ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 11/7/2017 (ครุฑยุดนาค และที่มาของตราครุฑ)

กระทู้คำถาม


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น





สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


ผ่านช่วงเทศกาลสำคัญของชาวพุทธมาแล้ว ตอนนี้ก็กลับสู่บรรยากาศการทำงานตามปกติ

เรามักจะเห็นภาพครุฑจับนาคอยู่ทั่วไปตามวัดวาอาราม เช่น ภาพเขียน ภาพแกะสลัก รวมถึงการแกะสลักต้นเทียนพรรษา เรื่องครุฑยุดนาคนี้มีที่มาค่ะ เป็นเรื่องความแค้นของสองเผ่าพันธุ์ ในละครเองก็มักจะมีเรื่องครุฑกับนาคไม่ถูกกัน เดี๋ยววันนี้จะนำมาฝากเพื่อนๆ ให้อ่านกัน




ช่วงที่ผ่านมา MC ฮารุจัง ไปเที่ยวเล่นที่ห้องถนนนักเขียน และได้ร่วมสนุกกับกิจกรรม "ถุงมือกวี" กับเพื่อนๆ ในห้องกลอนโดยการชักชวนของ MC พี่แอ๊ด เกมนี้คือให้เราตั้งชื่อถุงมือ แล้วส่งผลงานกลอนที่แต่งเอง จะเขียนกลอนฉันทลักษณ์ไหน เรื่องอะไรก็ได้ แล้วให้เพื่อนทายว่าเจ้าของถุงมือนี้คือใคร ก็เหมือนรายการ "หน้ากากนักร้อง" นั่นแหละค่ะ

เนื่องจากแต่งกลอนไม่เป็น ไม่ถนัดมากๆ เลยตั้งใจเขียนเป็นอย่างดี กลัวคนจับได้ รอบแรก MC ฮารุจัง ใช้ชื่อ "ถุงมือลูกโป่ง" ส่งผลงานกลอน "ครุฑยุดนาค" https://ppantip.com/topic/36581001 ภูมิใจมาก ไม่มีใครทายถูกเลย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า

นี่คือกลอนที่แต่งไปร่วมสนุกกับกิจกรรมค่ะ

"ครุฑยุดนาค"



นางนาค กัทรุ              พนันยุ ครุฑวินตา
ทายสี ของอาชา          พาหนะ แห่งองค์อินทร์
นางครุฑ ว่าสีขาว         นาคีเดา สีดำนิล
หากใคร พ่ายแพ้สิ้น      ต้องเป็นทาส ตามสัญญา

นาคี มีเล่ห์กล                ให้บุตรพ่น พิษใส่ม้า
ขาวเป็น ดำทันตา           นาคบัญชา ห้าร้อยปี
ผู้บุตร “เวนไตย”           อาสาไป ด้วยฤทธี
นำของ ให้นาคี             อมฤต ที่ต้องการ

หวังให้ แม่พ้นทาส         ครุฑองอาจ รบห้าวหาญ
เทวา ไร้ต้านทาน           ร้อนถึงองค์ พระนารายณ์
ต่างรบ เสมอกัน             จึงได้สัญ ญามุ่งหมาย     
ครุฑจะ ปรากฏกาย        พาหนะ พระจักรี

ครุฑขอ อมตะ                แลชนะ นาคนาคี
จากนั้น อีกหลายปี           ครุฑจิกตี จับนาคกิน
ผลัดกัน แพ้ชนะ              จนนาคจะ แทบสูญสิ้น
เมื่อความ แค้นโบยบิน       ต่างสมัคร รักดังเดิม




ตำนานครุฑยุดนาค

เรื่องมีอยู่ว่า พระฤษี "พระกัศยปเทพบิดร" มีชายาหลายองค์ ซึ่งมีชายาสององค์ที่เป็นพี่น้องกันนามว่า วินตาและกัทรุ

นางกัทรุได้ขอพรว่าขอให้มีบุตรจำนวนมาก มีฤทธิ์เกรียงไกร ซึ่งต่อมาก็ได้ให้กำเนิดนาคหนึ่งพันตัว อาศัยอยู่ในแดนบาดาล ส่วนนางวินตาขอบุตรเพียงสององค์และขอให้ลูกมีอำนาจวาสนา มีฤทธิ์เหนือลูกๆ ของนางกัทรุ ซึ่งบุตรคนที่ 2 ของนางวินตาก็คือพญาครุฑ

