เรื่องที่จะเล่านี้ยาวมากค่ะ น่าจะมีประมาณ 3 ตอนเพราะเรื่องนี้กินเวลาจากตอนนั้นถึงตอนนี้ประมาณ 10 ปีเห็นจะได้ แต่คิดว่ามันมีประโยชน์ในหลายๆ ด้านเพื่อให้ทุกคนอยู่อย่างมีสติและอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง
จุดเริ่มต้นของการสร้างกรรม
ขอแทนตัวเองว่า เค นะคะ เค เป็นหญิงสาววัยยี่สิบหยกๆ ช่วงปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นบทเรียนของชีวิตบทใหญ่มากๆ ก็ว่าได้ ย้อนกลับไปช่วงที่ เค เป็นวัยรุ่นอายุ 15 ปี เรียกได้ว่าเป็นช่วงว้าวุ่นเลยก็ว่าได้ เคไม่ได้สนใจหรือใส่ใจกับการเรียนมากนักด้วยความที่เป็นเด็กหัวดีแต่ขี้เกียจ(มากๆ)เลยไม่อ่านหนังสือทำให้เคนั้นโง่วิชาคณิตมาก แทนที่เคจะตั้งใจมากกว่าเดิมเคเลือกที่จะหนีมันแทนฉะนั้น เคจึงเลือกเรียนสายอาชีพที่โรงเรียนเอกชนแทนเพราะคิดสายอาชีพนั้นคงไม่ต้องได้เรียนคณิตมากเท่าไหร่ คณิตเขาใช้กันที่ไหนหละคณิตศาสตร์มันไกลตัวชะมัด พ่อแม่ของเคก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยก็เกรดมันโอเคและเคก็ไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องขายหน้าในเรื่องต่างๆเรื่องกินเรื่องเที่ยวเป็นผู้สาวขาเล๊าะเรื่องหนุ่มๆอะไรแบบนี้ไม่หรอกค่ะ เคไม่สนใจเคอยู่ของเค ไม่เหมือนเด็กๆแถวบ้านวัยเดียวกัน และแล้วก็ถึงวันที่ต้องไปเรียนปรับพื้นฐานที่โรงเรียน เค เจอเพื่อนที่ปัจจุบันก็ยังติต่อกันอยู่เป็นเนือง คือ อู เน และ เอ ตัว เค และ อู มาจากโรงเรียนเดียวกันก็เลยสนิทกันมาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย แต่ เค เรียนสายภาษา และ อู นั้นเรียนบัญชี เน เอ ก็เรียนบัญชีเหมือนกัน ฉะนั้น เพื่อนของอู จึงกลายมาเป็นเพื่อนของเคด้วย
บ้านของเออยู่ต่างจังหวัด ส่วนบ้านของเคก็ไกลแต่มีรถรับส่งถึงอยู่ค่ะ แต่ต้องตื่นแต่ตีห้าเพื่อจะได้ขึ้นรถให้ทันหกโมงครึ่ง และกว่าจะกลับถึงบ้านต้องรอโรงเรียนนั้นโรงเรียนี้เลิกเรียนก่อนถึงจะได้กลับพร้อมกัน จากโรงเรียนเคเลิกสี่โมงเย็นแต่ถึงบ้านจริงๆเกือบสองทุ่มทุกวัน เราเป็นคนขี้เกียจตื่นเช้าและซีเรียสกับการนอนมากไม่รู้ทำไมแต่นิสัยเป็นแบบนี้จริงๆ เลยขอพ่อกับแม่มาอยู่หอพักกับเอ เพราะนางอยู่หอข้างโรงเรียนอยู่แล้ว ตอนแรกพ่อกับแม่ไม่ยอมหรอก เราก็เถียงๆๆๆว่าจะมาอยู่ให้ได้ไม่งั้นจะไม่เรียนขึ้นเกียจตื่นสาระพัดเหตุผลมาอ้าง ทั้งเอารถมอไซค์ไปเทียวเองกลับช้าๆบ้างให้เขาเป็นห่วงเล่นๆในบางวัน จนพ่อกับเเม่ใจอ่อนยอมให้เราไปอยู่หอกับเอ ตอนอยู่หอกับเอนั้นสนุกมากๆเลยได้ลองทำหลายๆ อย่างที่วัยรุ่นอยากทำ เช่น ลองกินเหล้า โดดเรียนมานอนเล่นบ้างมาดูทีวีบ้าง(โดยเคบอกพ่อว่าถ้าไม่มีทีวีมาด้วยจะไม่เรียนเรียนหนังสือสมัยนั้นยังไม่มีเฟสบุ๊คนะและเคก็ไม่ได้เล่นHi5เหมือนคนอื่นด้วยไม่มีเน็ตถ้ามีก็อาจจะติดเหมือนคนอื่นเหมือนกัน) ตอนเย็นๆก็ไปกินส้มตำลูกชิ้น ไม่มีพ่อแม่คอยบ่นนี่มันสบายตัวสบายหูจริงจริ๊ง เวลาเราจะไปไหนต้องเดินเอานะ เพราะยังไม่ได้เอารถมาแว๊น และก็คิดว่ามันใหญ่เกินตัวเกินไปที่จะขอพ่อกะแม่ด้วยอีกอย่าเราก็อายุแค่ 16 ปีเองคงรับผิดชอบไม่ไหวหรอกกลัวหายกลัวล้มด้วย กลัวๆ ไปหมดแต่ไม่เป็นไรแบบนี้ก็โอเคละนะในความคิดของเค
