"แม่ยอมไปโรงพยาบาลละ" แม่ของเราป่วยเป็นโรคเบาหวานมาได้สิบกว่าปีละ และเป็นผู้ป่วยดื้อได้โล่ห์ ดื้อจนในสุดก็ถึงวาระที่ต้องไปตัดนิ้วเท้า เราสามพี่น้องก็ทำงานเป็นทีมเหมือนเช่นเคย เราก็ทำหน้าที่ประสานงานหมอและรพ. น้องสาวสายเปย์ก็เปย์ไป ส่วนพี่สาวสายสมองกับเผือก ก็หาข้อมูลอย่างเข้มข้นว่าจะพาแม่ไปรพ.ไหนดี จนได้ผลสรุปว่า พยาบาลผู้ชำนาญด้านการดูแลแผลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานนั้นคือ พยาบาลนางฟ้าต่ายอยู่ที่ รพ.สันป่าตอง เราสามพี่น้องจึงตัดสินใจพาแม่นั่งรถเดินทางไปอำเภอสันป่าตอง
วันแรกที่ไปลงทะเบียนเป็นผู้ป่วยในก็ตั้งหน้าตั้งตารอเจอพยาบาลนางฟ้าแต่พวกเราก็ผิดหวังกันไป เพราะ ต้องว่ากันไปตามระบบก่อน ในคืนแรกนั้นพยาบาลประจำตึกที่เข้ามาดูแลและทำแผล ก็ได้ให้กำลังใจว่า สงสัยอาจต้องตัดทั้งสามนิ้วและอาจต้องตัดเท้าด้วย พวกเราต่างก็ใจหายแต่ก็ทำใจดีสู้เสือไว้ เพราะผู้ป่วยเองนั้นนั่งยันนอนยันว่ายังไงก็ไม่ตัด
เช้าวันรุ่งขึ้นแพทย์เจ้าของไข้ก็ตัดสินใจว่าอย่างไรก็ต้องตัดนิ้วเท้าออกหนึ่งนิ้ว และหมอเองนั้นก็มีบุคคลิกห้าวหาญที่ดูแล้วก็มีความชำนาญด้านการจัดการคนไข้ที่ดื้อมากจนถึงมากที่สุด จนในที่สุดแม่ก็ยอมตัดนิ้วชี้ที่เนื้อมันใช้การไม่ได้แล้วออกไป
ในที่สุดเราก็ได้พบกับพยาบาลนางฟ้าในวันที่สองนั่นเอง และเราก็ได้เรียนรู้ว่าการที่จะเป็นนางฟ้านั้นคุณไม่ต้องสวยหวานหรือนิ่มนวลชวนฝัน เพียงแต่คุณนั้นมีความมุ่งมั่นตั้งใจ สนใจ ใส่ใจ และให้ใจ ไม่รังเกียจแม้จะเป็นอวัยวะส่วนที่อยู่ต่ำที่สุด ครั้งแรกที่เราเห็นการดูแลแผลของพยาบาลต่าย เราก็รู้สึกมั่นใจว่าแม่เราได้อยู่ในมือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ เพราะนางนั้นทั้งแซะทั้งแงะทั้งล้างและล้วง ในการทำแผลพยาบาลต่ายจะดูแลและทำแผลโดยละเอียดมากๆ
ตลอดเวลาของการเป็นผู้ป่วยในพยาบาลจะเข้ามาดูเป็นประจำและคอยหมั่นสอนวิธีการดูแลและทำแผลให้พยาบาลอื่นๆ เราก็แอบเป็นครูพักลักจำ จนเราพอดูออกละว่าพยาบาลคนไหนมีความเข้าใจในการดูแลแผล หรือเรียกว่ามีวิชาพอจับผิดพยาบาลได้พอสมควร
