สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
การนั่งบนจักรยานยนต์แบบนั่งไพล่ (นั่งหันข้างเขาเรียกนั่งไพล่) มันมีที่มาจากฝรั่ง เริ่มมาจากการขี่ม้าของผู้หญิง ที่จะไม่นั่งคร่อมบนอานม้าเหมือนผู้ชาย ผู้หญิงจะใช้อานม้าสำหรับนั่งไพล่โดยเฉพาะ
ท่านั่งแบบนี้ถือเป็นท่านั่งแบบผู้ดีของฝรั่ง และเมื่อมีจักรยานเกิดขึ้น ผู้หญิงก็ขี่จักรยานด้วยการนั่งไพล่เช่นกัน
ท่านั่งแบบนี้ จึงถือกำเนิดมานานแล้ว เมื่อต้องซ้อนจักรยาน หรือ จักรยานยนต์ ผู้หญิงจึงมักจะนั่งไพล่ โดยเฉพาะเมื่อนุ่งผ้าถุง ผ้าซิ่น กระโปรง เพราะเป็นท่านั่งที่สุภาพ แบบที่ฝรั่งนิยม
ก็ติดกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมันก็คงขาดความปลอดภัยไป เนื่องจากสภาพการจราจรอันหนาแน่น แต่ถ้านุ่งกระโปรงหรือผ้าถุง การนั่งคร่อมมันก็ไม่สะดวกอยู่นั่นเอง เหมือนผู้นับถือศาสนาบางศาสนาที่ต้องโพกศีรษะ ทำให้ใส่หมวกกันน็อคไม่ได้ ซึ่งก็ต้องมีข้อยกเว้นกันไว้
เรื่องบางเรื่องถ้ารู้ไว้ ก็จะได้ไม่ต้องดูถูกชาติตนเอง ว่าอย่างนั้นไหม
ท่านั่งแบบนี้ถือเป็นท่านั่งแบบผู้ดีของฝรั่ง และเมื่อมีจักรยานเกิดขึ้น ผู้หญิงก็ขี่จักรยานด้วยการนั่งไพล่เช่นกัน
ท่านั่งแบบนี้ จึงถือกำเนิดมานานแล้ว เมื่อต้องซ้อนจักรยาน หรือ จักรยานยนต์ ผู้หญิงจึงมักจะนั่งไพล่ โดยเฉพาะเมื่อนุ่งผ้าถุง ผ้าซิ่น กระโปรง เพราะเป็นท่านั่งที่สุภาพ แบบที่ฝรั่งนิยม
ก็ติดกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมันก็คงขาดความปลอดภัยไป เนื่องจากสภาพการจราจรอันหนาแน่น แต่ถ้านุ่งกระโปรงหรือผ้าถุง การนั่งคร่อมมันก็ไม่สะดวกอยู่นั่นเอง เหมือนผู้นับถือศาสนาบางศาสนาที่ต้องโพกศีรษะ ทำให้ใส่หมวกกันน็อคไม่ได้ ซึ่งก็ต้องมีข้อยกเว้นกันไว้
เรื่องบางเรื่องถ้ารู้ไว้ ก็จะได้ไม่ต้องดูถูกชาติตนเอง ว่าอย่างนั้นไหม
ความคิดเห็นที่ 17
ก็ไม่ได้ Thailand only อะไรนี่ครับ ประเทศอื่นเค้าก็ทำกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 2
จะถูกหรือผิดหลักเกณฑ์อะไรช่าง แต่การนั่งไพล่ผู้หญิงไทยนั่งกันมานานหลายสิบปีแล้วตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ตั้งแต่ที่ประเทศไทยยังเริ่มต้นด้วยจักรยาน อันนี้บอกไว้ก่อนนะ ว่าผู้หญิงไทยนั่งไพล่กันมาก่อนที่หลายๆคนจะเกิดมาลืมตาดูโลกซะอีก
ส่วนเรื่องอุบัติเหตุ ถ้าคนขับขับดีไม่ไปชนกับใครละก็คนซ้อนก็ปลอดภัยตามไปด้วยแหละครับ มันมีด้วยหรอที่คนขับไม่ไปชนกับใคร แต่ผู้หญิงที่นั่งไพล่ตกร่วงถนนกันไปเอง ผมยังไม่เคยเห็นเลยนะ
