คุณพ่อปีนี้อายุ 59 แล้ว มีโรคประจำตัว
- เบาหวาน (ปกติน้ำตาลไม่สูงเพราะทานยา ช่วงหลังมีโรคหัวใจ คุณหมอเลยสั่งงดยาชุดเดิมก่อน ช่วงนี้วัดอยู่ที่ประมาณ 300)
- ความดันสูง
- เก๊าท์
และล่าสุด หัวใจ
ล่าสุดเข้าโรงพยาบาลเนื่องจาก มีอาการเหนื่อยผิดปกติ และหายใจติดขัดเป็นช่วงๆ เลยไปตรวจ
พบว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีน้ำท่วมปอด เข้าโรงพยาบาลประมาณ 10 วัน และมีนัดฉีดสีวันที่ 17 เดือนนี้
ระหว่างนี้ให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน ยกเลิกยาชุดเดิม ให้ทานยาละลายลิ่มเลือด วาฟาร์ริน เพื่อปรับค่า INR
และจำกัดการดื่มน้ำให้ได้เพียงวันละ 1 ลิตร (ปกติคุณพ่อดื่มน้ำเยอะ ท่านเลยหงุดหงิดเรื่องนี้มาก)
เนื่องจากไม่เคยทานยาวาฟาร์ริน และในคู่มือก็มีคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่ควรทาน และไม่ควรทาน
ซึ่งปกติเราอยู่กรุงเทพ คุณพ่ออยู่ต่างจังหวัด กลับมาทุกอาทิตย์ เราจะพยายามส่งรูปอาหารไปให้ท่าน ว่าวันนี้ทานอะไรดี
และเขียนติดตู้เย็น ติดโต๊ะทำงาน เกี่ยวกับอาหารที่ทานได้และไม่ควรทาน ลดหวาน มัน เค็ม หมัก ดอง ชูรส
เปลี่ยนแก้วของคุณพ่อเป็นแก้วตวง และติดไวท์บอร์ดไว้หน้าตู้เย็นเพื่อให้ท่านจดปริมาณน้ำที่ดื่มไป
ร่ายมานาน คือ อยากจะขอคำแนะนำค่ะ จนปัญญาแล้วจริงๆ
คุณพ่อดื้อมาก ห้ามอะไรก็ไม่ฟัง ขนาดคุณหมอบอกว่าหัวใจทำงานแค่ 30% เอง ฟังแล้วก็กลัวๆๆ กลัวอยู่อาทิตย์นึง
แล้วก็กลับมาทำตัวปกติ ตอนเช้าทานปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ เที่ยงกินตามสั่ง เย็นไปเดินตลาด หนักเลยค่ะ แม่ค้าทุกคนรู้ว่าแกป่วยอยู่
แต่แม่ค้าก็ไม่กล้าไม่ขายให้ เฉาก๊วยปั่นมั่ง ปาท่องโก๋มั่ง ขนมครก หมูทอด หมูกรอบ หมูเค็ม ฯลฯ สารพัดสิ่งที่ไม่อยากให้ทาน
ส่วนน้ำ จากที่คุณหมอบอกว่าวันละลิตร หมอบอก 1000 คุณพ่อดื่ม 1200 หมอบอกงั้นให้ 1200 พ่อก็แอบเกินตลอด
ยิ่งห้ามยิ่งทะเลาะ บอกว่าชีวิตคนเรามันจะเป๊ะไปหมดได้ยังไง เค้าใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด ให้ทำยังไง
ขอร้องสารพัดวิธี ทั้งลูกอ้อน ทั้งขู่ ทั้งบ่น ทั้งขอร้อง น้ำตาก็แล้ว ไม่ช่วยอะไรเลยค่ะ
ล่าสุดพบว่าแอบกลับไปทานยาเบาหวานตัวเก่า เพราะน้ำตาลขึ้นสูง คงจะกลัวคุณหมอดุ
ละยังมาทำแบ๊ว บอก งงจัง ไม่รู้ทำไมน้ำตาลขึ้นสูง เอ๊ะ ก็ตัวเองกินอะไรเข้าไปบ้าง ทำเป็นไม่รู้อีก
พอเราบอกว่า ต้องแจ้งหมอด้วย ท่านก็ไม่ยอม โวยวายบอกว่าไม่ให้บอก T_T
ทำยังไงดีคะ เหนื่อยใจสุดๆเลยตอนนี้ ให้ท่านยอมค่อยๆปรับวิธีการกิน ไม่กินน้ำเกิน ไม่แอบกินยา
เพราะเราไม่ได้อยู่ดูแลท่านทุกวันทุกเวลา เราบอกได้เฉพาะวันที่เราอยู่ นอกนั้นท่านก็กลับไปชิลเหมือนเดิม
คุณพ่อป่วย และดื้อมาก
- เบาหวาน (ปกติน้ำตาลไม่สูงเพราะทานยา ช่วงหลังมีโรคหัวใจ คุณหมอเลยสั่งงดยาชุดเดิมก่อน ช่วงนี้วัดอยู่ที่ประมาณ 300)
- ความดันสูง
- เก๊าท์
และล่าสุด หัวใจ
ล่าสุดเข้าโรงพยาบาลเนื่องจาก มีอาการเหนื่อยผิดปกติ และหายใจติดขัดเป็นช่วงๆ เลยไปตรวจ
พบว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีน้ำท่วมปอด เข้าโรงพยาบาลประมาณ 10 วัน และมีนัดฉีดสีวันที่ 17 เดือนนี้
ระหว่างนี้ให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน ยกเลิกยาชุดเดิม ให้ทานยาละลายลิ่มเลือด วาฟาร์ริน เพื่อปรับค่า INR
และจำกัดการดื่มน้ำให้ได้เพียงวันละ 1 ลิตร (ปกติคุณพ่อดื่มน้ำเยอะ ท่านเลยหงุดหงิดเรื่องนี้มาก)
เนื่องจากไม่เคยทานยาวาฟาร์ริน และในคู่มือก็มีคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่ควรทาน และไม่ควรทาน
ซึ่งปกติเราอยู่กรุงเทพ คุณพ่ออยู่ต่างจังหวัด กลับมาทุกอาทิตย์ เราจะพยายามส่งรูปอาหารไปให้ท่าน ว่าวันนี้ทานอะไรดี
และเขียนติดตู้เย็น ติดโต๊ะทำงาน เกี่ยวกับอาหารที่ทานได้และไม่ควรทาน ลดหวาน มัน เค็ม หมัก ดอง ชูรส
เปลี่ยนแก้วของคุณพ่อเป็นแก้วตวง และติดไวท์บอร์ดไว้หน้าตู้เย็นเพื่อให้ท่านจดปริมาณน้ำที่ดื่มไป
ร่ายมานาน คือ อยากจะขอคำแนะนำค่ะ จนปัญญาแล้วจริงๆ
คุณพ่อดื้อมาก ห้ามอะไรก็ไม่ฟัง ขนาดคุณหมอบอกว่าหัวใจทำงานแค่ 30% เอง ฟังแล้วก็กลัวๆๆ กลัวอยู่อาทิตย์นึง
แล้วก็กลับมาทำตัวปกติ ตอนเช้าทานปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ เที่ยงกินตามสั่ง เย็นไปเดินตลาด หนักเลยค่ะ แม่ค้าทุกคนรู้ว่าแกป่วยอยู่
แต่แม่ค้าก็ไม่กล้าไม่ขายให้ เฉาก๊วยปั่นมั่ง ปาท่องโก๋มั่ง ขนมครก หมูทอด หมูกรอบ หมูเค็ม ฯลฯ สารพัดสิ่งที่ไม่อยากให้ทาน
ส่วนน้ำ จากที่คุณหมอบอกว่าวันละลิตร หมอบอก 1000 คุณพ่อดื่ม 1200 หมอบอกงั้นให้ 1200 พ่อก็แอบเกินตลอด
ยิ่งห้ามยิ่งทะเลาะ บอกว่าชีวิตคนเรามันจะเป๊ะไปหมดได้ยังไง เค้าใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด ให้ทำยังไง
ขอร้องสารพัดวิธี ทั้งลูกอ้อน ทั้งขู่ ทั้งบ่น ทั้งขอร้อง น้ำตาก็แล้ว ไม่ช่วยอะไรเลยค่ะ
ล่าสุดพบว่าแอบกลับไปทานยาเบาหวานตัวเก่า เพราะน้ำตาลขึ้นสูง คงจะกลัวคุณหมอดุ
ละยังมาทำแบ๊ว บอก งงจัง ไม่รู้ทำไมน้ำตาลขึ้นสูง เอ๊ะ ก็ตัวเองกินอะไรเข้าไปบ้าง ทำเป็นไม่รู้อีก
พอเราบอกว่า ต้องแจ้งหมอด้วย ท่านก็ไม่ยอม โวยวายบอกว่าไม่ให้บอก T_T
ทำยังไงดีคะ เหนื่อยใจสุดๆเลยตอนนี้ ให้ท่านยอมค่อยๆปรับวิธีการกิน ไม่กินน้ำเกิน ไม่แอบกินยา
เพราะเราไม่ได้อยู่ดูแลท่านทุกวันทุกเวลา เราบอกได้เฉพาะวันที่เราอยู่ นอกนั้นท่านก็กลับไปชิลเหมือนเดิม