วิเคราะห์ส่วนตัว... เหตุทำไม The Mask Singer2 ถึงสนุกสู้ซีซั่น 1 ไม่ได้?

ดูเหมือนเสียงส่วนใหญ่จะพูดไปทางเดียวกันว่า The Mask Singer 2 มีคนดูน้อยลง กระแสเงียบ และไม่มีหน้ากากให้ว้าวเท่าซีซั่น1 และมีกระทู้ถามหลายครั้งมากจนเราอดคิดตามไม่ได้

แม้ว่าส่วนตัวเราจะดูซีซั่น2น้อยลงแถมดูเฉพาะช่วงร้องเพลงด้วย ไม่เหมือนซีซั่น1ที่ดูทางทีวีตลอดหรืออย่างน้อยก็ต้องดูในยูทูปแบบจบคลิปเพราะตอบคำถามกันได้ฮามากกกกก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าซีซั่น2มีความน่าสนใจ และมีศิลปินที่สร้างความเซอร์ไพรส์ได้มากกว่าซีซั่น1 ทีนี้พอนำความเห็นในกระทู้ต่างๆมารวมกับการวิเคราะห์ส่วนตัวเลยได้ข้อสรุปว่า

1. การตอบคำถามของหลายหน้ากากดูจงใจตอบให้ตลกไปหน่อย ไม่เป็นธรรมชาติเหมือนซีซั่น1 ทำให้คนดูเริ่มไม่สนุก
2. หลายคนเบื่อกรรมการเล่นมุขพร่ำเพรื่อไปจนไม่ขำ แถมแย่งเวลาที่ต้องถามผู้แข่งขันเยอะเกิน
3. หน้ากากที่เสียงดีตกรอบเร็วมาก แถมเปิดมาก็เป็นศิลปินที่หลายคนชื่นชอบและรอคอย เช่น ว่าน แสตมป์ ลุลา น้ำชา หรือแม้แต่ไอดอลยุค 90 อย่างนิโคล เจมส์ เรืองศักดิ์ พี่ทัช ฯลฯ ก็สร้างทั้งเซอร์ไพรส์และความเสียดายให้ไม่แพ้กัน
4. สปอยหลุด อันนี้ไม่รู้ว่าจริงไม๊ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ ฟค.บางหน้ากากออกอาการเบื่อจนขี้เกียจดูต่อ (ตอนซีซั่น1 จิงโจ้ก็โดน เราก็เซ็งบ้างนิดหน่อยแต่เข้าใจได้เพราะเจอน้องทุ 55555) ตรงนี้อาจแก้ได้ด้วยการช่วยกันตรวจสอบระหว่างตัดต่อให้มากขึ้น หรือมีมาตรการขั้นเด็ดขาดสำหรับคนชอบสปอย  
5. ยังไม่มีหน้ากากที่ทำให้ว้าวหรือเรียกกระแสได้ขนาดทุเรียน อีกา จิงโจ้ ที่แม้ว่าจะมีหอยนางรม เต่า ซูโม่ ซาลาเปา แต่เหมือนทุกคนในซีซั่น2 ยังขาดๆเกินๆไปนิดหน่อย เลยไม่มีใครพีคเท่า 3 หน้ากากตัวพ่อในซีซั่น1

(ต่อจากนี้จะเป็นที่เราวิเคราะห์เองล้วนๆ ถูกผิดประการใดหรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยด้วยนะคะ)
6. ด้วยเหตุผลในข้อ 5 นี้ ทำให้การเชียร์ของคนดู "ไม่สนุกถึงขีดสุด" เช่น หอยมีเสน่ห์และน่ารักมากกกกกกก ซึ่งส่วนตัวเราว่าหอยน่าสนใจกว่าทุเรียนในเรื่องเสน่ห์ แต่พอเทียบเรื่องเสียงก็ยังสู้ไม่ได้ ทำให้ลึกๆแล้ว ฟค.หอยเกิดความเซ็งพอสมควรเวลามีคนเปรียบเทียบเรื่องนี้ แถมลุ้นเหนื่อยมากว่าหอยจะชนะเต่าจนเข้ารอบได้หรือไม่ (ยังไม่นับเรื่องสปอยหลุดแสนปวดหัวอีก) หรือเต่าที่ว่าเสียงดีมากระดับ SS แต่ก็ยังไม่สามารถครองใจคนส่วนใหญ่ได้เท่าหอย อาจเพราะคอนเซปต์รายการไม่ได้ต้องการหน้ากากที่เสียงดีสุด และเสน่ห์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยจูงใจกรรมการรวมถึงคนดูทั้งในและนอกห้องส่งให้โหวตหรือเชียร์เพื่อเข้ารอบลึก จนเป็นที่ถกเถียงกันว่าหน้ากาก "เสียงดีหรือมีเสน่ห์" แบบไหนควรเข้ารอบมากกว่ากัน?

