เข้าฤดู Green Season อย่างเต็มตัวแล้วไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวภูทับเบิก จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ทริปสั้นๆ ทริปนี้
ในใจคิดว่าภูทับเบิกหน้าฝนมีอะไรดีกว่าที่คิด คิดว่างั้นนะ 555
การออกไปเที่ยววันธรรมดายังคงเป็นกฎอีกข้อของเรา ทริปนี้แทบจะไม่มีแพลน ไปหาเอาข้างหน้าละกัน

เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวาย (ของคนอื่น) มุ่งหน้าไปยังดอนเมืองเพื่อจะซื้อตั๋วไปลงพิษณุโลกแต่ไม่ทัน เลยเปิดดูแผนที่ว่าสามารถไปลงที่ไหนได้บ้าง เช็คไฟท์ไปจังหวัดเลยละกัน คำนวนเวลา ระยะทาง คิดว่าน่าจะโอเค

ถึงแล้ว สนามบินเลย หลังจากนั้นก็ถามคุณลุงเพื่อจะต่อรถไปหล่มสัก คุณลุงมาส่งที่ บขส.เลย

ถึง บขส เลย ตอน 12.00 น. แต่รถหล่มสักออก 14.00 น. พอถึงเวลาจริงๆ รถออก 14.30 น. แหนะ

ระหว่างทางก็หาข้อมูลรถมอไซค์เช่าที่หล่มสัก แต่รถค่อนข้างหวานเย็นกว่าจะถึงหล่มสักปาเข้าไป 17.40 น. แล้ว เกินเวลาที่เราตั้งเป้าไว้เยอะพอสมควร

รีบมุ่งหน้าขึ้นภูทับเบิกก่อนที่จะมืด แต่วิวระหว่างทางชวนให้จอดถ่ายรูปมากๆ ใช้เวลา 1 ชม. ก็ถึงบนภูแล้ว
ระหว่างขี่ขึ้นภู เหมือนมีแมลงอะไรสักอย่างบินมาต่อยที่ข้อมือ ใครมีถุงมือก็เตรียมๆ มาด้วยน้า

เราแวะถามที่พัก 2 ที่ ที่แรกคือ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวภูทับเบิก 800 บาท และไร่ต้นมุข 600 บาท แน่นอนต้องเลือกที่ถูกกว่า 555
ราคาโคตรถูกกว่าวันหยุดและหน้า Hi Season มาก ที่สำคัญคนน้อยยย ตอนแรกตั้งใจนอนเตนท์แต่ระหว่างทางที่ขี่ขึ้นมาลมกระโชกแรงมาก ต้องจอดให้ลมหยุดถึงจะขึ้นต่อได้ ห้องพักใหม่ สะอาดดี คิดถูกแล้วที่ไม่นอนเตนท์เพราะฝนตกลมแรงทั้งคืน หนาวมากๆ

ได้เวลากลับกันแล้ว ระหว่างทางทั้งฝน ทั้งหมอกลงจัดมาก เราแว้นก็ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างแรง
ถึงหล่มสักตอนบ่ายเอารถไปคืนและซื้อตั๋วรถ หล่มสัก-พิษณุโลก 85 บาท

ใช้เวลาเดินทางเกือบๆ 3 ชม. ก็ถึงพิดโลกแล้ว เราลง บขส ใหม่ แล้วให้แท๊กซี่ไปส่ง 180 บาท

ได้เวลากลับ กทม แล้ว เจอกันทริปหน้าฮะ