แล้วถ้าเกิดการชนอย่างรุนแรงเกิดขึ้นผมว่าคนที่นั่งคร่อมต่างหากที่จะเจ็บหนักกว่าอะครับ ไม่ว่ารถล้มไปข้างไหนก็จะทับขาไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่ง แต่การนั่งไพล่มันสามารถกระโดดลงไปกลิ้งได้โดยไม่โดนรถทับ หรือสปริงตัวหนีจากการโดนมอไซทับได้
กับกระทู้นี้ผมไม่เห็นด้วยนะ เพราะมันไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริงสักเท่าไหร่ แค่ความรู้สึกของคนขับเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องอุบัติเหตุ ถ้าคนขับขับดีไม่ไปชนกับใครละก็คนซ้อนก็ปลอดภัยตามไปด้วยแหละครับ มันมีด้วยหรอที่คนขับไม่ไปชนกับใคร แต่ผู้หญิงที่นั่งไพล่ตกร่วงถนนกันไปเอง ผมยังไม่เคยเห็นเลยนะ
แล้วถ้าเกิดการชนอย่างรุนแรงเกิดขึ้นผมว่าคนที่นั่งคร่อมต่างหากที่จะเจ็บหนักกว่าอะครับ ไม่ว่ารถล้มไปข้างไหนก็จะทับขาไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่ง แต่การนั่งไพล่มันสามารถกระโดดลงไปกลิ้งได้โดยไม่โดนรถทับ หรือสปริงตัวหนีจากการโดนมอไซทับได้
กับกระทู้นี้ผมไม่เห็นด้วยนะ เพราะมันไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริงสักเท่าไหร่ แค่ความรู้สึกของคนขับเท่านั้นเอง
ความคิดเห็นที่ 16
คำถามดีมาก tottui เราเองก็คิดสงสัยแบบที่ tottui ถามมาเช่นกัน
เท่าที่เห็น แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ในสมัยปัจจุบันนี ประเทศที่คนส่วนใหญ่ยังค่อนข้างอนุรักษ์นิยมอยู่ ผู้หญิงซ้อนหันข้าง
แทบจะทั้งหมด มีบางส่วนไม่นั่งหันข้างเพราะเขากลัวอันตราย
ส่วนใน ปท ฝรั่งๆ หรือ ออกแนวจีนๆ สมัยนี้เขานั่งคร่อมนุ่งกางเกงใส่หมวกกันน็อคกันทั้งนั้น เพื่อความปลอดภัย
ใน ปท ที่เจริญแล้ว ทั้งคนขี่มอเตอร์ไซค์ และ คนซ้อน เขาแต่งกายกันทะมัดะแมง รัดกุม คำนึงถึงความปลอดภัยมาก
***ผู้หญิงเวียตนามนี่ เค้าใส่ส้นสูงขี่สกู๊ตเต้อร์กันด้วย หรือ ใส่ส้นสูงแล้วนั่งหันข้างซ้อนสกู๊ตเต้อร์แล้วไขว่ห้างอีกต่างหาก
บางรายสกิลล์ในการทรงตัวขั้นเทพมาก คือ นุ่งกระโปรงสั้น ใส่ส้นสูงหลายนิ้ว นั่งไขว่ห้างไขว้ข้างซ้อนสกู๊ตเต้อร์ แล้วเล่นมือถือไปด้วย
น่ากลัวอันตรายมาก ไปหาดูได้เลย โดยเฉพาะที่โฮจิมินห์ ซิตี้ ในช่วงเวลาเร่งด่วนบนท้องถนน
ผู้หญิงไทยที่เราเห็นส่วนใหญ่ นิยมนั่งแบบซ้อนหันข้างทั้งนั้น แม้แต่คนที่นุ่งกางเกงยังซ้อนหันข้างกันเลย เราเห็นก็ทึ่งปน งง เหมือนกัน
ว่าเขาไม่กล้วอันตรายหรือ เพราะท่าทางจะทรงตัวลำบาก
แต่ผู้หญิงไทยบางส่วนเขานั่งคร่อมกันแม้แต่นุ่งกระโปรงเขาก็ถกกระโปรงก่อนแล้วค่อยนั่งคร่อม
อย่าคิดว่าไม่มีผู้หญิงไทยที่นั่งแบบนี้ เพราะเขากลัวอันตรายนั่นเองถ้าหากนั่งไขว้ข้าง