7. ต่อจากข้อ 6 เมื่อหน้ากากส่วนใหญ่ยังไม่ครบเครื่องก็เลยมีสิทธิ์ "ตกรอบ" สูงมาก ส่งผลให้แฟนคลับเกิดความ "เซ็ง" แบบเลี่ยงไม่ได้
8. และแน่นอนว่าเมื่อไม่มีตัวท็อปที่ครบเครื่องเหมือนซีซั่น1 ความชอบก็จะไม่พุ่งเป้าไปที่หน้ากากใดหน้ากากหนึ่งแบบล้นหลาม ทำให้กองเชียร์แตกเสียงและเลือกเชียร์กระจัดกระจาย แถมเมื่อต่างฝ่ายต่างมีดีต่างกันเช่นหอยมีเสน่ห์ เต่าเสียงดี คนดูเลยอดไม่ได้ที่จะถกเถียงกันให้ชนะมากกว่าดูเพื่อบันเทิง ซึ่งต่างจากซีซั่น1ที่ไม่ว่ามองทางไหนก็เจอเพื่อนร่วมเชียร์เต็มไปหมด ทำให้ดูสนุก มีอารมณ์ร่วม เฮฮาแทบทุกวัน คล้ายช่วงเชียร์กีฬาอย่างซีเกมส์ โอลิมปิก ทำนองนั้น (ข้อนี้เราว่าสำคัญมากทีเดียว เพราะถ้าไม่เจอคนชอบเหมือนกันก็พลอยให้รู้สึกโดดเดี่ยวใจ จนเหมือนความสนุกลดลงไปด้วย 55555)

9. สืบเนื่องจากข้อ 7 เมื่อคนสนใจลดลงเพราะหน้ากากที่เชียร์ตกรอบไป กระแสรายการก็เลยดร็อปลงด้วย ยิ่งเมื่อรวมกับข้อ 1-5 เลยทำให้ความนิยมลดลงไปแบบไม่ต้องสงสัย แถมคนไทยมีนิสัยรักแล้วรักเลย ถ้าหน้ากากที่เชียร์ตกรอบไปโอกาสจะเชียร์หน้ากากที่เหลือแบบลุ้นเต็มที่ก็แทบไม่มี อย่างมากก็ดูอยู่ห่างๆไม่ใกล้ชิดเหมือนเคย
ซึ่งความจริงการให้กรรมการเล่นมุขตลก หรือแม้แต่เตรียมหน้ากากอีกาเผือกให้ศิลปินสักคนมาสานต่อก็เพื่อดึงเรตติ้งให้ซีซั่น2 และถือเป็นเรื่องธรรมดามากของทีมโปรดิวเซอร์ที่ต้องหาช่องทางพัฒนารายการต่อไป เพียงแต่ความยากคือจะพัฒนายังไงให้ "สนุกมากขึ้น" หรือจะทำยังไงให้คนดู "ไม่เบื่อ" ไปซะก่อน ซึ่งสองอย่างนี้เหมือนง่ายแต่ทำยาก

V
V
ในฐานะที่เราเป็นคนดูที่ชอบซีซั่น1เพราะมีจิงโจ้ให้เรารักมีทุเรียนและอีกาให้ชื่นชอบ ขณะเดียวกันซีซั่น2ก็มีศิลปินที่ทำให้ว้าวมากมายและเสียดายมากกว่าซีซั่น1 เราเลยเห็นข้อดีทั้งสองซีซั่นและรู้สึกสนุกไปคนละแบบ เลยคิดว่าถ้าคนดูส่วนใหญ่ไม่อินหรือให้ใจกับหน้ากากใดหน้ากากหนึ่งเกินไปก็คงดูซีซั่น2 ได้สนุกไม่แพ้กัน

