.


ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารของรัฐอิสราเอล
ได้เปิดเผยในประเด็นตะวันออกกลางว่า :

มีการคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีซีเรีย
จะประกาศถึงชัยชนะในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้
อิหร่านได้กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่
ในสงครามในซีเรีย ส่วนซาอุดิอาระเบีย
คือ ผู้ปราชัยในสงครามครั้งนี้

Mordechai Kedar  นักบูรพาคดีชาวอิสราเอลและเป็นผู้เชี่ยวชาญในประเด็นตะวันออกกลาง
อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักในเรื่องความเป็นศัตรู
ต่อประชาชาติอาหรับกับอิสลาม
โดยได้เขียนบทความเกี่ยวกับการปฏิบัติการ
และการแทรกแซงของอิหร่าน ที่มีอิทธิพล
ในภูมิภาคตะวันออกกลาง/ภัยคุกคามที่มีต่อยิว
ซึ่งมีการเผยแพร่บทความนี้ในเว็บไซต์
MivzakLive
ว่า:

อิหร่านได้ฉวยโอกาสจากเจตนามุ่งร้าย
ของรัฐบาลบารัก โอบามา
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
และจากการปฏิบัติตามนโยบายที่สำคัญ
ของรัฐบาล โดนัล ทรัมป์
ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา

อิหร่านนั้นได้กลายเป็นผู้ชนะอย่างเห็นได้ชัดเจน
ในสงครามซีเรีย และไม่มีผู้ใดที่จะขับไล่
กองทัพอิหร่านให้ออกไปจากซีเรียได้
ทั้งอิสราเอล ยุโรป และอเมริกา
ก็จะต้องเข้าใจถึงข้อเท็จจริงนี้ที่ว่า
ในเวลานี้ อิหร่านได้เข้ามาควบคุมพื้นที่ที่สำคัญ
ของอิรัก ซีเรีย และเลบานอน ไว้หมดแล้ว

ขณะนี้ ในทางภาคพื้นดิน
กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ก็มีการติดต่อกับอิหร่านอย่างดี
และนี่คือสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับ
ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอฮ์ เลขาธิการฮิซบุลลอฮ์
ในเผชิญหน้ากับรัฐอิสราเอล

ขณะที่อิสราเอล ต้องการที่จะสร้างกำแพงกั้น
เขตดินแดนของตน ในการป้องกันห่ากระสุน
ของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ที่มีต่อพลเรือนของตน

(ยิวตอนนี้กลายเป็นตำบลกระสุนตก
เพราะฝ่ายศัตรูใช้ขีปนาวุธจำนวนมาก
มากด้วยปริมาณ ด้อยด้วยคุณภาพ
อาศัยการยิงถล่มยิวอย่างต่อเนื่อง
สร้างความหวาดกลัว/ไฟไหม้ในที่ต่าง ๆ
การสะกัดกั้นด้วยขีปนาวุธต่อต้านแทบไม่คุ้ม
แบบเอารถเฟอร์รารี่ไปแลกรถเข็นผักในตลาด)

จากการประเมินผลในปัจจุบันนี้
เมื่อเทียบกับสองปีที่ผ่านมานั้น
มีความแตกต่างกันมาก
เพราะว่าอิหร่านนั้นได้กลายเป็นมิตรแท้ของซีเรีย
ขณะที่กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่
กลุ่มเคลี่อนไหวในเลบานอนเท่านั้น
แต่ทว่ากลายเป็นขุมกำลังที่สำคัญและแข็งแกร่ง
ที่ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับอิหร่าน
จัดว่าเป็นภัยคุกคามที่อยู่ในระยะเผาขน
ใกล้ชิดติดกับอิสราเอลอย่างมาก