(โดยเฉพาะน้องๆ ที่เป็นสก็อย ที่นั่งเกาะท้ายมอไซค์น้องๆ เด็กแว๊นซ์ เห็นเค้านั่งคร่อมกันทั้งนั้น)
เรายังสังเกตุเห็นอีกว่า ผู้หญิงฝรั่งบางส่วน โดยเฉพาะพวกที่อยู่อาศัยในไทย ทำงานในไทย มักจะนั่งไขว้ข้างแบบสาวไทยส่วนใหญ่
บางคนนั่งไขว้ข้างแล้วไขว่ห้างด้วย เราก็เคยเจอมาแล้ว เราคิดว่า บางคนตื่นตาตื่นใจกับวัฒนธรรม ธรรมเนียมท้องถิ่น
บางคนก็เคารพเมืองไทย สนใจเรื่องวัฒนธรรม และ ความแตกต่างของวิถีชีวิตในแบบที่ไม่มี หรือ ไม่สามารถทำได้ที่บ้านเขา
เขานึกสนุก เขาก็อยากจะทำเลียนแบบคนท้องถิ่นบ้างเป็นบางครั้ง เพื่อความสนุก ความแปลกใหม่
ส่วนที่มาเลเซีย ย่าน JB ตรงชายแดนใกล้สิงคโปร์ มีคนเยอะแยะที่ขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามไปทำงานที่สิงคโปร์ แบบไป-กลับ ทุกวัน
ผู้หญิงที่ซ้อนท้ายเขาไม่นั่งไขว้ข้างกันหรอก ทางมันไกล และ มันอันตราย
ที่เท่ห์สุด คือ ผู้หญิงสวยๆ ชาวเกาะแถวโพลีนีเชีย ผิวสีแทน รูปร่างสูงใหญ่แบบนักกีฬา แต่งตัวมัดทะแมง ขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก ขับรถจิ๊ป รถกะบะ
***ที่ดูไบ เมืองมุสลิมทันสมัย เห็นผู้หญิงที่อยู่ที่นั่น ที่เป็นต่างชาติ ทั้งคนเอเชีย คนฝรั่ง คนตะวันออกกลางที่ทันสมัย
ถ้าผู้หญิงที่ขี่มอเตอร์ไซค์เอง (เหมือนๆ ใน ปท ฝรั่งที่เจริญแล้วทั่วๆ ไป) เครื่องแต่งกาย คือ นุ่งกางเกง ใส่แจ็คเก็ต ใส่เสื้อหนัง
หมวกกันน็อค ถุงมือ รองเท้า ครบชุด หรือ ถ้าเขานั่งซ้อนท้ายเขาก็นั่งคร่อมกันทั้งนั้น ไม่มีใครนั่งไขว้ข้าง
เมื่อหลายเดือนก่อนที่ดูไบ เห็นแล้วตะลึงเลย มีสาวอาหรับผมดำ ตาคม หุ่นอวบสูงใหญ่ อึ๋มส์แบบรถถัง นุ่งขาสั้น ใส่สายเดี่ยว
นั่งซ้อนบิ๊กไบค์ไป ก็นั่งเต้นโยกทำไม้ทำมือไป ตามจังหวะเพลงแด๊นซ์จากเครื่องเสียงที่ติดอยู่บนบิ๊กไบค์ที่ผู้ชายขับให้นางซ้อนนั่ง
(บิ๊กไบค์ที่ดูไบ แต่ละคันอลังกาลมาก มีรถมอไซค์สวยๆ เยอะมาก บางคันนอกจากจะติดเครื่องเสียงแล้ว ก็ยังติดแอร์ หรือ ที่เป่าลมอีกด้วย
ส่วนใหญ่เขาขี่กันเป็นงานอดิเรก ขี่เล่นๆ ขี่ออกไปดื่มกาแฟ นั่งคุยกับเพื่อน ใครไปดูไบ มองหาได้เลย เขามักจะออกมากันในเวลากลางคืน
เวลาที่แดดร่มลมตกแล้ว โดยเฉพาะบนถนนชี๊คซาเหย็ด ในย่านที่เจริญๆ หรือ ตามย่านคนมีเงินของดูไบ)
ผู้หญิงไทยสมัยนี้ก็ขี่บิ๊กไบค์กันเยอะ เด็กผู้หญิงแถว ตจว เขาก็ขี่สกู๊ตเต้อร์ คนเหล่านี้หากไม่ขับเอง
หากเขาต้องนั่งซ้อนท้ายเขาคงไม่นั่งหันข้างกันหรอก เพราะคงไม่ถนัด
***"ความคิดเห็นส่วนตัว" เราคิดว่าจะนั่งหันข้าง หรือ นั่งคร่อม ไม่ว่าใน ปท ไหน ขึ้นอยู่กับยุคสมัย กฏหมาย ความเคยชิน
ความแอ๊บ จริต การฝืนหรือไม่ฝืนธรรมชาติ การทำตามกลุ่มแบบที่สังคมคาดหวังก็เลยทำตามต่อๆ กันมาเพราะไม่อยากเป็นแกะดำ