แต่ไม่ว่าคนดูจะมีรสนิยมแบบไหน หัวใจของรายการก็คือการแข่งร้องเพลงภายใต้หน้ากาก ดังนั้นเลยอยากฝากทีมงานให้ทำเพลงหรือเลือกเพลงให้ว้าว ปัง เพื่อคงความน่าสนใจและคุณภาพของรายการ ส่วนกรรมการนอกจากลดมุขตลกแล้ว ถ้าเดาออกว่าเป็นใครก็อยากให้พูดตรงๆ และเอาเวลามาเค้นคำถามหน้ากากเพื่อให้แอร์ไทม์อยู่ที่พวกเค้าเยอะๆ ส่วนหน้ากากก็คงต้องทำการบ้านให้มากขึ้น เพราะทั้งหมดนี้จะเป็นเสน่ห์ของตัวคุณเอง โดยเฉพาะช่วงเอาตัวรอดเวลาตอบคำถามไม่ได้ แต่คนดูจะได้เห็นไหวพริบ ความฮา และความกวน ทั้งของกรรมการ หน้ากาก และพิธีกรอย่างกันต์อีกด้วย ตรงนี้ยังไม่เคยเห็นในรายการไหนและน่าเสียดายที่เห็นได้น้อยมากในซีซั่นนี้

หรือสรุปสั้นๆว่าคอนเซปต์รายการคือดีอยู่แล้ว ขอแค่ลดสคริปต์ลง ทำทุกอย่างให้พอดีและมีคุณภาพในแบบที่ควรเป็นตามที่หลายคนได้บอกไป เพียงเท่านี้ The Mask Singer ก็จะอยู่ได้ยืนยาวพอๆกับที่เกาหลี แถมเผลอๆจะดังไกลกว่าเพราะบรรดา youtuber ชาวต่างชาติชอบเอาของไทยไป react กันมากจริงๆ ยอดวิวพุ่งสุดๆ (เพราะบ้านเรามีคนดูยูทูปติด1ใน10ของโลก ปั่นยอดวิวได้เก่งมากกกก) แม้ youtuber จะได้ประโยชน์จากการชอบดูยูทูปของคนไทย แต่ตรงนี้เรามองว่าถ้ารายการทำเพลงดีก็ถือเป็นหน้าเป็นตาของรายการ และช่วยให้ชาวต่างชาติเห็นศักยภาพของวงการเพลงบ้านได้เลยทีเดียว

สำหรับซีซั่น3 คิดว่ายังไงก็มีต่อแน่นอนเพราะแม้กระแสจะลดลงแต่เมื่อเทียบกันรายการอื่นแล้วก็ถือว่ายังดีกว่ามาก และอยากฝากการทำเพลงของกรุ๊ป A ซีซั่นถัดไปที่น่าจะชนกับรอบชิงแชมป์ซีซั่น2 เพราะไม่อยากให้ซ้ำรอยคู่ดอกไม้กับซาลาเปา (หรือถ้าไม่ได้เกี่ยวกันก็ขอฝากเรียบเรียงเพลงให้เท่าเทียมกันทุกกรุ๊ปหน่อยนะคะ แบบว่า 3 เพลงของกรุ๊ป A ยังปังได้มากกว่านี้จริงๆ... แหะๆ)

สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทีมงาน TMS ทุกคน แม้ว่าเราจะบ่นหรือวิเคราะห์เยอะแต่ทั้งหมดนี้คือติเพื่อก่อ อยากเห็นรายการได้รับความนิยมและมีกระแสที่ดีต่อไป เพราะคอนเซปต์รายการโดนใจมากจริงๆ 55555 เอาใจช่วยนะคะ สู้ๆๆๆๆค่ะ ><
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  The Mask Singer หน้ากากนักร้อง (รายการโทรทัศน์)
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่