วันอาทิตย์วันหนึ่งหลังจากที่เคกลับบ้านช่วงสุดสัปดาห์แล้ว เอก็กลับมาเหมือนกันแต่เอมากับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมันcoolมาก ใช่แล้วเอมีแฟนแล้วจ้าเอานั่งรถยนต์มาส่งเอ และ เอกับแฟนเอก็มีน้ำใจรับเราไปเลี้ยงข้าวด้วย จากนั้นเอและแฟนก็มาส่งเคที่หอค่ะ แล้วเขาก็ไปค้างที่รีสอร์ทกัน เราบอกว่าไม่ต้องห่วงเคนอนคนเดียวได้สบายมาก ไม่ได้เป็นขี้กลัวอะไรพวกนี้เท่าไหร่ หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือนเห็นจะได้ แฟนเอมาหาเออีกครั้งคราวนี้เขามาพร้อมรถมอไซค์ฮอนด้าคลิ๊กใหม่กริ๊กๆ เอามาให้เอด้วยคือเราจะมีรถขับไปไหนมาไหนระหว่างเรียนไปโรงเรียนก็ไม่ต้องเดินแะแจ่มมากๆ ชอบๆ คือตอนนั้นมันแบบวับวาวและสวยมากจริงๆ สำหรับสิบปีที่แล้วมันสุดๆอะความคิดของเด็กตอนนั้น แบบเคยังอิจฉาถ้าแฟนซื้อให้แบบเอบ้างคงจะดีนะเด็ก 16 คือคิดอะไรได้ประมาณแค่นั้นแหละ โอ้ยสวยๆ อยากได้ๆ แล้วแฟนเอเขาก็ด้วยความเป็นห่วงเอก็เลยติดป้ายทะเบียนที่เป็นสีแดงให้ ในความคิดเด็กๆตอนนั้นและสำหรับคนที่ไม่รู้คือ รถออกสดและใหม่มากเลยเป็นป้ายสีแดงนี่มอไซค์นะเว้ย เจ๋งอะ แต่มารู้ความจริงที่หลังก็อยากจะมองบนใส่ตัวเองเหมือนกัน เอาเป็นว่าแฟนเอที่เป็นรุ่นพี่เราประมาณ 6-7 ปี ออกรถให้เอใช้เทียวไปโรงเรียนรึเทียวกลับบ้านบ้างในบางอาทิตย์ละกัน แต่เคอดปราบปลื้มแทนไม่ได้หนิ
ช่วงนั้นพ่อของเคว่างงานค่ะ พ่อเลยมาขายของที่ตลาดนัดในเมืองที่เคเรียนอยู่ เคก็ช่วยขายบ้างโดดบ้างประเด็นคือวันนั้นแม่เคฝากพ่อให้เข้าไปถ่ายเอกสารให้ด้วยจำนวนหนึ่งซึ่ง ตอนนั้นพ่อออกจากตลาดนัดไม่ได้แล้วพ่อถามว่าให้เอพาเคไปได้ไหม ทำไงได้เคเลยโทรหาเอให้พาไปหน่อย แต่เอถามเราว่าไปเองคนเดียวได้ไหมแฟนของเออยากเดินดูตลาดสักหน่อย เคก็ร็สึกว่ามันก็ไม่ได้อยากเย็นทำไมจะไปไม่ได้หละสบายมาก เอจึงเอารถคันใหม่นั้นให้ยืม ตอนนั้นรู้สึกพราวมากได้ขับรถคลิ๊กป้ายแดงซะด้วย พอถ่ายเอกสารเสร็จเอ๊ะ ฟ้าดูครึ้มๆรีบหน่อยดีกว่า เดี๋ยวฝนตกฟ้าก็อย่างมืด พอมาถึงสามแยกวัดใจ(เขา) เคจอดมองทางซ้ายขวาคิดว่าจะพุ่งเลยดีไหมนะ จังหวะนั้นมีมอไซค์อีกคันพุ่งเสียบเขามาชนทางด้านขวาตรงบรอเวณเท้าเหยียบ เกือบชนขาของเคแล้ว รถและตัวของเคล้มไปด้านซ้าย เคตกใจมากๆ แต่แล้วเรื่องที่ทำให้เคตกใจกว่าคือรถค่ะ รถของเอพังเยอะมาก คิดในใจซวยแล้วเอกสารกระจาย รถที่มาชนเค ลองกองมะนาวของมันก็ตกเต็มพื้น พอมันเห็นรถของเอที่เสียหายหนักและมันใหม่มากๆ มันจับรถมันล้มขึ้นแล้วก็ด่าๆเค ว่าจะรีบยื่นหน้าออกมาทำไมฝนก็จะตก บลาๆ เราเลยบอกว่าอยู่คุยกันก่อนนะกำลังจะโทรบอกพ่อกับเพื่อนให้รีบมา รถเพื่อนด้วยเพิ่งซื้อมา ทันใดนั้นมันเลยบอกว่า ไม่คุยๆ แฟนมันป่วยกำลังรอมันอยู่ที่โรงพยายาบาล แล้วมันก็ออกตัวแว๊นไปหน้าตาเฉยปล่อยให้เคยืนงงและร้องไห้ ทางนั้นไม่มีโรงบาลสะหน่อยโกหกหน้าตาเฉยคน
ผู้หญิง
ผู้ใหญ่
มันอะไรนักหนาเนี๊ยะตอนนั้นเค คิดในใจว่าฉันแค่เด็กคนนึงทำไมผู้ใหญ่อย่างแกต้องมาทำแบบนี้ด้วย เคยังคงรอพ่อกับเอให้มาช่วยเพราะรถพังเยอะแต่สตาร์ทไม่ติด พ่อของเคก็คงติดอยู่ในตลาดนัด ตอนนั้นเคไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น เคเจ็บอายและก็กลัวมากซวยๆจริงๆ กลัวเอกับแฟนเอโกรธ คือมันเป็นรถของเขาใหม่ด้วยตอนนั้นคิดแค่นั้นจริงๆ และก็ยังคงร้องไห้ต่อด้วยความกลัว
เคยังคงร้องไห้และนั่งเฝ้ารถอยู่อย่างนั้นไม่รู้จะไปไหนไม่รู้จะทำไรเลยจริงๆ จากนั้นฝนก็ตกลงมาเคคิดให้ใจให้มันมันได้อย่างนี้สิเอาเข้าไป เอาให้พอใจเลยนะ มีเสียงรถยนต์ขับมาใกล้ๆแล้วชะลอ คนอยู่หน้ารถหมุนกระจกลงมาแล้วพูดเป็นภาษาอีสานออกมา เคว่าแล้วต้องมีคนมาช่วยเคอย่างน้อยก็คงมาช่วยพยุงเคกับรถขึ้นเพราะเคเจ็บมือมาก แต่พอเขาพูดมันไม่ได้เป็นอย่างที่ใจของเคคิดเลย เขาพูดว่า "หล่าๆ เอารถออกจากทางแหน่มันขวงทางผุอื่นหนิ เก๊ะก๊ะ เมาบ่หนิ" แปลว่า "หนูๆ เอารถออกจากตรงนี้หน่อยมันขวางทางคนอื่นเขานะ เก๊ะก๊ะ แล้วเมาใช่ไหมหนะ" ประมาณนี้ เคจำคำของเขาได้คือเคดูเป็นคนแบบไหนอะ ถึงได้โดนผู้ใหญ่สองคนทำร้ายจิตใจขนาดนี้ ความมีน้ำใจมันหายไปไหนหมด หมดแล้วความเชื่อที่ว่าเมืองไทยคนไทยมีน้ำใจมองโลกในแง่ดี เด็กโลกสวยอย่างเคยังโดนขนาดนี้เคคิดในใจว่าต่อไปจะไม่ยอมให้ใครๆที่ไม่ร็จักมาข่มเหงเคอีกแล้ว พอพ่อเอและแฟนเอมาถึง ทีแรกเอคิดว่าจะต้องโดนด่าเละแน่จากทุกคน แต่ไม่มีเลยทุกคนมาดูว่าเคเจ็บตรงไหนรึป่าว มันทำให้เคซึ้งใจมากจริงๆและรู้สึกขอบคุณเอกับแฟนมากที่ไม่ด่าที่ทำรถใหม่เขาพังคือตอนนั้นเครู้สึกรักเอขึ้นมาเป็นกองเลย วันต่อมาก็ไปซ่อมรถที่ศูนย์หมดเกือบสองพัน เฟมแตกนิดหน่อยแต่เอกะแฟนบอกว่าไม่เป็นไรถ้าเปลี่ยนอันนั้นมันจะแพงไปทำเดี๋ยวเคกับพ่อจะลำบากเอา เครู้สึกขอบคุณเอมากจริงๆจากใจและบอกกับเอว่าต่อไปมีอะไรให้ช่วยก็บอกเลยต่อจากนี้เคจะรักเอเป็นเหมือนเพื่อนรักคนนึงเลย เคจะช่วยเอให้สุดความสามารถไปเลย... ทุกๆอย่างดำเนินไปอย่างปกติจนกระทั้งไม่ถึงสองเดือนต่อมาเคเห็นยาสตรีในตะกร้าผ้าของเอ และเคถามเอว่าต้องกินด้วยหรอเอ เอจึงตอบว่า "เคเอท้อง เอไม่อยากเก็บไว้เออยากเรียน เคช่วยเอด้วยนะ" ตอนนั้นคือมึนๆตึงๆเรียบเรียงคำพูดอืมมมมม มันเรื่องอะไรอะ แต่แล้วเคก็ตอบว่า "ได้สิ ให้ทำยังไงบ้างหละเคจะช่วยเอเอง"
เคทำทุกอย่างที่เอขอร้อง เช่นขย่มท้องเอ แรงๆ ชกท้องเอ ถีบท้องเอ รึกลับบ้านเอาลูกยอมาตำให้เอกินแต่ก็ไม่เป็นสำเร็จ จนวิธีสุดท้ายเอก็บอกว่าพาเอไปหาที่ทำแท้งหน่อย เคหนะขนาดแฟนยังไม่เคยมีเลยจะไปรู้จักที่อย่างงั้นได้ไง แต่แล้วเคก็นึกออกว่าใครพอจะรู้บ้าง คนนั้นคือ นี เพื่อนแถวบ้านของเคและยังเป็นญาติของเคอีกด้วยเลยลองถามดูว่านางรู้จักซักที่ไหม นีรู้จักจริงๆโดยนีเล่าว่านีเคยพาเพื่อนไปทำแล้ว 2-3 ครั้ง มันยิ่งตอกย้ำว่าคนอื่นเขาก็ทำเหมือนกันเยอะแยะ เคกับเอก็ไม่น่าจะผิดมากหรอกนะ วันต่อมาเราสามคนไปเจรจาต่อรองกับคนทำ คนที่ทำให้เรานั้นเป็นผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบปีเหมือนชาวบ้านชาวสวนทั่วไป ลืมภาพหมอในคลีนิคไปก่อนนะคะเพราะตอนแรกเคก็คิดว่างคงเป็นประมาณนั้น เขาก็ถามๆเอมากมายแล้วก็ถามเอ ว่ากี่เดือนแล้ว เอเลยบอกว่าสามเดือนกว่าแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเลยให้เอนอนลดแล้วแกก็เปิดเสื้อเอขึ้นพร้อมกับจับๆดู นี่มันจะห้าเดือนแล้วมัวทำอะไรอยู่ โกหกด้วยสามเดือนอะไรนี่ๆลูกเองอยู่ตรงๆนี้แล้วแกก็ชี้ๆจิ้มๆ แล้วบอกว่ารีบเลยนะไม่งั้นจะไม่ทำให้แต่นีบอกว่ายายก็ทำให้เพื่อนหนูหน่อยเดือดร้อนกันจ๊ะหนูหนะเคยมาหายายบ่อยแล้วช่วยเพื่อนหนูหน่อยและอย่าแพงมากนะยายห้าพันเหมือนเดิมได้ไหม แต่ยายบอกว่ามันโตกว่าก่อนหน้านั้นคราวนี้มันต้องเจ็ดพันแล้วหละ จากนั้นเอบอกว่าขอเตรียมใจแล้วเตรียมเงินก่อนต้องบอกแฟนหาเงินมาให้ด้วยโดยเร็ว อีกอย่างจะปิดเทอมแล้วด้วยรอไม่ได้ปิดเทอมต้องกลับบ้าน แม่เอต้องรู้แน่ยังไงก็ต้องทำก่อนปิดเทอม เอบอกทุกคนว่าจะให้แฟนพามาทำเองตอนนี้รู้จักที่ละ และขอบใจเราสองคนมากที่พามาหาเอจะรีบมาทำให้เร็วที่สุด หลังจากสอบเสร็จทั้งเอและเคก็ต่างพากันกลับบ้านเอนั้นฝากรถคันนั้นไว้ที่เคช่วงปิดเทอม ที่ผ่านมาเวลาเอกลับบ้านเอจะบอกพ่อกับแม่ว่ารถเพื่อน แต่ปิดเทอมนานขนาดนี่คงเอากลับไปด้วยไม่ได้เดี๋ยวจะถูกสงสัยว่ารถเพื่อนแต่ทำไมเอามาได้นานขนาดนั้น เอเลยกันไว้เลย รถที่อยู้นี่เคก็ไม่ค่อยจะขี่เท่าไหร่เอาตามตรงเคเข็ดการขับรถไปไหนคนเดียวขึ้นสมองไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีกแล้ว โดยเฉพาะขับในเมืองเคจะไม่ขับเลยกลัวฝังใจด้วยแหละ เคจะขี่เฉพาะแถวๆที่เคคุ้นจริงๆ หรือบ้านนอกจริงๆ จะเปิดเทอมละหน้าที่รับเอที่ปากทางก็ต้องเป็นของเคเพราะเอารถเอามาแล้วนิ พอเจอเอ เครู้สึกว่าเอตัวผอมมากๆแต่ทำไมยังมีหน้าท้องอยู่อีก เคเลยถามเอว่าเป็นไงบ้างสองเดือนที่ผ่านมา ตอนทำเจ็บไหมอะเอ คำตอบที่ได้มาทำให้เคช็อคนิดหน่อย เอตอบว่าเจ็บอะไรอะยังไม่ได้ไปทำเลยรอเปิดเทอมจะให้แฟนพาไปทำ จี๊ดมากตกใจสุดๆ ทำไมอะทำไมต้องรอด้วยเคถามกลับ เอตอบว่ายายอะมั่วเอนับอยู่อยู่ได้สามเดือนกว่าเองไม่ใช่ห้านะ เอคิดว่ารอได้อยู่ ตอนนั้นความรู้สึกผิดเริ่มมีมากขึ้นในใจของเคแล้วค่ะ เคว่าเอไม่ใช่ละจะประวิงเวลาหาอะไร เคค่อนข้างโกรธและเสียความร็สึกมากๆ แต่ทำไงได้เอเป็นเพื่อนของเค สองวันต่อมาเอและแฟนพากันไปทำจนเสร็จ จากที่เอกลับมาเล่าให้ฟังยายคนนั้นไม่กล้าทำให้เอ นางส่งต่อให้คุณหมอที่คลีนิคแห่งหนึ่งแถวๆนั้น ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มเป็นหนึ่งหมื่นบาทไม่ใช่เจ็ดพันเพราะอายุครรภ์มากแล้วจริงๆ เคก็กลัวเอจะตายนะเพราะหลังจากกลับมาเอก็ตัวซีดๆอยู่นาน เอยังเล่าอีกว่าแฟนเอบอกว่าเอเกือบช็อคเพราะตาเบิกกว้างจับมือแฟนไว้แน่นและเกือบเรียกไม่ฟื้นคืนสติ คือเเค่เคฟังก็กลัวละดีนะที่ไม่ได้พาไปทำในวันจริง หลังจากนั้นทุกอย่างกลับเป็นปกติในความรู้สึกลึกๆเคก็รู้สึกผิดแล้วคิดว่าไม่น่าเลยเราไม่น่าอยากมาอยู่หอตั้งแต่แรกต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ เรากรรมที่เราอยากมาอยู่หอรึป่าวนะ กรรมที่เราแกล้งทำให้พ่อแม่เป็นห่วง อาจจะเป็นไปได้ เคตัดสินใจไปอยู่บ้านตัวเองขึ้นรถรับส่งอีกครั้งโดยใช้แม่เป็นข้ออ้างว่าแม่อยากให้กลับไปอยู่บ้านมันเปลือง จริงๆค่าใช้จ่ายไม่ต่างกันมากหรอกแต่ใจเคไม่อยู่แล้วนิ ให้เคกลับไปอยู่กับเอสองเหมือนเดิมไม่เอาด้วยหรอก กลัวเกิดเหตุทำนองนี้ขึ้นอีกเคยอมตื่นเช้ากลับเย็นเหมือนแต่ก่อนดี เดี๋ยวกลับมาต่อค่ะ
เกิดอะไรขึ้นกับคุณช่วงเบญจเพส แล้วคุณพากันผ่านมาได้ยังไง แล้วคุณเคยได้ยินโทษของการทำแท้ง+เบญจเพสไหมหละสาหัสสุดๆ
จุดเริ่มต้นของการสร้างกรรม
ขอแทนตัวเองว่า เค นะคะ เค เป็นหญิงสาววัยยี่สิบหยกๆ ช่วงปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นบทเรียนของชีวิตบทใหญ่มากๆ ก็ว่าได้ ย้อนกลับไปช่วงที่ เค เป็นวัยรุ่นอายุ 15 ปี เรียกได้ว่าเป็นช่วงว้าวุ่นเลยก็ว่าได้ เคไม่ได้สนใจหรือใส่ใจกับการเรียนมากนักด้วยความที่เป็นเด็กหัวดีแต่ขี้เกียจ(มากๆ)เลยไม่อ่านหนังสือทำให้เคนั้นโง่วิชาคณิตมาก แทนที่เคจะตั้งใจมากกว่าเดิมเคเลือกที่จะหนีมันแทนฉะนั้น เคจึงเลือกเรียนสายอาชีพที่โรงเรียนเอกชนแทนเพราะคิดสายอาชีพนั้นคงไม่ต้องได้เรียนคณิตมากเท่าไหร่ คณิตเขาใช้กันที่ไหนหละคณิตศาสตร์มันไกลตัวชะมัด พ่อแม่ของเคก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยก็เกรดมันโอเคและเคก็ไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องขายหน้าในเรื่องต่างๆเรื่องกินเรื่องเที่ยวเป็นผู้สาวขาเล๊าะเรื่องหนุ่มๆอะไรแบบนี้ไม่หรอกค่ะ เคไม่สนใจเคอยู่ของเค ไม่เหมือนเด็กๆแถวบ้านวัยเดียวกัน และแล้วก็ถึงวันที่ต้องไปเรียนปรับพื้นฐานที่โรงเรียน เค เจอเพื่อนที่ปัจจุบันก็ยังติต่อกันอยู่เป็นเนือง คือ อู เน และ เอ ตัว เค และ อู มาจากโรงเรียนเดียวกันก็เลยสนิทกันมาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย แต่ เค เรียนสายภาษา และ อู นั้นเรียนบัญชี เน เอ ก็เรียนบัญชีเหมือนกัน ฉะนั้น เพื่อนของอู จึงกลายมาเป็นเพื่อนของเคด้วย
บ้านของเออยู่ต่างจังหวัด ส่วนบ้านของเคก็ไกลแต่มีรถรับส่งถึงอยู่ค่ะ แต่ต้องตื่นแต่ตีห้าเพื่อจะได้ขึ้นรถให้ทันหกโมงครึ่ง และกว่าจะกลับถึงบ้านต้องรอโรงเรียนนั้นโรงเรียนี้เลิกเรียนก่อนถึงจะได้กลับพร้อมกัน จากโรงเรียนเคเลิกสี่โมงเย็นแต่ถึงบ้านจริงๆเกือบสองทุ่มทุกวัน เราเป็นคนขี้เกียจตื่นเช้าและซีเรียสกับการนอนมากไม่รู้ทำไมแต่นิสัยเป็นแบบนี้จริงๆ เลยขอพ่อกับแม่มาอยู่หอพักกับเอ เพราะนางอยู่หอข้างโรงเรียนอยู่แล้ว ตอนแรกพ่อกับแม่ไม่ยอมหรอก เราก็เถียงๆๆๆว่าจะมาอยู่ให้ได้ไม่งั้นจะไม่เรียนขึ้นเกียจตื่นสาระพัดเหตุผลมาอ้าง ทั้งเอารถมอไซค์ไปเทียวเองกลับช้าๆบ้างให้เขาเป็นห่วงเล่นๆในบางวัน จนพ่อกับเเม่ใจอ่อนยอมให้เราไปอยู่หอกับเอ ตอนอยู่หอกับเอนั้นสนุกมากๆเลยได้ลองทำหลายๆ อย่างที่วัยรุ่นอยากทำ เช่น ลองกินเหล้า โดดเรียนมานอนเล่นบ้างมาดูทีวีบ้าง(โดยเคบอกพ่อว่าถ้าไม่มีทีวีมาด้วยจะไม่เรียนเรียนหนังสือสมัยนั้นยังไม่มีเฟสบุ๊คนะและเคก็ไม่ได้เล่นHi5เหมือนคนอื่นด้วยไม่มีเน็ตถ้ามีก็อาจจะติดเหมือนคนอื่นเหมือนกัน) ตอนเย็นๆก็ไปกินส้มตำลูกชิ้น ไม่มีพ่อแม่คอยบ่นนี่มันสบายตัวสบายหูจริงจริ๊ง เวลาเราจะไปไหนต้องเดินเอานะ เพราะยังไม่ได้เอารถมาแว๊น และก็คิดว่ามันใหญ่เกินตัวเกินไปที่จะขอพ่อกะแม่ด้วยอีกอย่าเราก็อายุแค่ 16 ปีเองคงรับผิดชอบไม่ไหวหรอกกลัวหายกลัวล้มด้วย กลัวๆ ไปหมดแต่ไม่เป็นไรแบบนี้ก็โอเคละนะในความคิดของเค
วันอาทิตย์วันหนึ่งหลังจากที่เคกลับบ้านช่วงสุดสัปดาห์แล้ว เอก็กลับมาเหมือนกันแต่เอมากับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมันcoolมาก ใช่แล้วเอมีแฟนแล้วจ้าเอานั่งรถยนต์มาส่งเอ และ เอกับแฟนเอก็มีน้ำใจรับเราไปเลี้ยงข้าวด้วย จากนั้นเอและแฟนก็มาส่งเคที่หอค่ะ แล้วเขาก็ไปค้างที่รีสอร์ทกัน เราบอกว่าไม่ต้องห่วงเคนอนคนเดียวได้สบายมาก ไม่ได้เป็นขี้กลัวอะไรพวกนี้เท่าไหร่ หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือนเห็นจะได้ แฟนเอมาหาเออีกครั้งคราวนี้เขามาพร้อมรถมอไซค์ฮอนด้าคลิ๊กใหม่กริ๊กๆ เอามาให้เอด้วยคือเราจะมีรถขับไปไหนมาไหนระหว่างเรียนไปโรงเรียนก็ไม่ต้องเดินแะแจ่มมากๆ ชอบๆ คือตอนนั้นมันแบบวับวาวและสวยมากจริงๆ สำหรับสิบปีที่แล้วมันสุดๆอะความคิดของเด็กตอนนั้น แบบเคยังอิจฉาถ้าแฟนซื้อให้แบบเอบ้างคงจะดีนะเด็ก 16 คือคิดอะไรได้ประมาณแค่นั้นแหละ โอ้ยสวยๆ อยากได้ๆ แล้วแฟนเอเขาก็ด้วยความเป็นห่วงเอก็เลยติดป้ายทะเบียนที่เป็นสีแดงให้ ในความคิดเด็กๆตอนนั้นและสำหรับคนที่ไม่รู้คือ รถออกสดและใหม่มากเลยเป็นป้ายสีแดงนี่มอไซค์นะเว้ย เจ๋งอะ แต่มารู้ความจริงที่หลังก็อยากจะมองบนใส่ตัวเองเหมือนกัน เอาเป็นว่าแฟนเอที่เป็นรุ่นพี่เราประมาณ 6-7 ปี ออกรถให้เอใช้เทียวไปโรงเรียนรึเทียวกลับบ้านบ้างในบางอาทิตย์ละกัน แต่เคอดปราบปลื้มแทนไม่ได้หนิ
ช่วงนั้นพ่อของเคว่างงานค่ะ พ่อเลยมาขายของที่ตลาดนัดในเมืองที่เคเรียนอยู่ เคก็ช่วยขายบ้างโดดบ้างประเด็นคือวันนั้นแม่เคฝากพ่อให้เข้าไปถ่ายเอกสารให้ด้วยจำนวนหนึ่งซึ่ง ตอนนั้นพ่อออกจากตลาดนัดไม่ได้แล้วพ่อถามว่าให้เอพาเคไปได้ไหม ทำไงได้เคเลยโทรหาเอให้พาไปหน่อย แต่เอถามเราว่าไปเองคนเดียวได้ไหมแฟนของเออยากเดินดูตลาดสักหน่อย เคก็ร็สึกว่ามันก็ไม่ได้อยากเย็นทำไมจะไปไม่ได้หละสบายมาก เอจึงเอารถคันใหม่นั้นให้ยืม ตอนนั้นรู้สึกพราวมากได้ขับรถคลิ๊กป้ายแดงซะด้วย พอถ่ายเอกสารเสร็จเอ๊ะ ฟ้าดูครึ้มๆรีบหน่อยดีกว่า เดี๋ยวฝนตกฟ้าก็อย่างมืด พอมาถึงสามแยกวัดใจ(เขา) เคจอดมองทางซ้ายขวาคิดว่าจะพุ่งเลยดีไหมนะ จังหวะนั้นมีมอไซค์อีกคันพุ่งเสียบเขามาชนทางด้านขวาตรงบรอเวณเท้าเหยียบ เกือบชนขาของเคแล้ว รถและตัวของเคล้มไปด้านซ้าย เคตกใจมากๆ แต่แล้วเรื่องที่ทำให้เคตกใจกว่าคือรถค่ะ รถของเอพังเยอะมาก คิดในใจซวยแล้วเอกสารกระจาย รถที่มาชนเค ลองกองมะนาวของมันก็ตกเต็มพื้น พอมันเห็นรถของเอที่เสียหายหนักและมันใหม่มากๆ มันจับรถมันล้มขึ้นแล้วก็ด่าๆเค ว่าจะรีบยื่นหน้าออกมาทำไมฝนก็จะตก บลาๆ เราเลยบอกว่าอยู่คุยกันก่อนนะกำลังจะโทรบอกพ่อกับเพื่อนให้รีบมา รถเพื่อนด้วยเพิ่งซื้อมา ทันใดนั้นมันเลยบอกว่า ไม่คุยๆ แฟนมันป่วยกำลังรอมันอยู่ที่โรงพยายาบาล แล้วมันก็ออกตัวแว๊นไปหน้าตาเฉยปล่อยให้เคยืนงงและร้องไห้ ทางนั้นไม่มีโรงบาลสะหน่อยโกหกหน้าตาเฉยคน ผู้หญิง ผู้ใหญ่ มันอะไรนักหนาเนี๊ยะตอนนั้นเค คิดในใจว่าฉันแค่เด็กคนนึงทำไมผู้ใหญ่อย่างแกต้องมาทำแบบนี้ด้วย เคยังคงรอพ่อกับเอให้มาช่วยเพราะรถพังเยอะแต่สตาร์ทไม่ติด พ่อของเคก็คงติดอยู่ในตลาดนัด ตอนนั้นเคไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น เคเจ็บอายและก็กลัวมากซวยๆจริงๆ กลัวเอกับแฟนเอโกรธ คือมันเป็นรถของเขาใหม่ด้วยตอนนั้นคิดแค่นั้นจริงๆ และก็ยังคงร้องไห้ต่อด้วยความกลัว
เคยังคงร้องไห้และนั่งเฝ้ารถอยู่อย่างนั้นไม่รู้จะไปไหนไม่รู้จะทำไรเลยจริงๆ จากนั้นฝนก็ตกลงมาเคคิดให้ใจให้มันมันได้อย่างนี้สิเอาเข้าไป เอาให้พอใจเลยนะ มีเสียงรถยนต์ขับมาใกล้ๆแล้วชะลอ คนอยู่หน้ารถหมุนกระจกลงมาแล้วพูดเป็นภาษาอีสานออกมา เคว่าแล้วต้องมีคนมาช่วยเคอย่างน้อยก็คงมาช่วยพยุงเคกับรถขึ้นเพราะเคเจ็บมือมาก แต่พอเขาพูดมันไม่ได้เป็นอย่างที่ใจของเคคิดเลย เขาพูดว่า "หล่าๆ เอารถออกจากทางแหน่มันขวงทางผุอื่นหนิ เก๊ะก๊ะ เมาบ่หนิ" แปลว่า "หนูๆ เอารถออกจากตรงนี้หน่อยมันขวางทางคนอื่นเขานะ เก๊ะก๊ะ แล้วเมาใช่ไหมหนะ" ประมาณนี้ เคจำคำของเขาได้คือเคดูเป็นคนแบบไหนอะ ถึงได้โดนผู้ใหญ่สองคนทำร้ายจิตใจขนาดนี้ ความมีน้ำใจมันหายไปไหนหมด หมดแล้วความเชื่อที่ว่าเมืองไทยคนไทยมีน้ำใจมองโลกในแง่ดี เด็กโลกสวยอย่างเคยังโดนขนาดนี้เคคิดในใจว่าต่อไปจะไม่ยอมให้ใครๆที่ไม่ร็จักมาข่มเหงเคอีกแล้ว พอพ่อเอและแฟนเอมาถึง ทีแรกเอคิดว่าจะต้องโดนด่าเละแน่จากทุกคน แต่ไม่มีเลยทุกคนมาดูว่าเคเจ็บตรงไหนรึป่าว มันทำให้เคซึ้งใจมากจริงๆและรู้สึกขอบคุณเอกับแฟนมากที่ไม่ด่าที่ทำรถใหม่เขาพังคือตอนนั้นเครู้สึกรักเอขึ้นมาเป็นกองเลย วันต่อมาก็ไปซ่อมรถที่ศูนย์หมดเกือบสองพัน เฟมแตกนิดหน่อยแต่เอกะแฟนบอกว่าไม่เป็นไรถ้าเปลี่ยนอันนั้นมันจะแพงไปทำเดี๋ยวเคกับพ่อจะลำบากเอา เครู้สึกขอบคุณเอมากจริงๆจากใจและบอกกับเอว่าต่อไปมีอะไรให้ช่วยก็บอกเลยต่อจากนี้เคจะรักเอเป็นเหมือนเพื่อนรักคนนึงเลย เคจะช่วยเอให้สุดความสามารถไปเลย... ทุกๆอย่างดำเนินไปอย่างปกติจนกระทั้งไม่ถึงสองเดือนต่อมาเคเห็นยาสตรีในตะกร้าผ้าของเอ และเคถามเอว่าต้องกินด้วยหรอเอ เอจึงตอบว่า "เคเอท้อง เอไม่อยากเก็บไว้เออยากเรียน เคช่วยเอด้วยนะ" ตอนนั้นคือมึนๆตึงๆเรียบเรียงคำพูดอืมมมมม มันเรื่องอะไรอะ แต่แล้วเคก็ตอบว่า "ได้สิ ให้ทำยังไงบ้างหละเคจะช่วยเอเอง"
เคทำทุกอย่างที่เอขอร้อง เช่นขย่มท้องเอ แรงๆ ชกท้องเอ ถีบท้องเอ รึกลับบ้านเอาลูกยอมาตำให้เอกินแต่ก็ไม่เป็นสำเร็จ จนวิธีสุดท้ายเอก็บอกว่าพาเอไปหาที่ทำแท้งหน่อย เคหนะขนาดแฟนยังไม่เคยมีเลยจะไปรู้จักที่อย่างงั้นได้ไง แต่แล้วเคก็นึกออกว่าใครพอจะรู้บ้าง คนนั้นคือ นี เพื่อนแถวบ้านของเคและยังเป็นญาติของเคอีกด้วยเลยลองถามดูว่านางรู้จักซักที่ไหม นีรู้จักจริงๆโดยนีเล่าว่านีเคยพาเพื่อนไปทำแล้ว 2-3 ครั้ง มันยิ่งตอกย้ำว่าคนอื่นเขาก็ทำเหมือนกันเยอะแยะ เคกับเอก็ไม่น่าจะผิดมากหรอกนะ วันต่อมาเราสามคนไปเจรจาต่อรองกับคนทำ คนที่ทำให้เรานั้นเป็นผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบปีเหมือนชาวบ้านชาวสวนทั่วไป ลืมภาพหมอในคลีนิคไปก่อนนะคะเพราะตอนแรกเคก็คิดว่างคงเป็นประมาณนั้น เขาก็ถามๆเอมากมายแล้วก็ถามเอ ว่ากี่เดือนแล้ว เอเลยบอกว่าสามเดือนกว่าแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเลยให้เอนอนลดแล้วแกก็เปิดเสื้อเอขึ้นพร้อมกับจับๆดู นี่มันจะห้าเดือนแล้วมัวทำอะไรอยู่ โกหกด้วยสามเดือนอะไรนี่ๆลูกเองอยู่ตรงๆนี้แล้วแกก็ชี้ๆจิ้มๆ แล้วบอกว่ารีบเลยนะไม่งั้นจะไม่ทำให้แต่นีบอกว่ายายก็ทำให้เพื่อนหนูหน่อยเดือดร้อนกันจ๊ะหนูหนะเคยมาหายายบ่อยแล้วช่วยเพื่อนหนูหน่อยและอย่าแพงมากนะยายห้าพันเหมือนเดิมได้ไหม แต่ยายบอกว่ามันโตกว่าก่อนหน้านั้นคราวนี้มันต้องเจ็ดพันแล้วหละ จากนั้นเอบอกว่าขอเตรียมใจแล้วเตรียมเงินก่อนต้องบอกแฟนหาเงินมาให้ด้วยโดยเร็ว อีกอย่างจะปิดเทอมแล้วด้วยรอไม่ได้ปิดเทอมต้องกลับบ้าน แม่เอต้องรู้แน่ยังไงก็ต้องทำก่อนปิดเทอม เอบอกทุกคนว่าจะให้แฟนพามาทำเองตอนนี้รู้จักที่ละ และขอบใจเราสองคนมากที่พามาหาเอจะรีบมาทำให้เร็วที่สุด หลังจากสอบเสร็จทั้งเอและเคก็ต่างพากันกลับบ้านเอนั้นฝากรถคันนั้นไว้ที่เคช่วงปิดเทอม ที่ผ่านมาเวลาเอกลับบ้านเอจะบอกพ่อกับแม่ว่ารถเพื่อน แต่ปิดเทอมนานขนาดนี่คงเอากลับไปด้วยไม่ได้เดี๋ยวจะถูกสงสัยว่ารถเพื่อนแต่ทำไมเอามาได้นานขนาดนั้น เอเลยกันไว้เลย รถที่อยู้นี่เคก็ไม่ค่อยจะขี่เท่าไหร่เอาตามตรงเคเข็ดการขับรถไปไหนคนเดียวขึ้นสมองไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีกแล้ว โดยเฉพาะขับในเมืองเคจะไม่ขับเลยกลัวฝังใจด้วยแหละ เคจะขี่เฉพาะแถวๆที่เคคุ้นจริงๆ หรือบ้านนอกจริงๆ จะเปิดเทอมละหน้าที่รับเอที่ปากทางก็ต้องเป็นของเคเพราะเอารถเอามาแล้วนิ พอเจอเอ เครู้สึกว่าเอตัวผอมมากๆแต่ทำไมยังมีหน้าท้องอยู่อีก เคเลยถามเอว่าเป็นไงบ้างสองเดือนที่ผ่านมา ตอนทำเจ็บไหมอะเอ คำตอบที่ได้มาทำให้เคช็อคนิดหน่อย เอตอบว่าเจ็บอะไรอะยังไม่ได้ไปทำเลยรอเปิดเทอมจะให้แฟนพาไปทำ จี๊ดมากตกใจสุดๆ ทำไมอะทำไมต้องรอด้วยเคถามกลับ เอตอบว่ายายอะมั่วเอนับอยู่อยู่ได้สามเดือนกว่าเองไม่ใช่ห้านะ เอคิดว่ารอได้อยู่ ตอนนั้นความรู้สึกผิดเริ่มมีมากขึ้นในใจของเคแล้วค่ะ เคว่าเอไม่ใช่ละจะประวิงเวลาหาอะไร เคค่อนข้างโกรธและเสียความร็สึกมากๆ แต่ทำไงได้เอเป็นเพื่อนของเค สองวันต่อมาเอและแฟนพากันไปทำจนเสร็จ จากที่เอกลับมาเล่าให้ฟังยายคนนั้นไม่กล้าทำให้เอ นางส่งต่อให้คุณหมอที่คลีนิคแห่งหนึ่งแถวๆนั้น ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มเป็นหนึ่งหมื่นบาทไม่ใช่เจ็ดพันเพราะอายุครรภ์มากแล้วจริงๆ เคก็กลัวเอจะตายนะเพราะหลังจากกลับมาเอก็ตัวซีดๆอยู่นาน เอยังเล่าอีกว่าแฟนเอบอกว่าเอเกือบช็อคเพราะตาเบิกกว้างจับมือแฟนไว้แน่นและเกือบเรียกไม่ฟื้นคืนสติ คือเเค่เคฟังก็กลัวละดีนะที่ไม่ได้พาไปทำในวันจริง หลังจากนั้นทุกอย่างกลับเป็นปกติในความรู้สึกลึกๆเคก็รู้สึกผิดแล้วคิดว่าไม่น่าเลยเราไม่น่าอยากมาอยู่หอตั้งแต่แรกต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ เรากรรมที่เราอยากมาอยู่หอรึป่าวนะ กรรมที่เราแกล้งทำให้พ่อแม่เป็นห่วง อาจจะเป็นไปได้ เคตัดสินใจไปอยู่บ้านตัวเองขึ้นรถรับส่งอีกครั้งโดยใช้แม่เป็นข้ออ้างว่าแม่อยากให้กลับไปอยู่บ้านมันเปลือง จริงๆค่าใช้จ่ายไม่ต่างกันมากหรอกแต่ใจเคไม่อยู่แล้วนิ ให้เคกลับไปอยู่กับเอสองเหมือนเดิมไม่เอาด้วยหรอก กลัวเกิดเหตุทำนองนี้ขึ้นอีกเคยอมตื่นเช้ากลับเย็นเหมือนแต่ก่อนดี เดี๋ยวกลับมาต่อค่ะ