พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องทุกข์กับเรื่องความดับทุกข์ อย่าได้ไปตอบเขาว่าสอนเรื่องอะไรให้มันมากมาย อุตริวิตถารจนกระทั่งออกไปนอกเรื่องนอกรอย หรือว่าเป็นเรื่องถูกต้องในร่องในรอยแต่มันก็นิดเกินไปนิดหน่อยเกินไป แล้วไปขยายความให้เปลืองไปในเรื่องที่ไม่จำเป็น
เกี่ยวกับข้อนี้ให้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่จะได้เกิดขึ้นแก่พระพุทธเจ้าครั้งหนึ่ง แล้วก็พระองค์ได้ทรงตรัสกำชับไว้ในเหตุการณ์อันนั้นว่า ครั้งหนึ่งเมื่อเสด็จไปในป่าไม้แห่งหนึ่งเป็นป่าดง พระองค์ทรงหยิบใบไม้ขึ้นมากำมือหนึ่งแล้วถามภิกษุทั้งหลายว่า ใบไม้ในกำมือนี้กับใบไม้ทั้งป่าทั้งดงนั้นมันมากน้อยกว่ากันเท่าไร ใครๆก็เห็นได้ว่าใบไม้ในมือกำเดียวนี้มันน้อยกว่าใบไม้ทั้งป่าทั้งดงเท่าไร ก็ทูลตอบพระพุทธเจ้าไปว่ามันมากน้อยกว่ากันอย่างที่จะเปรียบกันไม่ได้ พระองค์จึงตรัสว่า แม้ธรรมะที่ตถาคตตรัสรู้และนำมาสอนก็เป็นเช่นนั้น คือส่วนที่ตรัสรู้นั้นมีปริมาณเท่าใบไม้ทั้งป่าทั้งดงแต่ที่นำมาสอนนี้เท่ากับใบไม้กำมือเดียว เพราะว่าจะสอนแต่เรื่องความทุกข์กับเรื่องความดับทุกข์โดยตรงเท่านั้น เรื่องอื่นซึ่งแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่จำเป็นจะต้องสอน เรื่องที่จะนำมาสอนจึงกลายเป็นเรื่องเพียงกำมือเดียว
ถ้าพูดอย่างสำนวนโวหารหน่อยก็เรียกว่ากำมือเดียวไม่มากมายอะไรในเมื่อไปเทียบกับใบไม้ทั้งป่าทั้งดงแล้ว มันก็พอจะเข้าใจกันได้ทุกคนว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงกำมือเดียวโดยปริมาณ
แต่ทีนี้เมื่อนึกถึงคุณสมบัติของสิ่งที่ทรงนำมาสอนนั้นมันเป็นเรื่องความทุกข์กับเรื่องความดับทุกข์ จงพิจารณาดูเถิดว่ามันจะมีเรื่องอะไรที่จะประเสริฐสูงสุดไปกว่าเรื่องความดับทุกข์ เพราะเหตุฉะนั้นแหละคำสอนกำมือเดียวนั้นจึงเป็นเหมือนกับเพชรเหมือนกับพลอยกำมือหนึ่ง ไม่ใช่ใบไม้กำมือหนึ่งเสียแล้ว
ควรจะสนใจในของกำมือเดียวนั้นกันให้มากและอย่าได้ปล่อยหรือเผลอให้ไปสนใจเรื่องนอกไปกว่านั้น ถ้าจะยกตัวอย่างที่เป็นจริงก็จะยกตัวอย่างว่าเรื่องทำบุญเอาวิมานเอาสวรรค์นั้นมันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ถ้าสมมุติว่าคนๆหนึ่ง ทำบุญและอยากไปสวรรค์เพราะว่าที่นั่นสมบูรณ์ไปด้วยกามคุณ อย่างนี้แล้วก็แปลว่าเขาเห็นว่าเรื่องกามคุณเป็นเรื่องสูงสุด และเมื่อเรื่องกามคุณเป็นเรื่องไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นเหมือนกับเหยื่อที่หุ้มเบ็ด แล้วมันจะเป็นเรื่องดับทุกข์ไปอย่างไรได้ คนที่ทะเยอทะยานในทางกามคุณเห็นว่ากามคุณในมนุษยโลกนี้ยังต่ำไป ปรารถนากามคุณในสวรรค์ซึ่งเป็นของประณีตและสูงสุด อย่างนี้ก็เรียกว่าเขาทำไปด้วยความโลภเมื่อทำไปด้วยความโลภแล้วก็จะเป็นเรื่องดับทุกข์ไปไม่ได้อย่างนี้เป็นต้น
และแม้ว่าเขาจะได้ไปเกิดในสวรรค์ได้เสวยสวรรค์สมบัติวิมานนานาประการดังที่กล่าวนั้นจริง แล้วก็ลองคิดดูเถิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นก็คือความมัวเมาหลงใหลยิ่งไปกว่าที่ยังอยู่ในโลกมนุษย์ เมื่อมาถึงนี่แล้วคิดดูว่ามันเป็นเรื่องดีขึ้นหรือเลวลง ถ้าตอบอย่างพระพุทธเจ้าท่านก็ต้องถือว่ามันเลวลงเพราะว่าจิตใจมันต่ำลง ถ้าตอบอย่างปุถุชนคนพาลนั้นแหละจึงจะว่ารวยกันใหญ่เป็นการได้ที่ร่ำรวยกันใหญ่อย่างนี้เป็นต้น จะเรียกว่าการเจตนาทำบุญกุศลเพื่อจะได้ไปเกิดในสวรรค์ บริโภคกามคุณนั้นเป็นเรื่องดับทุกข์หรือไม่
ใครๆ ก็จะเห็นได้ว่าอย่างดีก็เป็นเรื่องมีความทุกข์เท่าเดิม พลาดนิดเดียวก็เป็นเรื่องมีความทุกข์มากขึ้นกว่าเก่า เพราะว่ามีความหลงใหลมัวเมามากขึ้นไปกว่าเก่า อันเรื่องสวรรค์เรื่องวิมานอะไรทำนองนี้ระวังให้ดี ถ้าไม่ระวังให้ดีก็จะกลายเป็นเรื่องร้ายไปกว่าเก่า คือ ไม่เป็นความดับทุกข์ ไม่เป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน
พุทธทาสภิกขุ
แสดงธรรมล้ออายุ ปี พ.ศ. 2524
จดหมายเหตุพุทธทาส 1415240528041
พระพุทธเจ้าท่านสอนแค่นี้
เกี่ยวกับข้อนี้ให้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่จะได้เกิดขึ้นแก่พระพุทธเจ้าครั้งหนึ่ง แล้วก็พระองค์ได้ทรงตรัสกำชับไว้ในเหตุการณ์อันนั้นว่า ครั้งหนึ่งเมื่อเสด็จไปในป่าไม้แห่งหนึ่งเป็นป่าดง พระองค์ทรงหยิบใบไม้ขึ้นมากำมือหนึ่งแล้วถามภิกษุทั้งหลายว่า ใบไม้ในกำมือนี้กับใบไม้ทั้งป่าทั้งดงนั้นมันมากน้อยกว่ากันเท่าไร ใครๆก็เห็นได้ว่าใบไม้ในมือกำเดียวนี้มันน้อยกว่าใบไม้ทั้งป่าทั้งดงเท่าไร ก็ทูลตอบพระพุทธเจ้าไปว่ามันมากน้อยกว่ากันอย่างที่จะเปรียบกันไม่ได้ พระองค์จึงตรัสว่า แม้ธรรมะที่ตถาคตตรัสรู้และนำมาสอนก็เป็นเช่นนั้น คือส่วนที่ตรัสรู้นั้นมีปริมาณเท่าใบไม้ทั้งป่าทั้งดงแต่ที่นำมาสอนนี้เท่ากับใบไม้กำมือเดียว เพราะว่าจะสอนแต่เรื่องความทุกข์กับเรื่องความดับทุกข์โดยตรงเท่านั้น เรื่องอื่นซึ่งแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่จำเป็นจะต้องสอน เรื่องที่จะนำมาสอนจึงกลายเป็นเรื่องเพียงกำมือเดียว
ถ้าพูดอย่างสำนวนโวหารหน่อยก็เรียกว่ากำมือเดียวไม่มากมายอะไรในเมื่อไปเทียบกับใบไม้ทั้งป่าทั้งดงแล้ว มันก็พอจะเข้าใจกันได้ทุกคนว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงกำมือเดียวโดยปริมาณ
แต่ทีนี้เมื่อนึกถึงคุณสมบัติของสิ่งที่ทรงนำมาสอนนั้นมันเป็นเรื่องความทุกข์กับเรื่องความดับทุกข์ จงพิจารณาดูเถิดว่ามันจะมีเรื่องอะไรที่จะประเสริฐสูงสุดไปกว่าเรื่องความดับทุกข์ เพราะเหตุฉะนั้นแหละคำสอนกำมือเดียวนั้นจึงเป็นเหมือนกับเพชรเหมือนกับพลอยกำมือหนึ่ง ไม่ใช่ใบไม้กำมือหนึ่งเสียแล้ว
ควรจะสนใจในของกำมือเดียวนั้นกันให้มากและอย่าได้ปล่อยหรือเผลอให้ไปสนใจเรื่องนอกไปกว่านั้น ถ้าจะยกตัวอย่างที่เป็นจริงก็จะยกตัวอย่างว่าเรื่องทำบุญเอาวิมานเอาสวรรค์นั้นมันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ถ้าสมมุติว่าคนๆหนึ่ง ทำบุญและอยากไปสวรรค์เพราะว่าที่นั่นสมบูรณ์ไปด้วยกามคุณ อย่างนี้แล้วก็แปลว่าเขาเห็นว่าเรื่องกามคุณเป็นเรื่องสูงสุด และเมื่อเรื่องกามคุณเป็นเรื่องไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นเหมือนกับเหยื่อที่หุ้มเบ็ด แล้วมันจะเป็นเรื่องดับทุกข์ไปอย่างไรได้ คนที่ทะเยอทะยานในทางกามคุณเห็นว่ากามคุณในมนุษยโลกนี้ยังต่ำไป ปรารถนากามคุณในสวรรค์ซึ่งเป็นของประณีตและสูงสุด อย่างนี้ก็เรียกว่าเขาทำไปด้วยความโลภเมื่อทำไปด้วยความโลภแล้วก็จะเป็นเรื่องดับทุกข์ไปไม่ได้อย่างนี้เป็นต้น
และแม้ว่าเขาจะได้ไปเกิดในสวรรค์ได้เสวยสวรรค์สมบัติวิมานนานาประการดังที่กล่าวนั้นจริง แล้วก็ลองคิดดูเถิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นก็คือความมัวเมาหลงใหลยิ่งไปกว่าที่ยังอยู่ในโลกมนุษย์ เมื่อมาถึงนี่แล้วคิดดูว่ามันเป็นเรื่องดีขึ้นหรือเลวลง ถ้าตอบอย่างพระพุทธเจ้าท่านก็ต้องถือว่ามันเลวลงเพราะว่าจิตใจมันต่ำลง ถ้าตอบอย่างปุถุชนคนพาลนั้นแหละจึงจะว่ารวยกันใหญ่เป็นการได้ที่ร่ำรวยกันใหญ่อย่างนี้เป็นต้น จะเรียกว่าการเจตนาทำบุญกุศลเพื่อจะได้ไปเกิดในสวรรค์ บริโภคกามคุณนั้นเป็นเรื่องดับทุกข์หรือไม่
ใครๆ ก็จะเห็นได้ว่าอย่างดีก็เป็นเรื่องมีความทุกข์เท่าเดิม พลาดนิดเดียวก็เป็นเรื่องมีความทุกข์มากขึ้นกว่าเก่า เพราะว่ามีความหลงใหลมัวเมามากขึ้นไปกว่าเก่า อันเรื่องสวรรค์เรื่องวิมานอะไรทำนองนี้ระวังให้ดี ถ้าไม่ระวังให้ดีก็จะกลายเป็นเรื่องร้ายไปกว่าเก่า คือ ไม่เป็นความดับทุกข์ ไม่เป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน
พุทธทาสภิกขุ
แสดงธรรมล้ออายุ ปี พ.ศ. 2524
จดหมายเหตุพุทธทาส 1415240528041