และ ความมากน้อยของความคิดแบบอนุรักษ์นิยมที่แบ่งแยกว่าอันไหนผู้หญิงทำได้หรือไม่ได้ ควรหรือไม่ควรทำแบบผู้ชาย
หรือ ในสังคมที่มีค่านิยมว่าผู้หญิงที่ดี "ต้องซิง" ถ้าเสียซิงไปแล้ว จะไม่มีซิงส่งไปชิงโชค หรือ ถ้าหากเสียซิงไปแล้ว
ชีวิตนี้จะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง จะ บลาๆๆ ต่างๆ นาๆ ในทางลบ เพราะฉนั้นผู้หญิงเขาจึงไม่แหกขานั่งคร่อมนะ ต้องแอ๊บเรียบร้อย ขาต้องไม่ถ่าง
อันนี้ต้องเข้าใจระบบความคิด และ ค่านิยมของสังคมด้วย
หลายอย่างที่เห็นในสังคมจึงมาพร้อมกับจริต กับกิริยาที่ปรุงแต่งของคน และ มักจะมีนัยยะไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แฝงมาอยู่ด้วยเสมอ โดยเฉพาะในสังคมที่คนเซ้นท์ซิทีฟมากกับทุกๆ เรื่อง แต่มีอะไรแล้วไม่พูดออกมา หรือ ไม่พูดต่อหน้า
หรือ ไม่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา
แต่สังเกตุได้อีกอย่าง คือ ผู้หญิงไทยบางคนเขาไม่สะดวกใจที่จะนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ของคนที่ไม่สนิทกัน โดยเฉพาะเบาะรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพราะเบาะรถมอเตอร์ไซค์บางส่วน บางคันเขาติดเบาะแบบที่เอียงเทลาดไปทางคนขับ เพื่อที่เวลาผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายแบบคร่อมแล้วตัวของผู้หญิง
โดยเฉพาะหน้าอกจะได้ไหลลงไปทางด้านคนขับ หน้าอกของผู้หญิงจะติดหลังคนที่นั่งขับพอดี ส่วนหว่างขาของผู้หญิงก็จะกางคร่อมก้น
ของคนขับพอดี ซึ่งในสังคมไทยส่วนใหญ่ นั่นคือไม่งาม หากไม่ใช่แฟนกัน ไม่ใช่สามีภรรยากัน ไม่ใช่เพื่อนเกย์เพื่อนตุ๊ดกัน ผู้หญิงเขาจะนั่งไม่สนิทใจ
ถึงกับมีประโยคที่ว่า "Egg ติดถัง หลังติด Milk" นั่นเอง ไปแปลเอาเองนะ ไม่อยากพิมพ์ตรงๆ แต่ Egg ก็แปลตรงตัว คือ ไข่, Milk ก็คือ นม นั่นเอง
แค่ประโยคนี้ประโยคเดียว มีแค่ 6 พยางค์ แต่เมื่อลองวิเคาระห์ดูดีๆ สามารถสะท้อนอะไรได้ลึกๆ หลายๆ อย่าง ทั้งการปิดกั้นเรื่องเพศ
ระบบความคิด และ วัฒนธรรมนั่นเอง มันมีที่มาที่ไป
เพราะฉนั้นหากเวลาที่ผู้หญิงนั่งหันข้าง แล้วไปเจอเบาะแบบเอียง เวลาที่ร่างกายของผู้หญิงไหลลงไปติดหลังคนขับ
ด้านข้างที่หัวไหล่ และ แขนของผู้หญิงจะไปชนกับหลัง-ก้นของคนขับแทน แทนที่จะชนกับหน้าอก และ หว่างขาของผู้หญิงนั่นเอง
ต้องเข้าใจว่า ผู้ชายในบางสังคม ผู้หญิงในบางสังคม ยังไม่เปิดใจ ไม่เปิดความคิดเรื่องเพศ (และ อีกอย่างมันไม่เหมาะสม)
หรือ ผู้ชายในบางสังคม ยังมีความคิดแบบโบราณเกี่ยวกับผู้หญิงอยู่ ผู้หญิงเขาก็ต้องหาวิธีป้องกันดูแลตนเองเป็นเรื่องธรรมดา
หากถูกลวนลามหาเศษหาเลยทั้งทางตรงทางอ้อม - เอาเป็นว่าเราเข้าใจในจุดนี้ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ เวลาที่เห็นผู้หญิง
ใส่ส้นสูง สวมกางเกง นั่งไขว้ข้างซ้อนมอเตอร์ไซค์ เพราะเห็นแล้วกลัวเขาหล่น มันดูอันตราย อีกอย่างถ้าต้องใช้เท้ายันพื้นหากรถล้ม
เอาเท้ายันทั้งส้นสูง คงมีพลิกล้มกันบ้าง แน่นวล
เปิดใจ เปิดตา มองให้รอบๆ แล้วคิดตาม จะพบว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุผลในตัวเองของมันทั้งนั้น
สังคมไทยหน่ะ หลายๆ อย่างดูเผินๆ เหมือนจะเปิดกว้าง อิสระเสรี แต่ในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่เขารับความเปลี่ยนแปลง
กันไม่ค่อยได้หรอก การแบ่งแยกเพศ การเหยียดเพศ การให้ความสำคัญกับซิงไม่ซิง ยังมีอยู่มากลึกๆ
ในหลายๆ สังคมหน่ะ อิมเมจ และ การทำตามที่คนหมู่มากคาดหวัง เป็นเรื่องสำคัญมาก
สำคัญกว่าความปลอดภัย และ ความเป็นจริง
แต่เราก็เข้าใจอีกว่า สภาพการจราจรของกรุงเทพฯ และ การคมนาคมระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงทั้งเมือง ทั้ง ปท
รวมไปถึงในสังคม ตจว ด้วย การใช้มอเตอร์ไซค์ หรือ สกู๊ตเต้อร์ เป็นยานพาหนะ เป็นยวดยานที่ได้รับความนิยมมาก
เพราะสะดวก จอดง่าย ขับง่าย ฝ่าการจราจรง่าย เข้าตรอกซอกซอยง่าย ราคาก็ย่อมเยา ฯลฯ จึงเป็นที่แพร่หลาย
โดยเฉพาะการซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างของสุภาพสตรีที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ในหลายๆ กรณีเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนั่งไขว้ข้าง
อย่างน้อยก็เนื่องด้วยวัฒนธรรม ความเคยชิน และ เสื้อผ้าที่สวมใส่ บังคับให้ต้องนั่งแบบนั้นนั่นเอง
เท่าที่เห็น แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ในสมัยปัจจุบันนี ประเทศที่คนส่วนใหญ่ยังค่อนข้างอนุรักษ์นิยมอยู่ ผู้หญิงซ้อนหันข้าง
แทบจะทั้งหมด มีบางส่วนไม่นั่งหันข้างเพราะเขากลัวอันตราย
ส่วนใน ปท ฝรั่งๆ หรือ ออกแนวจีนๆ สมัยนี้เขานั่งคร่อมนุ่งกางเกงใส่หมวกกันน็อคกันทั้งนั้น เพื่อความปลอดภัย
ใน ปท ที่เจริญแล้ว ทั้งคนขี่มอเตอร์ไซค์ และ คนซ้อน เขาแต่งกายกันทะมัดะแมง รัดกุม คำนึงถึงความปลอดภัยมาก
***ผู้หญิงเวียตนามนี่ เค้าใส่ส้นสูงขี่สกู๊ตเต้อร์กันด้วย หรือ ใส่ส้นสูงแล้วนั่งหันข้างซ้อนสกู๊ตเต้อร์แล้วไขว่ห้างอีกต่างหาก
บางรายสกิลล์ในการทรงตัวขั้นเทพมาก คือ นุ่งกระโปรงสั้น ใส่ส้นสูงหลายนิ้ว นั่งไขว่ห้างไขว้ข้างซ้อนสกู๊ตเต้อร์ แล้วเล่นมือถือไปด้วย
น่ากลัวอันตรายมาก ไปหาดูได้เลย โดยเฉพาะที่โฮจิมินห์ ซิตี้ ในช่วงเวลาเร่งด่วนบนท้องถนน
ผู้หญิงไทยที่เราเห็นส่วนใหญ่ นิยมนั่งแบบซ้อนหันข้างทั้งนั้น แม้แต่คนที่นุ่งกางเกงยังซ้อนหันข้างกันเลย เราเห็นก็ทึ่งปน งง เหมือนกัน
ว่าเขาไม่กล้วอันตรายหรือ เพราะท่าทางจะทรงตัวลำบาก
แต่ผู้หญิงไทยบางส่วนเขานั่งคร่อมกันแม้แต่นุ่งกระโปรงเขาก็ถกกระโปรงก่อนแล้วค่อยนั่งคร่อม
อย่าคิดว่าไม่มีผู้หญิงไทยที่นั่งแบบนี้ เพราะเขากลัวอันตรายนั่นเองถ้าหากนั่งไขว้ข้าง
(โดยเฉพาะน้องๆ ที่เป็นสก็อย ที่นั่งเกาะท้ายมอไซค์น้องๆ เด็กแว๊นซ์ เห็นเค้านั่งคร่อมกันทั้งนั้น)
เรายังสังเกตุเห็นอีกว่า ผู้หญิงฝรั่งบางส่วน โดยเฉพาะพวกที่อยู่อาศัยในไทย ทำงานในไทย มักจะนั่งไขว้ข้างแบบสาวไทยส่วนใหญ่
บางคนนั่งไขว้ข้างแล้วไขว่ห้างด้วย เราก็เคยเจอมาแล้ว เราคิดว่า บางคนตื่นตาตื่นใจกับวัฒนธรรม ธรรมเนียมท้องถิ่น
บางคนก็เคารพเมืองไทย สนใจเรื่องวัฒนธรรม และ ความแตกต่างของวิถีชีวิตในแบบที่ไม่มี หรือ ไม่สามารถทำได้ที่บ้านเขา
เขานึกสนุก เขาก็อยากจะทำเลียนแบบคนท้องถิ่นบ้างเป็นบางครั้ง เพื่อความสนุก ความแปลกใหม่
ส่วนที่มาเลเซีย ย่าน JB ตรงชายแดนใกล้สิงคโปร์ มีคนเยอะแยะที่ขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามไปทำงานที่สิงคโปร์ แบบไป-กลับ ทุกวัน
ผู้หญิงที่ซ้อนท้ายเขาไม่นั่งไขว้ข้างกันหรอก ทางมันไกล และ มันอันตราย
ที่เท่ห์สุด คือ ผู้หญิงสวยๆ ชาวเกาะแถวโพลีนีเชีย ผิวสีแทน รูปร่างสูงใหญ่แบบนักกีฬา แต่งตัวมัดทะแมง ขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก ขับรถจิ๊ป รถกะบะ
***ที่ดูไบ เมืองมุสลิมทันสมัย เห็นผู้หญิงที่อยู่ที่นั่น ที่เป็นต่างชาติ ทั้งคนเอเชีย คนฝรั่ง คนตะวันออกกลางที่ทันสมัย
ถ้าผู้หญิงที่ขี่มอเตอร์ไซค์เอง (เหมือนๆ ใน ปท ฝรั่งที่เจริญแล้วทั่วๆ ไป) เครื่องแต่งกาย คือ นุ่งกางเกง ใส่แจ็คเก็ต ใส่เสื้อหนัง
หมวกกันน็อค ถุงมือ รองเท้า ครบชุด หรือ ถ้าเขานั่งซ้อนท้ายเขาก็นั่งคร่อมกันทั้งนั้น ไม่มีใครนั่งไขว้ข้าง
เมื่อหลายเดือนก่อนที่ดูไบ เห็นแล้วตะลึงเลย มีสาวอาหรับผมดำ ตาคม หุ่นอวบสูงใหญ่ อึ๋มส์แบบรถถัง นุ่งขาสั้น ใส่สายเดี่ยว
นั่งซ้อนบิ๊กไบค์ไป ก็นั่งเต้นโยกทำไม้ทำมือไป ตามจังหวะเพลงแด๊นซ์จากเครื่องเสียงที่ติดอยู่บนบิ๊กไบค์ที่ผู้ชายขับให้นางซ้อนนั่ง
(บิ๊กไบค์ที่ดูไบ แต่ละคันอลังกาลมาก มีรถมอไซค์สวยๆ เยอะมาก บางคันนอกจากจะติดเครื่องเสียงแล้ว ก็ยังติดแอร์ หรือ ที่เป่าลมอีกด้วย
ส่วนใหญ่เขาขี่กันเป็นงานอดิเรก ขี่เล่นๆ ขี่ออกไปดื่มกาแฟ นั่งคุยกับเพื่อน ใครไปดูไบ มองหาได้เลย เขามักจะออกมากันในเวลากลางคืน
เวลาที่แดดร่มลมตกแล้ว โดยเฉพาะบนถนนชี๊คซาเหย็ด ในย่านที่เจริญๆ หรือ ตามย่านคนมีเงินของดูไบ)
ผู้หญิงไทยสมัยนี้ก็ขี่บิ๊กไบค์กันเยอะ เด็กผู้หญิงแถว ตจว เขาก็ขี่สกู๊ตเต้อร์ คนเหล่านี้หากไม่ขับเอง
หากเขาต้องนั่งซ้อนท้ายเขาคงไม่นั่งหันข้างกันหรอก เพราะคงไม่ถนัด
***"ความคิดเห็นส่วนตัว" เราคิดว่าจะนั่งหันข้าง หรือ นั่งคร่อม ไม่ว่าใน ปท ไหน ขึ้นอยู่กับยุคสมัย กฏหมาย ความเคยชิน
ความแอ๊บ จริต การฝืนหรือไม่ฝืนธรรมชาติ การทำตามกลุ่มแบบที่สังคมคาดหวังก็เลยทำตามต่อๆ กันมาเพราะไม่อยากเป็นแกะดำ
และ ความมากน้อยของความคิดแบบอนุรักษ์นิยมที่แบ่งแยกว่าอันไหนผู้หญิงทำได้หรือไม่ได้ ควรหรือไม่ควรทำแบบผู้ชาย
หรือ ในสังคมที่มีค่านิยมว่าผู้หญิงที่ดี "ต้องซิง" ถ้าเสียซิงไปแล้ว จะไม่มีซิงส่งไปชิงโชค หรือ ถ้าหากเสียซิงไปแล้ว
ชีวิตนี้จะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง จะ บลาๆๆ ต่างๆ นาๆ ในทางลบ เพราะฉนั้นผู้หญิงเขาจึงไม่แหกขานั่งคร่อมนะ ต้องแอ๊บเรียบร้อย ขาต้องไม่ถ่าง
อันนี้ต้องเข้าใจระบบความคิด และ ค่านิยมของสังคมด้วย
หลายอย่างที่เห็นในสังคมจึงมาพร้อมกับจริต กับกิริยาที่ปรุงแต่งของคน และ มักจะมีนัยยะไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แฝงมาอยู่ด้วยเสมอ โดยเฉพาะในสังคมที่คนเซ้นท์ซิทีฟมากกับทุกๆ เรื่อง แต่มีอะไรแล้วไม่พูดออกมา หรือ ไม่พูดต่อหน้า
หรือ ไม่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา
แต่สังเกตุได้อีกอย่าง คือ ผู้หญิงไทยบางคนเขาไม่สะดวกใจที่จะนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ของคนที่ไม่สนิทกัน โดยเฉพาะเบาะรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพราะเบาะรถมอเตอร์ไซค์บางส่วน บางคันเขาติดเบาะแบบที่เอียงเทลาดไปทางคนขับ เพื่อที่เวลาผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายแบบคร่อมแล้วตัวของผู้หญิง
โดยเฉพาะหน้าอกจะได้ไหลลงไปทางด้านคนขับ หน้าอกของผู้หญิงจะติดหลังคนที่นั่งขับพอดี ส่วนหว่างขาของผู้หญิงก็จะกางคร่อมก้น
ของคนขับพอดี ซึ่งในสังคมไทยส่วนใหญ่ นั่นคือไม่งาม หากไม่ใช่แฟนกัน ไม่ใช่สามีภรรยากัน ไม่ใช่เพื่อนเกย์เพื่อนตุ๊ดกัน ผู้หญิงเขาจะนั่งไม่สนิทใจ
ถึงกับมีประโยคที่ว่า "Egg ติดถัง หลังติด Milk" นั่นเอง ไปแปลเอาเองนะ ไม่อยากพิมพ์ตรงๆ แต่ Egg ก็แปลตรงตัว คือ ไข่, Milk ก็คือ นม นั่นเอง
แค่ประโยคนี้ประโยคเดียว มีแค่ 6 พยางค์ แต่เมื่อลองวิเคาระห์ดูดีๆ สามารถสะท้อนอะไรได้ลึกๆ หลายๆ อย่าง ทั้งการปิดกั้นเรื่องเพศ
ระบบความคิด และ วัฒนธรรมนั่นเอง มันมีที่มาที่ไป