คาดการณ์ว่า
บัชชาร อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย
จะมีการประกาศถึงชัยชนะของซีเรียในเร็ว ๆ นี้
รวมถึงการได้รับชัยชนะของกลุ่มกองกำลังต่าง ๆ
ที่มีความเชื่อมโยงกับอิหร่าน
ทั้งใน เลบานอน เยเมน และอิรัก
ซึ่งจะทำให้ซาอุดิอาระเบีย กลายเป็นผู้ปราชัย
ในอีกไม่เกิน 5 ปี ซาอุดิอาระเบีย (เซาว์ดี้)
จะต้องล่มสลายในสมรภูมินี้อย่างแน่นอน

หลังจากการยึดคืนเมืองอาเลปโป
โดยกองทัพซีเรียเหลือเพียงเมืองเดียวนั่นก็คือ
อัรริกเกาะฮ์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของกลุ่มไอเอส
และเป็นไปได้ว่าการล่มสลายของเมืองโมซูล
จะนำไปสู่การล่มสลายของเมืองอัรริกเกาะฮ์

ปัจจัยที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ
ชัยชนะของกองทัพซีเรีย ทำให้ขวัญและกำลังใจ
ของกองทัพซีเรียกลับคืนมาอีกครั้ง
และคาดกันว่า อัล-อัสซาด จะประกาศชัยชนะ
ต่อกลุ่มไอเอส ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

ชัยชนะของประเทศอิหร่าน
เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน
ด้านหนึ่งเป็นผลประโยชน์ต่ออิหร่าน
และอีกด้านหนึ่งในเบื้องต้นจะเป็นผลกระทบต่อซาอุดิอาระเบีย (ผู้พยายามเป็นแกนนำนิกายสุนนี
ตั้งตนเป็นหัวหอกคัดค้าน/ทำลายนิกายชีอะห์)

ปัจจัยเหล่านี้ก็มีบทบาทในการสร้างสรรค์
การร่วมมือกันทั้งสามประเทศคือ
รัสเซีย อิหร่าน และซีเรีย
ซึ่งในทางตรงกันข้าม
กรุงวอชิงตันกลับมีบทบาทเพียงแค่
การเฝ้าแลดูการรบเพียงอย่างเดียว
ในการปฏิบัติการณ์ของกองกำลังติดอาวุธ
ที่เป็นพันธมิตรของซาอุดิอาระเบีย
ในการโจมตีต่อรัฐบาลอัสซาด
แม้ว่าจะมีการใช้อาวุธเคมีก็ตาม

อีกปัจจัยประการหนึ่งที่ช่วยเหลืออิหร่าน
นั้นก็คือ สนธิสัญญาทางนิวเคลียร์

ปัจจัยอันที่สามก็คือ
พฤติกรรมของผู้นำทั้งหลายในชาติยุโรป
ซึ่งสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับผู้นำเหล่านี้
คือ  ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา
จำนวนเงินอันมหาศาลที่หลังจาก
ยกเลิกการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
พวกยุโรปก็สามารถจะนำเอาเงินจำนวนนั้น
มาลงทุนในอิหร่านได้อย่างง่ายดาย

ปัจจัยอันที่สี่ก็คือ
ความยากลำบากทางเศรษฐกิจของเซาว์ดี้ซาอุดิ
ราคาน้ำมันนั้นตกต่ำเกินไป และจะยังคงราคานี้
ต่อไปเรื่อย ๆ ในระยะยาว และความฟุ่มเฟือย
ในเรื่องค่าใช้จ่ายของเซาว์ดี้ ก็จะเพิ่มมากขึ้น
จะทำให้ซาอุดิอาระเบียจะต้องล้มละลาย
ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีอย่างแน่นอน

สถานการณ์ปัจจุบันแสดงให้เห็นว่า
อิหร่านนั้นเป็นผู้ที่กำชัยชนะในสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปีที่ผ่านมา นั่นคือ สงครามในซีเรีย
และซาอุดีอารเบียจะกลายเป็นผู้แพ้ในสงคราม
ครั้งนี้อย่างแน่นอน


เรียบเรียง/ที่มา


http://bit.ly/2sTLk7Z

.

บทความเรื่องอื่นของ Mordechai Kedar
.

---

.