การเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งนี้มีจุดหมายอยู่ที่เมืองเก่ามรดกโลกอย่าง เมืองนารา เกียวโตและโอซาก้า ทริปนี้เที่ยว 3 เมืองกับเวลาเดินทาง 9 วัน รู้สึกเวลามันสั้นมากๆมีหลายที่ยังไม่ได้ไป มีหลายที่ไปแล้วประทับใจเดินถ่ายรูปได้เป็นวันๆ ทริปนี้ตัดสินใจเดินทางเพราะโปรตั๋วราคาถูกของแอร์เอเชีย เดินทางไปและกลับเพียง 7,000 กว่าบาทนิดๆเท่านั้น จึงตัดสินใจจองตั๋วทันที ตั๋วจองล่วงหน้าและมีเวลาแพลนที่เที่ยวเพียงสองเดือนเท่านั้นก็ถึงเวลาเดินทาง เที่ยวบินนี้ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพ ตอนบ่ายสองโมงกว่าๆไปถึง สนามบินคันไซ โอซาก้า เวลาสี่ทุ่ม ฉะนั้นคืนแรกก็เลยนอนในสนามบินพอเช้าก็จะออกเดินทางจากสนามบินไปเมืองเกียวโตและไปค้างที่นั่น







มาถึงสนามบินดอนเมืองเช็คอินกินข้าวเสร็จพอมีเวลาเหลือชั่วโมงกว่าๆ เดินซื้อขนมไทยๆที่ King Power ไปฝากเพื่อนที่โอซาก้า สะดวกดีมีหลายอย่างให้เลือกซื้อ ทั้งที่เป็นขนมไทยต่างๆ และผลไม้อบแห้งแบบไทยๆ แพ็คเกจก็ดูสวยงาม ราคาก็ไม่ต่างกับซื้อตามห้างสรรพสินค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เสร็จภาระกิจซื้อของฝากก็เข้าไปที่ Gate เพื่อรอเรียกขึ้นเครื่อง คืนนี้ตั้งใจนอนที่สนามบินคันไซโอซาก้า ที่นี่อาจจะไม่สบายเท่าตอนไปเที่ยวไต้หวันเพราะคนค่อนข้างจะเยอะนอนก็ไม่ค่อยหลับ พอตีห้าเราก็ไปเดินหาห้องอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้าเกียวโต






ห้องอาบน้ำเป็นแบบหยอดเหรียญ 15 นาทีต่อ 500 เยน มีโซนเปียกและโซนแห้งมีน้ำร้อนน้ำเย็น สบู่ครีมอาบน้ำและแชมพู เป็นของยี่ห้อ Kose ด้วยดีจัง อาบเสร็จมีที่เป่าผมให้ใช้ด้วยแต่งตัวเสร็จก็ได้เวลาเดินหาร้านสะดวกซื้อในสนามบินเพื่อหาของกินรองท้องก่อนออกเดินทาง เราสามารถเดินทางจากสนามบินคันไซไปที่เมืองเกียวโต ด้วยรถไฟ JR สาย ฮารุกะ (Haruka) ค่าโดยสารคนละ 1,880 เยน สามารถเช็คตารางเวลาวิ่งของรถไฟแต่ละขบวนได้ที่เว็บ http://www.hyperdia.com/en/

ซึ่งเราเลือกขึ้นรถไฟแบบ LTD. EXP HARUKA ต่อเดียวถึงเกียวโตเลยใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง ถ้าไปขบวนอื่นต้องไปต่อรถไฟสายอื่นอีกสองสามครั้งและใช้เวลานานกว่า ค่ารถก็เท่ากันกับขบวนฮารุกะ มาถึงเกียวโตเอาของไปฝากที่ Guest House ก่อน จากนั้นนั่งรถไฟ JR ไปเที่ยวที่เมืองนารา


