เคยไหม มีสายโทรเข้ามาจากบริษัทจัดหางานหรือบรรดาเอเจนซี่ มีตำแหน่งงานดีๆมานำเสนอ?
คิดว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านประสบการณ์กันมาบ้าง ที่มีสายจากบริษัทจัดหางานเล็กใหญ่ติดต่อเข้ามาว่าเจอประวัติของคุณจากเว็บไซต์นู้นเว็บไซต์นี้ มีความสนใจอยากจะลองพูดคุยเพื่อนำเสนอตำแหน่งนู้นจากบริษัทนี้ ซึ่งอาจทำให้หลายๆท่านลังเลว่า เอ…จะคุยดีไหม เรากำลังจะต้องได้เสียอะไรจากบริการนี้หรือเปล่า
วันนี้เลยอยากมาแนะนำเกี่ยวกับการทำงานของเอเจนซี่นะคะ ว่าคนพวกนี้เขาติดต่อเรามาทำไม เขาจะไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไรกับเรา แล้วจะไม่มีอะไรผูกมัดเราจริงเหรอ แล้วถ้าอย่างนั้นเขาได้อะไร
ออกตัวก่อนว่าเราก็เป็นคนนึงที่ทำงานในเอเจนซี่นะคะ จริงๆมาตั้งกระทู้แบบนี้ก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร แต่คิดว่าหลายๆคนที่เคยได้รับการติดต่อจากอีกหลายๆเอเจนซี่อื่นๆก็อาจจะเคยสงสัย แต่ก็อาจไม่เคยมีใครมาอธิบายให้ฟังแบบนี้ ฉะนั้นขอถือโอกาสนี้ในการแนะนำเลยแล้วกันนะคะ ถือว่าได้ข้อมูลรอบด้าน จะได้เอาไปตัดสินใจได้ ว่าถ้ามีสายแบบนี้โทรเข้าครั้งต่อไป จะคุยดีมั้ย จะตกลงให้เขาส่ง CV ไปให้บริษัทต่างๆหรือเปล่า
1. เขาติดต่อเรามาทำไม?
บริษัทจัดหางานและเอเจนซี่เหล่านี้ เป็นเสมือนตัวกลางระหว่างนายจ้างกับแคนดิเดทที่เปิดโอกาสในการหางานใหม่ค่ะ งานของเขาคือการรับออเดอร์ตำแหน่งงานมาและต้องพยายามหาคนที่คุณสมบัติเหมาะสมเข้าไปปิดจ็อบให้ได้ เขาจึงจำเป็นต้องติดต่อแคนดิเดททีมีคุณสมบัติเหมาะสม (เช่นคุณ) เข้าไป เพื่อชักชวนให้ลองเข้าไปสัมภาษณ์ ไปให้บริษัทที่เป็นลูกค้าของเขาได้ลองพูดคุยดูตัว
2. ฟรี ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ
ดังนั้น แคนดิเดท (อย่างคุณ) จึงเป็นเสมือนสินค้าผ่านการันตีที่เขาได้มา เขาจึงไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการใดๆจากฝ่ายคุณทั้งสิ้นค่ะ คุณจึงเหมือนได้รับโอกาสในการเข้าสัมภาษณ์และพิจารณาจากบริษัทต่างๆ ฟรี โดยที่คุณจะตกลงให้เขาส่งประวัติของคุณเข้าไปให้บริษัทก็ได้ หรือถ้าไม่สนใจในตำแหน่งงานและบริษัท ก็จะปฏิเสธก็ได้ แต่ถ้าตำแหน่งใช่ โลเคชั่นสะดวกสบาย คว้าโอกาสที่ลอยเข้ามาฟรีๆไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย
3. บริษัทแบบไหนถึงมาใช้เอเจนซี่? เป็นบริษัทที่ไม่ดีหรือเปล่า?