วันหนึ่งนางกัทรุได้ท้าพนันกับนางวินตาว่า "ม้าอุจไฉศรพของพระอินทร์มีสีอะไร"  (บางตำราก็ว่าม้าทรงรถของพระอาทิตย์) ใครแพ้ต้องเป็นทาสอีกฝ่ายห้าร้อยปี

อุจไฉศรพ (Ucchaisravas) คือ ม้าวิเศษบ้างก็ว่ามีตัวเดียวแต่ ๗ หัว หรือมี ๗ ตัว มีสีขาวปลอด เกิดจากการกวนเกษียรสมุทร  จัดว่าเป็นม้าแห่งยอดม้าทั้งปวง



นางวินตาทายว่าม้าสีขาว ส่วนนางกัทรุทายว่าสีดำ ซึ่งความจริงม้าเป็นสีขาว แต่นางกัทรุใช้อุบายให้นาคลูกของตนแปลงเป็นขนสีดำไปแซมอยู่เต็มตัวม้า (บางตำนานว่าให้พ่นพิษใส่จนม้าเป็นสีดำ) นางวินตาไม่ทราบในอุบายนี้เลยยอมแพ้ จนต้องเป็นทาสของนางกัทรุถึงห้าร้อยปี

ครุฑผู้เป็นบุตรชาย สงสารแม่ จึงไปเจรจาขอให้พวกนาคยอมปล่อยมารดาตน พวกนาคจึงสั่งให้พญาครุฑไปเอาน้ำอมฤตมาให้ แล้วจะยกเลิกสัญญาทาส

พญาครุฑจึงบินไปสวรรค์เพื่อเอาน้ำอมฤต ก็ได้เกิดต่อสู้กับฝ่ายเทวดาและทวยเทพ ไม่มีใครต้านครุฑได้ ร้อนถึงพระวิษณุหรือพระนารายณ์ต้องมาช่วยขวางครุฑไว้และต่อสู้กัน

ทว่าต่างฝ่ายต่างไม่อาจเอาชนะกันได้ ทั้งสองจึงทำความตกลงยุติศึก โดยพระวิษณุทรงให้พรแก่ครุฑว่าจะให้ครุฑเป็นอมตะและให้อยู่ตำแหน่งสูงกว่าพระองค์ ส่วนครุฑก็ถวายสัญญาว่าจะเป็นพาหนะของพระวิษณุและเป็นธงครุฑพ่าห์ สำหรับปักบนรถศึกของพระวิษณุอันเป็นที่สูงกว่า




พญาครุฑจึงนำหม้อน้ำอมฤตลงมา โดยวางไว้บนหญ้าคาและได้ทำน้ำอมฤตหยดบนหญ้าคา 2-3 หยด (ด้วยเหตุนี้ หญ้าคาจึงถือเป็นสิ่งมงคลในทางศาสนาพราหมณ์) ส่วนนาคเมื่อเห็นน้ำอมฤตก็ยินดี จึงยอมปล่อยนางวินตาให้เป็นอิสระ

พระอินทร์ซึ่งตามครุฑมาด้วย รีบมานำหม้อน้ำอมฤตกลับไป ทำให้พวกนาคไม่ได้กิน พวกนาคจึงเลียที่ใบหญ้าคาด้วยเชื่อว่าอาจมีหยดน้ำอมฤตหลงเหลืออยู่ ทำให้ใบหญ้าคาบาดกลางลิ้นเป็นทางยาว (เรื่องนี้กลายเป็นที่มาว่าทำไมงูจึงมีลิ้นเป็นสองแฉกสืบมาจนทุกวันนี้)


แม้ว่าจะไถ่ตัวมารดากลับมาได้แล้ว แต่พญาครุฑยังแค้นใจที่พวกนาคใช้เล่ห์กล ทำให้พญาครุฑและเหล่าลูกหลานรุ่นต่อมาตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกนาค จับนาคกินไปมาก

