ทำไมใครๆ ก็ไปไอซ์แลนด์กันหล่ะ
เก็บเงิน เก็บกระเป๋าละออกเดินทาง ประเทศนี้มันช่างดีงามเหลือเกิน คุ้มค่าตั๋ว คุ้มค่าตังที่เสียไปแน่นอน

ขอแทรก สรุปมาไว้ตรงนี้ละกัน
มันก็จะประมาณนี้แหละแก แต่ยังไม่รวมค่าอาหาร และช็อปปิ่งต่างๆ เพราะมันค่อนข้างกระจัดกระจายเพราะบางมื้อก็กินร้าน บางมื้อก็ซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาทำ และส่วนใหญ่เราแบกของกินจากไทยมามากโข

อย่าลืมเตรียมหัวแปลงปลั๊กไฟแบบหัวกลมสองตาไปด้วยเน้ออออ

ทริปนี้เราเดินทางจากกรุงเทพ-ลอนดอน โดยแวะทรานสิสที่มาเลเซีย นั่งๆ นอน ๆ บนเครื่องไป 14 ชั่วโมงค่ะ
จากนั้นเมื่อถึงสนามบินฮีทโธรว์ ต้องผ่าน ตม ก่อนไปขึ้นเครื่องอีกต่อเพื่อไปไอซ์แลนด์ ตม ของอังกฤษหากไปเป็นกรุ๊ป สามารถยื่นที่ช่องเดียวพร้อมกันเลยก็ได้ เมื่อผ่านก็ไปเอากระเป๋าจากนั้นก็ไปขึ้นเครื่องลอนดอน-เรคยาวิก ต่อเลย มาราธอนมาก
ฉะนั้นเราต้องทำวีซ่าทั้งของอังกฤษ และเชงเก้น

วีซ่าอังกฤษทำได้ที่ผ่าน https://www.visa4uk.fco.gov.uk/home/welcome
โดยต้องสมัครสมาชิกก่อน แล้วทำการกรอกคำร้องในเว็บ นัดหมายเวลา และจ่ายเงิน
จากนั้นเมื่อถึงวัน เวลานัดหมาย ก็ไปที่อาคารเดอะ เทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13 แล้วยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้เขาตรวจตรงเคาท์เตอร์ด้านล่างค่ะ เมื่อถึงเวลาเขาจะเรียกเราให้ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 28 ผ่านขั้นตอนต่างๆ ถ่ายรูป สแกนลายนิ้วมือ ก็เป็นอันเรียบร้อย รอเขาส่งเล่มพาสปอร์ตที่บ้านได้เลย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.vfsglobal.co.uk/thailand/thai/index.html
ส่วนขั้นตอนเราทำตามกระทู้ https://ppantip.com/topic/34690354 ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับข้อมูล อัพเดตหนึ่งอย่างไม่ต้องเตรียมรูปถ่ายไปด้วยแล้ว

ส่วนเชงเก้นก็ตึกเดียวกันเลยค่ะ แต่คนละชั้น แต่เราต้องยื่นผ่านสถานฑูตเดนมาร์ก จะอยู่ชั้น 8  เข้าไปดูข้อมูลได้ที่
http://vfsglobal-denmark.com/thailand/thai/iceland_boyfriendgirlfriend.html
หรือดูจากกระทู้นี้ได้เลยก็ได้ค่ะ
https://ppantip.com/topic/35960779
วีซ่าเรียบร้อย แพ็คกระเป๋า แพ็คของกิน แล้วก็ออกเดินทาง

แลนดิ้งอย่างปลอดภัย ที่สนามบิน Keflavík ในช่วงบ่ายๆ ผ่านตม. รับกระเป๋า แลกตัง โอเค พร้อมลุยค่ะ

เงินแลกเป็นยูโรไปก่อนแล้วค่อยไปแลกเงิน ISK ของไอซ์แลนด์ที่สนามบิน ส่วนซิมการ์ดซื้อที่สนามบินไปเลยก็ได้ค่ะ ราคาไม่ต่างจากมินิมาร์ทเลย

เดินหาเคาท์เตอร์บริษัทที่เช่ารถต่อ แต่ถ้าหากหาไม่เจอ อย่าพึ่งตกใจนะ ให้เดินออกมาจากตัวอาคารแล้วเดินตามทางเดินที่มุงหลังคาไปจนถึงลานจอดรถที่มีป้ายบริษัทเช่ารถต่าง ๆ เพื่อรอขึ้น Shuttle bus ซึ่งจะมาประมาณทุก ๆ 15 นาที ซึ่งเจ้า Shuttle bus เนี่ยแหละที่จะพาเราไปส่งยังบริษัทเช่ารถที่อยู่แยกออกไปอีกที่หนึ่ง แต่ไม่ไกลเท่าไหร่ และจอดเป็นจุด ๆ ให้สังเกตป้ายหรือชื่อของบริษัทที่เราเช่ารถไว้แล้วก็ลงให้ถูกจุด
การเช่ารถ เช็คให้ถี่ถ้วน รอยขีดขูด ประตู ฮีตเตอร์  ทุกคนที่โดยสารรถไม่ว่าจะนั่งตำแหน่งไหนจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัย รถต้องเปิดไฟหน้ารถตลอดเวลาที่ขับ ส่วนถ้าใครมีคนขับมากกว่าหนึ่งคนก็ต้องแจ้งเขาและจ่ายเพิ่มเติมในส่วนของการเพิ่มคนขับ(สองคนกำลังดี ไว้เปลี่ยนกันเวลาเหนื่อยหรือง่วง เพราะวันแรก ๆ เห้ยตื่นเต้นมองไปทางไหนก็สวยไปหมด แต่ทางค่อนข้างชวนง่วงเพราะขาวโพลนเหมือนกันไปหมดและทางค่องข้างตรง โดยเฉพาะวันท้าย ๆ ที่เพลียสะสมจากทุกวัน สวยแค่ไหนก็ไม่สามารถฝืนลืมตาได้จริง ๆ)  ส่วนเรื่องความเร็ว ตามข้างทางมีป้ายจำกัดความเร็วตลอดเส้นทาง สะพานค่อนข้างแคบ รถไปได้ทีละเลนเท่านั้น ให้สังเกตว่ารถฝั่งไหนมาก่อน ก็ให้คันนั้นไปก่อนนะ  แต่จะมีแค่บางที่ที่สามารถขับสวนกันได้(แต่ก็มีน้อยมาก) ให้สังเกตป้ายดู หรือจะมีสะพานที่ยาวมาก ๆ ก็จะมีที่หลบให้รถสวนกันได้ตรงกลางสะพานให้

ฝากติดตามการเดินทางครั้งอื่นๆ ของเราได้ที่
https://www.facebook.com/goforexperience/
ด้วยนะคะ หลังจากนี้จะทยอยอัพทริปต่างๆ แล้ว 5555

แก้ไขเพิ่มรูป+สรุปค่าใช้จ่าย