แต่กระนั้นเอง เราก็ไม่เคยคิดที่จะจับผิดพยาบาลเลย เพราะหลังจากที่แม่เรามาเป็นผู้ป่วยนอก เราก็ยังกลับไปทำแผลที่ห้องทำแผลเล็กๆข้างห้องผู้ป่วย ICU ในโรงพยาบาลเดิม เราเห็นการทำงานที่วุ่นวายและเหนื่อยล้าของพยาบาลในห้องนี้ทุกคน บางครั้งเราก็ไปตอนเช้า บางครั้งเราก็ไปตอนบ่ายแล้วแต่เวลานัดหมาย แต่ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนเราไม่เคยเห็นพยาบาลห้องนี้ได้พักเลย บางครั้งเรารอจนได้ทำแผลตอนเที่ยงกว่า พยาบาลก็ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย และจากการเราที่เริ่มมีความเผือก เพราะเห็นว่าการเผือกนั้นก็ก่อให้เกิดประโยชน์มิใช่น้อย เราก็ได้แอบได้ยินมาว่าแม่นางเตรียมข้าวช้าวไว้ให้แต่นางยังไม่ได้เข้าไปทานเลย จากที่ตอนแรกเราแอบหงุดหงิดเพราะรอแต่เช้าก็เข้าใจและเห็นใจว่า พยาบาลทุกคนกำลังทำงานกันอย่างหนัก แต่ละคนก็ไม่เห็นได้นั่งกันเลย เพราะรับงานทุกรูปแบบ ตั้งแต่เล็บขบยันแผลตัดเท้า หรือ ฝีใต้จักกะแร้ยันหลุมลึกที่กลางพุง บาดแผลมากมายเกินคำบรรยาย
ทุกวันนี้เราก็ยังพาแม่ได้ทำแผลที่เดิม แผลแม่ก็เริ่มสวยขึ้นจนถูกแซวว่าเป็นคนสวยที่สุด และ เราก็ยังคงมองเห็นความวุ่นวายในห้องทำแผลเล็กๆ (ห้องพัดลมด้วยนะ) กับหัวใจพยาบาลที่โต๊โต ที่ยังคงดำเนินต่อไป
หวังว่ากระทู้ของเราจะช่วยผู้ป่วยเบาหวานได้ไม่มากก็น้อย และ หวังว่ากระทู้ของเราจะไปถึงใครซักคนที่จะช่วยให้ห้องทำแผลเล็กๆแห่งนี้ได้มีอุปกรณ์ทำแผลดีๆ กำลังพยาบาลเพิ่มเติม หรือ อย่างน้อยก็แอร์เย็นๆให้คนทำงานและผู้ป่วยได้พอชื่นใจบ้าง
[CR] ห้องทำแผลเล็กๆในรพ.สันป่าตอง แต่หัวใจพยาบาลโต๊โต
วันแรกที่ไปลงทะเบียนเป็นผู้ป่วยในก็ตั้งหน้าตั้งตารอเจอพยาบาลนางฟ้าแต่พวกเราก็ผิดหวังกันไป เพราะ ต้องว่ากันไปตามระบบก่อน ในคืนแรกนั้นพยาบาลประจำตึกที่เข้ามาดูแลและทำแผล ก็ได้ให้กำลังใจว่า สงสัยอาจต้องตัดทั้งสามนิ้วและอาจต้องตัดเท้าด้วย พวกเราต่างก็ใจหายแต่ก็ทำใจดีสู้เสือไว้ เพราะผู้ป่วยเองนั้นนั่งยันนอนยันว่ายังไงก็ไม่ตัด
เช้าวันรุ่งขึ้นแพทย์เจ้าของไข้ก็ตัดสินใจว่าอย่างไรก็ต้องตัดนิ้วเท้าออกหนึ่งนิ้ว และหมอเองนั้นก็มีบุคคลิกห้าวหาญที่ดูแล้วก็มีความชำนาญด้านการจัดการคนไข้ที่ดื้อมากจนถึงมากที่สุด จนในที่สุดแม่ก็ยอมตัดนิ้วชี้ที่เนื้อมันใช้การไม่ได้แล้วออกไป