ข้างฝ่ายพวกนาคนั้นแม้จะพยายามต่อสู้แต่ก็ไม่อาจสู้ไหวจึงพากันเลื้อยหนีไปหลบภัยยังสะดือทะเล แต่ก็ถูกครุฑใช้ปีกโบกสะบัดจนน้ำลดแห้งและจับนาคไปฉีกท้องกิน เหล่านาคจึงพยายามกลืนหินใหญ่ลงท้องเพื่อถ่วงตัวให้หนัก ครุฑตนใดไม่รู้อุบายเวลาโฉบลงจับนาคก็ถูกหินที่นาคกลืนลงไปถ่วงน้ำหนักจนบินขึ้นไม่ไหวและจมน้ำตายส่วนครุฑที่รู้อุบายนี้ก็จะจับนาคทางหางและเขย่าจนนาคต้องคายหินออกมา ครุฑยังคงมีชัยเหนือนาค จนนาคแทบจะสูญพันธุ์

เคยอ่านนิทานชาดกเรื่องหนึ่งว่า ภายหลังครุฑและนาคก็ได้เลิกแล้วความแค้นต่อกัน และกลายเป็นมิตรกันเช่นเดิม


ที่มาของตราครุฑ

จากตำนานข้างบน มีตอนหนึ่งที่พระนารายณ์ต่อสู้กับครุฑ จนทำสัญญาสงบศึกกัน ข้อที่ว่า "ครุฑจะเป็นพาหนะของพระนารายณ์และเป็นสัญลักษณ์ธงประดับรถศึก" บวกกับด้วยฤทธานุภาพของพญาครุฑ จึงได้มีการสร้างรูป ครุฑพ่าห์ (หรือ พระครุฑพ่าห์) หมายถึง ครุฑซึ่งเป็นพาหนะ เป็นรูปครุฑกางปีก และใช้เป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์

ของไทยก็มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ด้วยว่าไทยเราได้รับลัทธิเทวราชของอินเดียที่ถือว่าพระมหากษัตริย์คืออวตารของพระนารายณ์ ดังนั้น ครุฑซึ่งเป็นผู้มีฤทธิ์มากและเป็นพาหนะของพระนารายณ์ จึงเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ ดังที่ปรากฏอยู่ในดวงตราหรือพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ประจำแผ่นดิน ประจำราชวงศ์ และประจำรัชกาล เป็นต้น


ภาพครุฑตราตั้งห้างของประเทศไทย


จากการที่ไทย ใช้ตราครุฑเป็นพระราชลัญจกรสำหรับประทับหนังสือราชการแผ่นดินที่เป็นพระบรมราชโองการ และใช้พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ประทับหนังสือราชการแผ่นดินมาแต่โบราณกาล ต่อมาจึงได้มีการใช้ ตราครุฑ เป็นหัวกระดาษของหนังสือของราชการทั่วไปด้วย เพื่อให้ทราบว่างานนั้นเป็นราชการ ส่วนรูปครุฑที่เป็นธงแทนองค์พระมหากษัตริย์นั้นเรียกว่า ธงมหาราช เป็นรูปครุฑสีแดงอยู่บนพื้นธงสีเหลือง เริ่มใช้ในสมัยรัชกาลที่ 4 ธงมหาราชนี้เมื่อเชิญขึ้นเหนือเสา ณ พระราชวังใดแสดงว่าพระมหากษัตริย์ประทับอยู่ ณ ที่นั้น


ประเทศอินโดนีเซียเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่ใช้ครุฑ (Garuda) เป็นตราประจำแผ่นดิน โดยครุฑของอินโดนีเซียนั้นเป็นนกอินทรีทั้งตัว


สายการบินประจำชาติอินโดนีเซียก็ใช้ครุฑเป็นสัญลักษณ์ คือสายการบิน Garuda Airlines



ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ
https://mareenatravel.wordpress.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B2/
http://www.komkid.com/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%91-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%992%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2/
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%91
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1023684
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nayrotsung&month=07-2009&date=31&group=6&gblog=6
http://oknation.nationtv.tv/blog/vibhuti/2009/05/25/entry-13


....................................................................



กาษานาคา - เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์

https://www.youtube.com/watch?v=Jgr6N8j_vz0
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่