หลายคนอาจสงสัยว่าบริษัทแบบไหนถึมาว่าจ้างให้เอเจนซี่หาคนให้ เป็นบริษัทที่ไม่ดีก็เลยหาคนเองไม่ได้หรือเปล่า? ที่จริงแล้ว บริษัทที่มาใช้เอเจนซี่เป็นบริษัทดีๆเยอะแยะเลยค่ะ แล้วที่แน่นอนก็คือ เป็นบริษัทที่มีการจดทะเบียนชัดเจน เชื่อถือได้ เพราะสำหรับเอเจนซี่ใหญ่ๆ ย่อมต้องมีการคัดกรองบริษัทที่จะมาใช้บริการอยู่แล้ว เหตุผลที่บริษัทต่างๆมาใช้เอเจนซี่ก็มีหลากหลาย มีบริษัทใหญ่ๆดังๆหลายที่ มาจัดหาพนักานผ่านเอเจนซี่ เพราะมีตำแหน่งที่ “เร่งด่วนมากจริงๆ” ชนิดที่ คนปัจจุบันจะลาออกอยู่ปลายเดือนนี้หรือปลายสัปดาห์นี้ ต้องมาคนมาแทนทันที หรือเป็นบริษัทที่โลเคชั่นอยู่ไกล จำเป็นต้องหาคนบ้านใกล้เท่านั้นจึงจะทำงานด้วยกันยาวๆได้ บริษัทก็จะว่าจ้างเอเจนซี่ให้ไปค้นหาแคนดิเดทที่เหมาะสมในละแวกนั้นแล้วติดต่อเข้าไป เป็นต้น บางครั้งก็เป็นตำแหน่ง Confidential มากๆ ที่ยังจำเป็นต้องปิดเป็นความลับ ลงประกาศไม่ได้ จึงจำเป็นต้องให้เอเจนซี่ติดต่อเป็นการส่วนตัวให้ หรือบางครั้ง บางบริษัทก็กำลังมีการปรับโครงสร้างภายใน หรือ HR ไม่ได้มีฝ่าย Recruitment โดยเฉพาะ ก็ต้องการลดทอนภาระงานตรงนี้ลงไป โดยว่าจ้างผ่านเอเจนซี่ที่มีฐานข้อมูลจำนวนมากและมีทักษะในการค้นหาแคนดิเดทโดยเฉพาะเข้ามาช่วยเหลือในการนี้ เหตุผลในการที่บริษัทดีๆจะมาใช้บริการเอเจนซี่นั้นมีเยอะแยะมากมายทีเดียวค่ะ
4. แล้วเราจะมีข้อผูกมัดอะไรกับเอเจนซี่เหล่านี้ไหม?
บางคนจะกลัวในเรื่องของการโดนกดเงินเดือนต่ำกว่าปกติ กลัวว่าจะมีการหักค่าหัวต่อเดือนๆออกไปถ้าเป็นพนักงานที่ถูกหาผ่านเอเจนซี่ ในกรณีนี้ ต้องอธิบายก่อนว่า การว่าจ้างเอเจนซี่นั้นมีบริการหลากหลายรูปแบบค่ะ ขออธิบายคร่าวๆสำหรับพาร์ทของแคนดิเดทดังนี้ว่า
4.1 Permanent recruitment แบบนี้คือบริษัทมาว่าจ้างเอเจนซี่ให้จัดหาพนักงานประจำเข้าบริษัทตัวเองให้ เอเจนซี่จะทำหน้าที่เฉพาะในส่วนของการสรรหา จัดทำเรซูเม่ นัดสัมสัมภาษณ์ตลอดไปจนการต่อรองเงินเดือนจนมีการเซ็นต์สัญญาว่าจ้างเกิดขึ้นให้ หลังจากนั้นพนักงานคนดังกล่าวจะเข้าไปเป็นลูกจ้างของบริษัท 100% ทันที ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเอเจนซี่อีกแต่อย่างใด เพียงแต่ว่า หากแคนดิเดทท่านนี้ลาออกไปในระยะการันตีที่เขาตกลงกันไว้ (เช่น 3 เดือน) เอเจนซี่ก็ต้องหาคนใหม่เข้าไปแทนให้ลูกค้า แต่ในฝ่ายแคนดิเดทนั้นไม่มีพันธะใดๆค่ะ (อย่างมากก็อาจจะโดนเอเจ้นกระเง้ากระงอดใส่ประมาณนึงเบาๆ 555) การว่าจ้าง ก็จะจ่ายกันครั้งเดียวตอนที่ลุกจ้างเข้าไปเริ่มงานกับบริษัทลูกค้า ไม่มีการมาหักค่าหัวกันรายเดือนอีก
4.2 Outsource Service ลักษณะนี้คือการเอา headcount ของพนักงานในบริษัทมาฝากไว้กับเอเจนซี่ อาจจะด้วยเหตุผลของขนาดองค์กร หรืออื่นใด ลักษณะนี้เขาจะว่าจ้างให้ทางเอเจนซี่จัดการสรรหาพนักงานตามจำนวนที่กำหนดให้ แล้วรับผิดชอบดุแลพนักงานเหล่านั้นเสมือนเป็นพนักงานในบริษัทของเอเจนซี่ (เรียกว่า associate) ทางเอเจนซี่จะเป็นคนทำ payroll ดูแล benefits ต่างๆตั้งแต่ประกันสังคม ไปจนประกันสุขภาพ และอื่นๆตามตกลงกันไว้ ซึ่งลักษณะนี้จึงจะมีการคิดค่าบริการกับบริษัทผู้ว่าจ้าง ดดยจะ top up ขึ้นไปจากเงินเดือนที่จ่ายให้พนักงานทุกๆเดือน ถามว่าจริงๆแล้วลักษณะนี้จะเป็นการทำให้พนักงานคนดังกล่าวโดนกดเงินเดือนพื้นฐานมั้ย? จริงๆก็ไม่ เพราะบริษัทก็ต้องเผื่อไว้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียเขาก็ประหยัดค่าประกันสังคม ประกันสุขภาพ และอื่นๆของบริษัทไป เขาก็ได้ save cost เหล่านั้นไปให้ทางเอเจนซี่จัดการให้แทนค่ะ เอาจริงๆแล้วเรื่องค่าใช้จ่ายแทบไม่ต่างกัน แต่ประโยชน์จากการใช้เอเจนซี่นั้นจะไปอยู่ที่ flow ในการหาคนเข้ามาแทนกันทันทีถ้ามีคนลาออกไป หรือสามารถหาคนมา fill headcount ตามที่เรียกขอไปในการว่าจ้างครั้งแรกได้เร็วกว่าจะให้ HR ของบริษัทมานั่งหาเอง
4.3 Headhunt/Executive search ลักษณะนี้จะคล้ายๆกับ Permanent Service ทุกประการค่ะ จะต่างก็ตรงที่เป็นตำแหน่งค่อนข้างสูงไปจนถึงสูงม๊าก มีประชากรผู้มีคุณสมบัติเข้าข่ายตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการหาไม่มากเท่าไหร่ เงินเดือนก็จะเริ่มตั้งแต่ที่ 100,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปจนถึง 500,000บาทต่อเดือนก็มี ข้อแตกต่างคือในกลุ่มนี้ ผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายค่าบริการในการสรรหาให้ทางเอเจนซี่ก่อน 50% ทันที แล้วจ่ายอีก 50% ที่เหลือเมื่อมีการ place ตำแหน่งให้กัน แต่ในด้านพันธะที่มีต่อแคนดิเดทนั้น ก็ยังไม่มีอะไรค่ะ เพียงแต่การทำงาน การพูดคุย การนัดวันเวลาเข้าไปสัมภาษณ์กันสำหรับตำแหน่งงานกลุ่มนี้ก็จะมีความ professional หน่อย
เดี๋ยวมาต่อนะคะ มีคำถามอะไรสอบถามไว้ก่อนก็ได้ค่ะ
สวัสดีค่ะ ติดต่อจากเอเจนซี่ มีตำแหน่งงานดีๆที่น่าสนใจมานำเสนอ เคยเจอสายโทรเข้าแบบนี้กันบ้างไหมคะ?