บรรยากาศหน้า Guest House ที่พักคืนละ 500 บาทเท่านั้น มีห้องรวมและแยกชายหญิง ด้านล่างเป็นคาเฟ่เล็กๆ เปิดขายวันธรรมดา ที่เกียวโตเมืองเงียบสงบมาก ขนาดที่พักอยู่กลางเมืองแต่ก็ไม่มีรถราวิ่งวุ่นวาย คนที่นี่นิยมใช้จักรยานเหมือนในโตเกียวและโอซาก้า



ร้านค้าต่างๆก็ยังเป็นไม้เก่าๆอายุนับร้อยปีเลย บางหลังเปิดเป็นร้านขายของ ร้านอาหาร บ้านไม้เหล่านี้ดูสวยงามสะท้อนความเก่าแก่และความเจริญในสมัยโบราณของเมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโตได้เป็นอย่างดีทีเดียวจากที่พักเรานั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีมารุตะมาจิ (Marutamachi station) ไปลงที่สถานีเกียวโต (Kyoto Station) เพื่อต่อรถไฟ JR จากที่นี่ไปลงที่ สถานีคินเท็ตสึ นารา (Kintetsu Nara) ที่ลงสถานีนี้เพราะจะแวะซื้อตั๋วรถบัส นาราพาสแบบวันเดียว  ที่ Tourist Information ที่อยู่หน้าสถานีรถไฟ เมื่อเราซื้อพาสจะได้แผนที่ท่องเที่ยวมาด้วย ราคาพาสแค่ 500 เยนเท่านั้น ถ้าไม่มีพาสขึ้นรถบัสจะเสียค่าตั๋วเริ่มต้นที่ประมาณ 200 เยนต่อเที่ยว ถ้าซื้อพาสประหยัดค่ารถบัสไปได้มาก


พร้อมแล้วเริ่มออกเที่ยวเมืองนารากันได้เลย สถานที่แรกที่เราจะเยือนคือ วัดเจดีย์ 5 ชั้นหรือ วัดโคฟุคุจิ (Kohfukuji) ต้องนั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Kencho mae เลือกไปที่นี่ก่อนเพราะอยู่ใกล้กับที่เราซื้อพาสนั่นเอง พอมาถึงหน้าวัดน้องกวางก็รีบวิ่งมาต้อนรับทักทาย "เมืองนารา" นั้นคือเมืองแห่งกวางเพราะคำว่า นารา แปลว่า "กวาง" และกวางยังเป็นสัตว์ที่คอยรับใช้เทพเจ้าอีกด้วย เราจึงพบเห็นกวางได้ทั่วไปตามสถานที่ต่างๆในเมืองนารา วัดเจดีย์ 5 ชั้น เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองมาพันกว่าปีแล้ว วัดนี้ถูกซ่อมถูกสร้างปรับปรุงกันมาจนถึงปัจจุบัน วัดนี้มีเก็บค่าเข้าชมภายในโบสถ์และพิพิธภัณฑ์ของวัดตั๋วรวมอยูที่ 800 เยน ถ้าเดินชมรอบๆแบบเราไม่เสียค่าเข้าชม ช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นอากาศเริ่มร้อนแล้ว กลางวันแดดแรงมากอาจถ่ายรูปได้ไม่สวยนัก











ภายในวัดก็มีซุ้มขายเครื่องรางและป้ายไม้อธิษฐานเพื่อนำเขียนไปคำอธิษฐานแขวนเพื่อขอพรในเรื่องต่างๆที่เราต้องการ นำมาแแขวนตรงบริเวณบ่อมังกรที่ใช้สำหรับตักน้ำมาชำระล้างมือและบ้วนปาก ก่อนเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด




หลังจากเที่ยวชมเก็บภาพ วัดเจดีย์ 5 ชั้น จนพอใจแล้วเราจะไปกันต่อที่ ศาลเจ้าคาสุงะ ไทฉะ (KasugaTaisha Shrine) ที่นี่มีจุดเด่นตรงที่มีโคมไฟหินเรียงรายตามสองข้างทางมากมายกว่า 2000 โคมตลอดเส้นทางเดินที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร