วันนี้ผมนำเจ้า Civic FD 2.0 ขับรถออกต่างจังหวัดเพื่อไปเที่ยวหัวหินครับ ระยะทางประมาณ 150 กม. จากบ้าน พอมาถึงช่วง กม. ที่ 130 ผมมีความรู้สึกว่ารถมีเสียงหวึ่งๆ แว่วๆ เข้ามาในตัวรถ เวลาที่ขับความเร็วสัก 90 กม.ชม. ขึ้นไป ในใจคิดไว้ว่าจะเสียงลูกปืนล้อหลัง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นครับ คือสักพักนึงหลังจากที่เร่งแซงคันหน้ามาา แอร์ก็ไม่เย็นแล้วครับเหลือแต่ลม ณ ตอนนั้นกดปุ่ม A/C ลองเปิด-ปิดอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่เป็นผล ผมก็เลยขับต่อไปให้ถึงที่หมายแล้วหวังว่าจะเปิดฝากระโปรงเช็คทีเดียว หลังจากมาถึงที่หมายแล้ว ลองเปิดฝากระโปรง ให้แฟนลองกด A/C จากในรถ แล้วผมมาส่องดูที่คอมแอร์ ครัชก็จับปล่อยตามการปิด-เปิด แต่ที่ผิดสังเกตุคือ ขณะที่กด A/C ON เครื่องโดนฉุดรอบตกลงมาเหลือ 500 รอบ พร้อมกับเครื่องสั่นกระพรื้อตอนที่รอบร่วง และก็มีเสียงเหมือนอะไรสักอย่างฝืดๆ มาเสียดสีกัน และก็มีกลิ่นไหม้คล้ายยางด้วย ต่อจากนั้นผมเลยเปิดฝากระโปรงทิ้งไว้ หวังว่ามันอาจะเกิดจากความร้อน เลยเกิดอาการผิดปกติ ก็ไปเดินเที่ยวกันปกติ โดยที่พยายามไม่ได้คิดอะไร หวังว่ากลับมาตอนเครื่องเย็นแล้วจะหาย .....
....มาจนถึงช่วงขากลับ ผมก็หวังจะหาย แต่กลับเป็นอาการเดิมมีเสียงดัง ไม่เย็นเหมือนเดิม ผมจึงปิดแอร์ขับกลับบ้านเลย (ร้อนเป็นร้อน กลัวพัง) หวังว่ากลับมาบ้านจะเข้าอู่เลย แต่ในขณะที่ขับกลับบ้านได้ประมาณ 1 กิโลเมตรเห็นจะได้ แฟนกับผมลงความเห็นว่า ลองเปิดแอร์กันดูไหม เพราะอากาศร้อนมาก ผมจึงใช้วิธีเดิม คือ ลงไปดูที่ห้องเครื่อง แล้วให้แฟนกดเปิด-ปิดแอร์ แต่คราวนี้ พอกด A/C ON แล้ว รอบเครื่องไม่ตกแล้วแหะ คงที่ ครัชจับ คอมหมุน แอร์กลับมาเย็นอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงอยู่เหมือนอะไรเสียดสีกันอยู่ แต่ด้วยความร้อน จึงฝืนใช้ แล้วดูอาการเอา ถ้าไม่ดีค่อยปิด ระหว่างทางกว่า 100 km. ขับด้วยความเร็ว 60-70 km./h. พร้อมกับค่อยฟังเสียงเครื่องอยู่เรื่อยๆ พบว่า เสียงบางอย่างเสียดสีกันจะดังตอนคอมแอร์ตัดการทำงาน แต่พอแอร์กลับมาทำความเย็น เสียงเหล่าจะเบาลงแทบไม่ได้ยิน ผมมีความรู้สึกเสียงมันจะดังมากเป็นบางช่วง พอมาถึงช่วงที่ใกล้จะถึงบ้านแล้ว ราว 5 km. เจอรถติดไฟแดง และการจราจรคับคั่ง เคลื่อนตัวช้าๆ ตอนที่คอมแอร์ตัด รู้สึกรอบเครื่องตกลงมาต่ำมาก ประมาณ 500 รอบ จนรู้สึกได้ว่าเครื่องสั่น สังเกตุหน้าปัดพบว่า มีไฟแบตโชว์ กับไฟน้ำมันเครื่อง ช่วงนั้นผมตกใจ เลยรีบนำรถเข้าข้างทาง ช่วงนั้นพวงมาลัยแข็งมาก เบรคก็ถื้อไปแล้ว เนื่องจากเครื่องยนต์ดับ(ไปตอนไหนก็ไม่รู้) ผมนี่ดึงเบรคมือแทบไม่ทัน เกือบชนรถคันหน้าที่จอดอยู่ ผมจึงบิดกุญแจไป OFF นั่งอึ้งอยู่พักนึง ว่ามันเกิดขึ้นได้ไง ผมเองก็เพิ่งเคยเจอ พอสติมาเต็ม จึงออกไปเปิดฝากระโปรงดู พร้อมกับได้กลิ่นไหม้ๆ มาจากตรงสายพานหน้าเครื่อง ขณะนั้น ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับแอร์แล้ว ลองสตาร์ทรถดู ยังสตาร์ทติด แต่ช่วงบิดกุญแจสตาร์ท หน้าปัดไฟอ่อนมาก แล้วช่วงจังหวะการสตาร์ทดูไม่กระชับเหมือนแต่ก่อนแล้ว (คือปกติเสียงสตาร์ทจะถี่ๆ 3-4 ครั้งก็ติด) แต่ตอนนี้จะเป็น 4-5 ที แล้วหน่วงๆ จังหวะช้าๆ แล้วก็ติด ผมจึงบอกกับลูกรักว่า "ไปให้ถึงบ้านก่อนนะ เดี๋ยวป๊าจะพาไปหาหมอ" คืออีกประมาณ ไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะถึงหน้าบ้านแล้ว ช่วงที่ขับมาแค่ไม่กี่ร้อยเมตรนั้น เป็นช่วงเวลาที่นานมากเพราะเหยียบคันเร่งไม่ค่อยจะขึ้นให้แล้ว เหมือนที่ใครดึงอยู่
และแล้วก็ถึงบ้านดับเครื่อง พร้อมกับโทรถามอาการช่าง และถามราคารถสไลด์ไว้เตรียมพร้อม เพราะไม่อยากสตาร์ทแล้ว น่าสงสารมาก รู้สึกผิดมากเลยครับ ที่พาลูกกลับมาแบบหมดสภาพได้ขนาดนั้น และแล้วหลังจากที่พักรถ ลองหาข้อมูลอากู๋ กับคลับ Civic จนผมเริ่มตื่นเต้นกับอาการเหล่านั้นมากขึ้นไปทุกที ผมจึงอยากลองสตาร์ทดูอีกทีเพื่อที่จะเช็คอาการให้แน่นอน พร้อมกับเอารถเก็บเข้าที่ด้วย ผลปรากฏว่า..... ขณะที่บิดจุญแจสตาร์ท ชิ๊งๆๆๆๆ แบบเวอร์ชันหน่วง เครื่องก็ติดขึ้น พร้อมกับควันขาวๆ กลิ่นไหม้ๆ ที่ลอยขึ้นมาจากแถวสายพาน พร้อมกับเสียงแบบใหม่ไฉไลกว่าเดิม มันเป็นเสียงแต๊กๆๆ แกร๊กๆๆ บริเวณคอมแอร์อย่างชัดเจน มันให้อารมณ์เหมือนเสียงบดลูกปืนเพียวๆ ฟังแล้วเจ็บแทนเลย หลังจากเก็บรถเข้าที่ ผมก็รีบดับเครื่อง แล้ววิ่งมาที่หน้าคอม พิมพ์ข้อความนี้ มาให้เพื่อนๆ พี่ ช่วยกันวินิจฉัยครับ ว่าอาการนี้ เกิดจากอะไร ร้ายแรงแค่ไหน ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ครับ ตอนนี้ผมเตรียมทิชชู่ไว้รอแล้วครับ T_T
คอมฯ แอร์ดังมาก แอร์เย็นปกติ อะไรเสียครับ
....มาจนถึงช่วงขากลับ ผมก็หวังจะหาย แต่กลับเป็นอาการเดิมมีเสียงดัง ไม่เย็นเหมือนเดิม ผมจึงปิดแอร์ขับกลับบ้านเลย (ร้อนเป็นร้อน กลัวพัง) หวังว่ากลับมาบ้านจะเข้าอู่เลย แต่ในขณะที่ขับกลับบ้านได้ประมาณ 1 กิโลเมตรเห็นจะได้ แฟนกับผมลงความเห็นว่า ลองเปิดแอร์กันดูไหม เพราะอากาศร้อนมาก ผมจึงใช้วิธีเดิม คือ ลงไปดูที่ห้องเครื่อง แล้วให้แฟนกดเปิด-ปิดแอร์ แต่คราวนี้ พอกด A/C ON แล้ว รอบเครื่องไม่ตกแล้วแหะ คงที่ ครัชจับ คอมหมุน แอร์กลับมาเย็นอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงอยู่เหมือนอะไรเสียดสีกันอยู่ แต่ด้วยความร้อน จึงฝืนใช้ แล้วดูอาการเอา ถ้าไม่ดีค่อยปิด ระหว่างทางกว่า 100 km. ขับด้วยความเร็ว 60-70 km./h. พร้อมกับค่อยฟังเสียงเครื่องอยู่เรื่อยๆ พบว่า เสียงบางอย่างเสียดสีกันจะดังตอนคอมแอร์ตัดการทำงาน แต่พอแอร์กลับมาทำความเย็น เสียงเหล่าจะเบาลงแทบไม่ได้ยิน ผมมีความรู้สึกเสียงมันจะดังมากเป็นบางช่วง พอมาถึงช่วงที่ใกล้จะถึงบ้านแล้ว ราว 5 km. เจอรถติดไฟแดง และการจราจรคับคั่ง เคลื่อนตัวช้าๆ ตอนที่คอมแอร์ตัด รู้สึกรอบเครื่องตกลงมาต่ำมาก ประมาณ 500 รอบ จนรู้สึกได้ว่าเครื่องสั่น สังเกตุหน้าปัดพบว่า มีไฟแบตโชว์ กับไฟน้ำมันเครื่อง ช่วงนั้นผมตกใจ เลยรีบนำรถเข้าข้างทาง ช่วงนั้นพวงมาลัยแข็งมาก เบรคก็ถื้อไปแล้ว เนื่องจากเครื่องยนต์ดับ(ไปตอนไหนก็ไม่รู้) ผมนี่ดึงเบรคมือแทบไม่ทัน เกือบชนรถคันหน้าที่จอดอยู่ ผมจึงบิดกุญแจไป OFF นั่งอึ้งอยู่พักนึง ว่ามันเกิดขึ้นได้ไง ผมเองก็เพิ่งเคยเจอ พอสติมาเต็ม จึงออกไปเปิดฝากระโปรงดู พร้อมกับได้กลิ่นไหม้ๆ มาจากตรงสายพานหน้าเครื่อง ขณะนั้น ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับแอร์แล้ว ลองสตาร์ทรถดู ยังสตาร์ทติด แต่ช่วงบิดกุญแจสตาร์ท หน้าปัดไฟอ่อนมาก แล้วช่วงจังหวะการสตาร์ทดูไม่กระชับเหมือนแต่ก่อนแล้ว (คือปกติเสียงสตาร์ทจะถี่ๆ 3-4 ครั้งก็ติด) แต่ตอนนี้จะเป็น 4-5 ที แล้วหน่วงๆ จังหวะช้าๆ แล้วก็ติด ผมจึงบอกกับลูกรักว่า "ไปให้ถึงบ้านก่อนนะ เดี๋ยวป๊าจะพาไปหาหมอ" คืออีกประมาณ ไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะถึงหน้าบ้านแล้ว ช่วงที่ขับมาแค่ไม่กี่ร้อยเมตรนั้น เป็นช่วงเวลาที่นานมากเพราะเหยียบคันเร่งไม่ค่อยจะขึ้นให้แล้ว เหมือนที่ใครดึงอยู่
และแล้วก็ถึงบ้านดับเครื่อง พร้อมกับโทรถามอาการช่าง และถามราคารถสไลด์ไว้เตรียมพร้อม เพราะไม่อยากสตาร์ทแล้ว น่าสงสารมาก รู้สึกผิดมากเลยครับ ที่พาลูกกลับมาแบบหมดสภาพได้ขนาดนั้น และแล้วหลังจากที่พักรถ ลองหาข้อมูลอากู๋ กับคลับ Civic จนผมเริ่มตื่นเต้นกับอาการเหล่านั้นมากขึ้นไปทุกที ผมจึงอยากลองสตาร์ทดูอีกทีเพื่อที่จะเช็คอาการให้แน่นอน พร้อมกับเอารถเก็บเข้าที่ด้วย ผลปรากฏว่า..... ขณะที่บิดจุญแจสตาร์ท ชิ๊งๆๆๆๆ แบบเวอร์ชันหน่วง เครื่องก็ติดขึ้น พร้อมกับควันขาวๆ กลิ่นไหม้ๆ ที่ลอยขึ้นมาจากแถวสายพาน พร้อมกับเสียงแบบใหม่ไฉไลกว่าเดิม มันเป็นเสียงแต๊กๆๆ แกร๊กๆๆ บริเวณคอมแอร์อย่างชัดเจน มันให้อารมณ์เหมือนเสียงบดลูกปืนเพียวๆ ฟังแล้วเจ็บแทนเลย หลังจากเก็บรถเข้าที่ ผมก็รีบดับเครื่อง แล้ววิ่งมาที่หน้าคอม พิมพ์ข้อความนี้ มาให้เพื่อนๆ พี่ ช่วยกันวินิจฉัยครับ ว่าอาการนี้ เกิดจากอะไร ร้ายแรงแค่ไหน ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ครับ ตอนนี้ผมเตรียมทิชชู่ไว้รอแล้วครับ T_T