คิดว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านประสบการณ์กันมาบ้าง ที่มีสายจากบริษัทจัดหางานเล็กใหญ่ติดต่อเข้ามาว่าเจอประวัติของคุณจากเว็บไซต์นู้นเว็บไซต์นี้ มีความสนใจอยากจะลองพูดคุยเพื่อนำเสนอตำแหน่งนู้นจากบริษัทนี้ ซึ่งอาจทำให้หลายๆท่านลังเลว่า เอ…จะคุยดีไหม เรากำลังจะต้องได้เสียอะไรจากบริการนี้หรือเปล่า
วันนี้เลยอยากมาแนะนำเกี่ยวกับการทำงานของเอเจนซี่นะคะ ว่าคนพวกนี้เขาติดต่อเรามาทำไม เขาจะไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไรกับเรา แล้วจะไม่มีอะไรผูกมัดเราจริงเหรอ แล้วถ้าอย่างนั้นเขาได้อะไร ออกตัวก่อนว่าเราก็เป็นคนนึงที่ทำงานในเอเจนซี่นะคะ จริงๆมาตั้งกระทู้แบบนี้ก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร แต่คิดว่าหลายๆคนที่เคยได้รับการติดต่อจากอีกหลายๆเอเจนซี่อื่นๆก็อาจจะเคยสงสัย แต่ก็อาจไม่เคยมีใครมาอธิบายให้ฟังแบบนี้ ฉะนั้นขอถือโอกาสนี้ในการแนะนำเลยแล้วกันนะคะ ถือว่าได้ข้อมูลรอบด้าน จะได้เอาไปตัดสินใจได้ ว่าถ้ามีสายแบบนี้โทรเข้าครั้งต่อไป จะคุยดีมั้ย จะตกลงให้เขาส่ง CV ไปให้บริษัทต่างๆหรือเปล่า
1. เขาติดต่อเรามาทำไม?
บริษัทจัดหางานและเอเจนซี่เหล่านี้ เป็นเสมือนตัวกลางระหว่างนายจ้างกับแคนดิเดทที่เปิดโอกาสในการหางานใหม่ค่ะ งานของเขาคือการรับออเดอร์ตำแหน่งงานมาและต้องพยายามหาคนที่คุณสมบัติเหมาะสมเข้าไปปิดจ็อบให้ได้ เขาจึงจำเป็นต้องติดต่อแคนดิเดททีมีคุณสมบัติเหมาะสม (เช่นคุณ) เข้าไป เพื่อชักชวนให้ลองเข้าไปสัมภาษณ์ ไปให้บริษัทที่เป็นลูกค้าของเขาได้ลองพูดคุยดูตัว
2. ฟรี ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ
ดังนั้น แคนดิเดท (อย่างคุณ) จึงเป็นเสมือนสินค้าผ่านการันตีที่เขาได้มา เขาจึงไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการใดๆจากฝ่ายคุณทั้งสิ้นค่ะ คุณจึงเหมือนได้รับโอกาสในการเข้าสัมภาษณ์และพิจารณาจากบริษัทต่างๆ ฟรี โดยที่คุณจะตกลงให้เขาส่งประวัติของคุณเข้าไปให้บริษัทก็ได้ หรือถ้าไม่สนใจในตำแหน่งงานและบริษัท ก็จะปฏิเสธก็ได้ แต่ถ้าตำแหน่งใช่ โลเคชั่นสะดวกสบาย คว้าโอกาสที่ลอยเข้ามาฟรีๆไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย
3. บริษัทแบบไหนถึงมาใช้เอเจนซี่? เป็นบริษัทที่ไม่ดีหรือเปล่า?
หลายคนอาจสงสัยว่าบริษัทแบบไหนถึมาว่าจ้างให้เอเจนซี่หาคนให้ เป็นบริษัทที่ไม่ดีก็เลยหาคนเองไม่ได้หรือเปล่า? ที่จริงแล้ว บริษัทที่มาใช้เอเจนซี่เป็นบริษัทดีๆเยอะแยะเลยค่ะ แล้วที่แน่นอนก็คือ เป็นบริษัทที่มีการจดทะเบียนชัดเจน เชื่อถือได้ เพราะสำหรับเอเจนซี่ใหญ่ๆ ย่อมต้องมีการคัดกรองบริษัทที่จะมาใช้บริการอยู่แล้ว เหตุผลที่บริษัทต่างๆมาใช้เอเจนซี่ก็มีหลากหลาย มีบริษัทใหญ่ๆดังๆหลายที่ มาจัดหาพนักานผ่านเอเจนซี่ เพราะมีตำแหน่งที่ “เร่งด่วนมากจริงๆ” ชนิดที่ คนปัจจุบันจะลาออกอยู่ปลายเดือนนี้หรือปลายสัปดาห์นี้ ต้องมาคนมาแทนทันที หรือเป็นบริษัทที่โลเคชั่นอยู่ไกล จำเป็นต้องหาคนบ้านใกล้เท่านั้นจึงจะทำงานด้วยกันยาวๆได้ บริษัทก็จะว่าจ้างเอเจนซี่ให้ไปค้นหาแคนดิเดทที่เหมาะสมในละแวกนั้นแล้วติดต่อเข้าไป เป็นต้น บางครั้งก็เป็นตำแหน่ง Confidential มากๆ ที่ยังจำเป็นต้องปิดเป็นความลับ ลงประกาศไม่ได้ จึงจำเป็นต้องให้เอเจนซี่ติดต่อเป็นการส่วนตัวให้ หรือบางครั้ง บางบริษัทก็กำลังมีการปรับโครงสร้างภายใน หรือ HR ไม่ได้มีฝ่าย Recruitment โดยเฉพาะ ก็ต้องการลดทอนภาระงานตรงนี้ลงไป โดยว่าจ้างผ่านเอเจนซี่ที่มีฐานข้อมูลจำนวนมากและมีทักษะในการค้นหาแคนดิเดทโดยเฉพาะเข้ามาช่วยเหลือในการนี้ เหตุผลในการที่บริษัทดีๆจะมาใช้บริการเอเจนซี่นั้นมีเยอะแยะมากมายทีเดียวค่ะ
4. แล้วเราจะมีข้อผูกมัดอะไรกับเอเจนซี่เหล่านี้ไหม?
บางคนจะกลัวในเรื่องของการโดนกดเงินเดือนต่ำกว่าปกติ กลัวว่าจะมีการหักค่าหัวต่อเดือนๆออกไปถ้าเป็นพนักงานที่ถูกหาผ่านเอเจนซี่ ในกรณีนี้ ต้องอธิบายก่อนว่า การว่าจ้างเอเจนซี่นั้นมีบริการหลากหลายรูปแบบค่ะ ขออธิบายคร่าวๆสำหรับพาร์ทของแคนดิเดทดังนี้ว่า
4.1 Permanent recruitment แบบนี้คือบริษัทมาว่าจ้างเอเจนซี่ให้จัดหาพนักงานประจำเข้าบริษัทตัวเองให้ เอเจนซี่จะทำหน้าที่เฉพาะในส่วนของการสรรหา จัดทำเรซูเม่ นัดสัมสัมภาษณ์ตลอดไปจนการต่อรองเงินเดือนจนมีการเซ็นต์สัญญาว่าจ้างเกิดขึ้นให้ หลังจากนั้นพนักงานคนดังกล่าวจะเข้าไปเป็นลูกจ้างของบริษัท 100% ทันที ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเอเจนซี่อีกแต่อย่างใด เพียงแต่ว่า หากแคนดิเดทท่านนี้ลาออกไปในระยะการันตีที่เขาตกลงกันไว้ (เช่น 3 เดือน) เอเจนซี่ก็ต้องหาคนใหม่เข้าไปแทนให้ลูกค้า แต่ในฝ่ายแคนดิเดทนั้นไม่มีพันธะใดๆค่ะ (อย่างมากก็อาจจะโดนเอเจ้นกระเง้ากระงอดใส่ประมาณนึงเบาๆ 555) การว่าจ้าง ก็จะจ่ายกันครั้งเดียวตอนที่ลุกจ้างเข้าไปเริ่มงานกับบริษัทลูกค้า ไม่มีการมาหักค่าหัวกันรายเดือนอีก
4.2 Outsource Service ลักษณะนี้คือการเอา headcount ของพนักงานในบริษัทมาฝากไว้กับเอเจนซี่ อาจจะด้วยเหตุผลของขนาดองค์กร หรืออื่นใด ลักษณะนี้เขาจะว่าจ้างให้ทางเอเจนซี่จัดการสรรหาพนักงานตามจำนวนที่กำหนดให้ แล้วรับผิดชอบดุแลพนักงานเหล่านั้นเสมือนเป็นพนักงานในบริษัทของเอเจนซี่ (เรียกว่า associate) ทางเอเจนซี่จะเป็นคนทำ payroll ดูแล benefits ต่างๆตั้งแต่ประกันสังคม ไปจนประกันสุขภาพ และอื่นๆตามตกลงกันไว้ ซึ่งลักษณะนี้จึงจะมีการคิดค่าบริการกับบริษัทผู้ว่าจ้าง ดดยจะ top up ขึ้นไปจากเงินเดือนที่จ่ายให้พนักงานทุกๆเดือน ถามว่าจริงๆแล้วลักษณะนี้จะเป็นการทำให้พนักงานคนดังกล่าวโดนกดเงินเดือนพื้นฐานมั้ย? จริงๆก็ไม่ เพราะบริษัทก็ต้องเผื่อไว้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียเขาก็ประหยัดค่าประกันสังคม ประกันสุขภาพ และอื่นๆของบริษัทไป เขาก็ได้ save cost เหล่านั้นไปให้ทางเอเจนซี่จัดการให้แทนค่ะ เอาจริงๆแล้วเรื่องค่าใช้จ่ายแทบไม่ต่างกัน แต่ประโยชน์จากการใช้เอเจนซี่นั้นจะไปอยู่ที่ flow ในการหาคนเข้ามาแทนกันทันทีถ้ามีคนลาออกไป หรือสามารถหาคนมา fill headcount ตามที่เรียกขอไปในการว่าจ้างครั้งแรกได้เร็วกว่าจะให้ HR ของบริษัทมานั่งหาเอง
4.3 Headhunt/Executive search ลักษณะนี้จะคล้ายๆกับ Permanent Service ทุกประการค่ะ จะต่างก็ตรงที่เป็นตำแหน่งค่อนข้างสูงไปจนถึงสูงม๊าก มีประชากรผู้มีคุณสมบัติเข้าข่ายตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการหาไม่มากเท่าไหร่ เงินเดือนก็จะเริ่มตั้งแต่ที่ 100,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปจนถึง 500,000บาทต่อเดือนก็มี ข้อแตกต่างคือในกลุ่มนี้ ผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายค่าบริการในการสรรหาให้ทางเอเจนซี่ก่อน 50% ทันที แล้วจ่ายอีก 50% ที่เหลือเมื่อมีการ place ตำแหน่งให้กัน แต่ในด้านพันธะที่มีต่อแคนดิเดทนั้น ก็ยังไม่มีอะไรค่ะ เพียงแต่การทำงาน การพูดคุย การนัดวันเวลาเข้าไปสัมภาษณ์กันสำหรับตำแหน่งงานกลุ่มนี้ก็จะมีความ professional หน่อย
เดี๋ยวมาต่อนะคะ มีคำถามอะไรสอบถามไว้ก่อนก็ได้ค่ะ