ในที่สุดเราก็ได้พบกับพยาบาลนางฟ้าในวันที่สองนั่นเอง และเราก็ได้เรียนรู้ว่าการที่จะเป็นนางฟ้านั้นคุณไม่ต้องสวยหวานหรือนิ่มนวลชวนฝัน เพียงแต่คุณนั้นมีความมุ่งมั่นตั้งใจ สนใจ ใส่ใจ และให้ใจ ไม่รังเกียจแม้จะเป็นอวัยวะส่วนที่อยู่ต่ำที่สุด ครั้งแรกที่เราเห็นการดูแลแผลของพยาบาลต่าย เราก็รู้สึกมั่นใจว่าแม่เราได้อยู่ในมือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ เพราะนางนั้นทั้งแซะทั้งแงะทั้งล้างและล้วง ในการทำแผลพยาบาลต่ายจะดูแลและทำแผลโดยละเอียดมากๆ
ตลอดเวลาของการเป็นผู้ป่วยในพยาบาลจะเข้ามาดูเป็นประจำและคอยหมั่นสอนวิธีการดูแลและทำแผลให้พยาบาลอื่นๆ เราก็แอบเป็นครูพักลักจำ จนเราพอดูออกละว่าพยาบาลคนไหนมีความเข้าใจในการดูแลแผล หรือเรียกว่ามีวิชาพอจับผิดพยาบาลได้พอสมควร
แต่กระนั้นเอง เราก็ไม่เคยคิดที่จะจับผิดพยาบาลเลย เพราะหลังจากที่แม่เรามาเป็นผู้ป่วยนอก เราก็ยังกลับไปทำแผลที่ห้องทำแผลเล็กๆข้างห้องผู้ป่วย ICU ในโรงพยาบาลเดิม เราเห็นการทำงานที่วุ่นวายและเหนื่อยล้าของพยาบาลในห้องนี้ทุกคน บางครั้งเราก็ไปตอนเช้า บางครั้งเราก็ไปตอนบ่ายแล้วแต่เวลานัดหมาย แต่ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนเราไม่เคยเห็นพยาบาลห้องนี้ได้พักเลย บางครั้งเรารอจนได้ทำแผลตอนเที่ยงกว่า พยาบาลก็ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย และจากการเราที่เริ่มมีความเผือก เพราะเห็นว่าการเผือกนั้นก็ก่อให้เกิดประโยชน์มิใช่น้อย เราก็ได้แอบได้ยินมาว่าแม่นางเตรียมข้าวช้าวไว้ให้แต่นางยังไม่ได้เข้าไปทานเลย จากที่ตอนแรกเราแอบหงุดหงิดเพราะรอแต่เช้าก็เข้าใจและเห็นใจว่า พยาบาลทุกคนกำลังทำงานกันอย่างหนัก แต่ละคนก็ไม่เห็นได้นั่งกันเลย เพราะรับงานทุกรูปแบบ ตั้งแต่เล็บขบยันแผลตัดเท้า หรือ ฝีใต้จักกะแร้ยันหลุมลึกที่กลางพุง บาดแผลมากมายเกินคำบรรยาย
ทุกวันนี้เราก็ยังพาแม่ได้ทำแผลที่เดิม แผลแม่ก็เริ่มสวยขึ้นจนถูกแซวว่าเป็นคนสวยที่สุด และ เราก็ยังคงมองเห็นความวุ่นวายในห้องทำแผลเล็กๆ (ห้องพัดลมด้วยนะ) กับหัวใจพยาบาลที่โต๊โต ที่ยังคงดำเนินต่อไป
หวังว่ากระทู้ของเราจะช่วยผู้ป่วยเบาหวานได้ไม่มากก็น้อย และ หวังว่ากระทู้ของเราจะไปถึงใครซักคนที่จะช่วยให้ห้องทำแผลเล็กๆแห่งนี้ได้มีอุปกรณ์ทำแผลดีๆ กำลังพยาบาลเพิ่มเติม หรือ อย่างน้อยก็แอร์เย็นๆให้คนทำงานและผู้ป่วยได้พอชื่นใจบ้าง