เพราะฉนั้นหากเวลาที่ผู้หญิงนั่งหันข้าง แล้วไปเจอเบาะแบบเอียง เวลาที่ร่างกายของผู้หญิงไหลลงไปติดหลังคนขับ
ด้านข้างที่หัวไหล่ และ แขนของผู้หญิงจะไปชนกับหลัง-ก้นของคนขับแทน แทนที่จะชนกับหน้าอก และ หว่างขาของผู้หญิงนั่นเอง
ต้องเข้าใจว่า ผู้ชายในบางสังคม ผู้หญิงในบางสังคม ยังไม่เปิดใจ ไม่เปิดความคิดเรื่องเพศ (และ อีกอย่างมันไม่เหมาะสม)
หรือ ผู้ชายในบางสังคม ยังมีความคิดแบบโบราณเกี่ยวกับผู้หญิงอยู่ ผู้หญิงเขาก็ต้องหาวิธีป้องกันดูแลตนเองเป็นเรื่องธรรมดา
หากถูกลวนลามหาเศษหาเลยทั้งทางตรงทางอ้อม - เอาเป็นว่าเราเข้าใจในจุดนี้ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ เวลาที่เห็นผู้หญิง
ใส่ส้นสูง สวมกางเกง นั่งไขว้ข้างซ้อนมอเตอร์ไซค์ เพราะเห็นแล้วกลัวเขาหล่น มันดูอันตราย อีกอย่างถ้าต้องใช้เท้ายันพื้นหากรถล้ม
เอาเท้ายันทั้งส้นสูง คงมีพลิกล้มกันบ้าง แน่นวล
เปิดใจ เปิดตา มองให้รอบๆ แล้วคิดตาม จะพบว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุผลในตัวเองของมันทั้งนั้น
สังคมไทยหน่ะ หลายๆ อย่างดูเผินๆ เหมือนจะเปิดกว้าง อิสระเสรี แต่ในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่เขารับความเปลี่ยนแปลง
กันไม่ค่อยได้หรอก การแบ่งแยกเพศ การเหยียดเพศ การให้ความสำคัญกับซิงไม่ซิง ยังมีอยู่มากลึกๆ
ในหลายๆ สังคมหน่ะ อิมเมจ และ การทำตามที่คนหมู่มากคาดหวัง เป็นเรื่องสำคัญมาก
สำคัญกว่าความปลอดภัย และ ความเป็นจริง
แต่เราก็เข้าใจอีกว่า สภาพการจราจรของกรุงเทพฯ และ การคมนาคมระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงทั้งเมือง ทั้ง ปท
รวมไปถึงในสังคม ตจว ด้วย การใช้มอเตอร์ไซค์ หรือ สกู๊ตเต้อร์ เป็นยานพาหนะ เป็นยวดยานที่ได้รับความนิยมมาก
เพราะสะดวก จอดง่าย ขับง่าย ฝ่าการจราจรง่าย เข้าตรอกซอกซอยง่าย ราคาก็ย่อมเยา ฯลฯ จึงเป็นที่แพร่หลาย
โดยเฉพาะการซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างของสุภาพสตรีที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ในหลายๆ กรณีเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนั่งไขว้ข้าง
อย่างน้อยก็เนื่องด้วยวัฒนธรรม ความเคยชิน และ เสื้อผ้าที่สวมใส่ บังคับให้ต้องนั่งแบบนั้นนั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
มีแต่ผู้หญิงไทยรึป่าวครับที่ซ้อนมอร์เตอร์ไซต์แบบนั่งหันข้าง แล้วไม่กลัวรถมันจะเสียสมดุลย์หรือตอนเกิดอุบัติเหตุจะหนีทัน ?
ปล ขอถามคนที่อยุ่เมืองนอกด้วยครับ ว่าผู้หญิงประเทศที่คุณอยู่ มีซ้อนมอร์เตอร์ไซต์แบบนั่งหันข้างมั้ยครับ ??