาถวายพระ พระครูอมรสุตกิจ เปิดเผยว่า “ปัจจุบันพบปัญหาของในสังฆทานที่นำไปบริโภค โดยเฉพาะน้ำและอาหารแห้ง มักเกิดปัญหา ไม่สามารถนำไปบริโภคได้เพราะถูกนำมาใส่รวมไว้ในถัง ซึ่งในถังสังฆทานจะรวมเอาทุกอย่างใส่ไว้ เช่น สูบู่ผงซักฟอก ซึ่งมีกลิ่นฉุนแรง
     ผ้าอังสระ ผ้าอาบน้ำฝน หรือจีวร บางครั้งพระสงฆ์ก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงๆ รวมถึงกล่องสังฆทานยา ที่บรรจุยาไว้ในกล่อง บางครั้งพระไม่มีความเข้าใจเรื่องการใช้ยา อาจรับประทานผิดหรือไม่ถูกต้องตามอาการ ดังนั้น พุทธศาสนิกชนที่มีความตั้งใจทำบุญ ได้ช่วยกัน แยกสังฆทาน ระหว่างของใช้ส่วนตัว กับของที่รับประทานได้ออกจากกัน หรือนำมาเฉพาะสิ่งของที่พระจำเป็นเท่านั้น”
(ที่มา: http://www.amarintv.com/news-update/news-1636/60925/)  

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


      สิ่งของที่อยู่ในถังเหลือง อาจเป็นของที่มีคุณภาพต่ำจนใช้งานไม่ได้ หรือแม้แต่มี  "การถวายสังฆทาน ด้วยอาหารสุนัขแด่พระภิกษุสงฆ์” ก็เคยเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมไหม? ถวายได้หรือเปล่า? จากเหตุการณ์ดังกล่าวบ่งบอกว่า ยังมีชาวพุทธหลายท่านที่อาจไม่ทราบหรือดูเบาถึงการเลือกสิ่งของที่ถูกต้อง เหมาะสม และจำเป็นที่จะนำมาถวายพระ
     วันนี้จึงนำความรู้เรื่อง หลักการถวายทานและของที่ควรจะถวายพระ เพื่อเราจะได้บุญเต็มเปี่ยมและปลื้มในทานที่ได้ตั้งใจถวาย มาฝากค่ะ
     การถวายภัตตาหารหรือไทยธรรมเป็นสังฆทานนี้ พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ ว่า เป็นบุญใหญ่ ได้อานิสงส์มากกว่าการถวายจำเพาะเจาะจงภิกษุรูปหนึ่งรูปใด ที่เรียกว่า ปาฏิปุคคลิกทาน เพราะฉะนั้นตั้งแต่โบราณเมื่อจะทำบุญ พระท่านจึงสอนว่าให้ถวายเป็นสังฆทาน เพราะพระสงฆ์เป็นประมุขของผู้หวังบุญ หมู่สงฆ์นี่แหละเป็นประมุขของผู้บูชา ใครอยากได้บุญใหญ่ก็ให้ทำบุญปรารภหมู่สงฆ์ ซึ่ง
พระสงฆ์นั้นหมายรวมถึงสมมติสงฆ์และพระอริยสงฆ์ โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แม้พระองค์จะเสด็จปรินิพพานนานแล้ว

     เมื่อกล่าวถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานก็จะระลึกรวมไปถึงพระพุทธเจ้าเป็นประธานด้วย หากปรารภหมู่สงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ทำบุญด้วยจิตที่เลื่อมใสกันจริงๆ แล้ว "มหัคคตกุศล" จะบังเกิดขึ้นกับตัวเรา และจะส่งผลให้ได้สมบัติทั้งสามไปตลอดทุกภพทุกชาติ

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน มนาปทายีสูตร ว่า
     "ผู้ให้ของที่พอใจ ย่อมได้ของที่พอใจ
     ผู้ให้ของที่เลิศ ย่อมได้ของที่เลิศ
     ผู้ให้ของที่ดี ย่อมได้ของที่ดี
     ผู้ให้ของที่ประเสริฐ ย่อมเข้าถึงฐานะอันประเสริฐ
     นรชนใดให้ของที่เลิศ ให้ของที่ดี และให้ของที่ประเสริฐ
     นรชนนั้น จะบังเกิด ณ ที่ใดๆ ย่อมมีอายุยืน มียศในที่นั้น"

     เมื่อเรามีความตั้งใจในการทำบุญโดยการเลือกซื้อสิ่งของที่เป็นประโยชน์แท้จริงแก่พระสงฆ์ เช่น ของมีคุณภาพ หรือสิ่งของที่พระสงฆ์ต้องการ การเลือกให้แต่ของดี  ของมีประโยชน์  ของสะอาดมีรสดี เป็นต้น  ชื่อว่า เคารพในทานของตนและเคารพในผู้รับ

     องค์แห่งการให้ (ที่ทำให้ได้อานิสงส์มาก)
     ๑. วัตถุบริสุทธิ์ (สิ่งของที่จะบริจาคทานต้องได้มาโดยสุจริต)
     ๒. เจตนาบริสุทธิ์ (ผู้ให้มีความบริสุทธิ์ใจ มุ่งให้เกิดความดี)
     ๓. บุคคลบริสุทธิ์ (ผู้ให้และผู้รับ ต้องมีศีล มีธรรม)
     ก่อนให้ทาน ก็มีความดีใจ....ขณะให้ทาน ก็มีความเลื่อมใส.....หลังจากให้ทาน ก็มีความเบิกบานใจ ไม่เสียดายในภายหลัง
     เมื่อผู้ใดมีเจตนาบริสุทธิ์ครบทั้ง ๓ ระยะอย่างนี้ ย่อมได้บุญมาก มีอานิสงส์ใหญ่

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่