ปะทะเดือด!!! ต้าน G-20!!! ตั้งแต่กลางวันยันกลางคืน!!! ตำรวจบาดเจ็บ 74 ราย!!! ในเยอรมนี
7 กรกฎาคม 2560 - โดย MGR Online
เอเจนซีส์ – เกิดการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มีตำรวจเยอรมันถึง 74 นายได้รับบาดเจ็บหลังจากใช้สเปรย์พริกไทย
กระสุนน้ำต้านผู้ประท้วงร่วม 12,000 คนที่รวมตัวรับผู้นำสหรัฐฯ จีน และตุรกี
ซึ่งเดินทางมาถึงเยอรมันเมื่อวานนี้(6 ก.ค) ภายใต้ชื่อการประท้วงต้าน G-20 สุดเก๋
“ขอต้อนรับสู่นรก” ประท้วงลากยาวตั้งแต่กลางวันยันกลางคืน เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณ
มีภาพขยะข้างทางถูกจุดไฟลุกแดงฉานเป็นหย่อมๆ
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานเมื่อวานนี้ (6 ก.ค)ว่า การประท้วง “ขอต้อนรับสู่นรก” ที่มีผู้ประท้วงจำนวน 12,000 คนในเมืองฮํมบูร์ก
ศูนย์กลางการจัดประชุม G-20 เกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัย ซึ่งสื่อรัสเซีย RT ชี้ว่า
ในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าฝ่ายใดเป็นผู้เริ่มก่อน แต่เป็นการประท้วงต้าน G-20 ที่มีความรุนแรงอย่างไม่เคยเห็นในอดีต
ทั้งนี้ตำรวจเยอรมันรายงานว่า มีตำรวจปราบจลาจลถึง 74 นายได้รับบาดเจ็บในระหว่างการปฎิบัติหน้าที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำ
แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เป็นอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ส่วนผู้จัดการประท้วง “ขอต้อนรับสู่นรก”
ระบุกับผู้สื่อข่าวว่า ทางกลุ่มผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนชี้ว่า ทางผู้จัดไม่ได้เปิดเผยตัวเลข
ซึ่งในการประท้วงที่มีขึ้นในวันพฤหัสบดี(6 ก.ค)นี้ ในเบื้องต้นทางผู้จัดมีแผนการให้ทางกลุ่มผู้ประท้วงเดินขบวน
ไปยังอ่าวที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ของเมืองเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดการประชุมซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้(7 ก.ค)
และวันพรุ่งนี้(8 ก.ค) แต่อย่างไรก็ตามกลับพบว่า ผู้จัดงานต้องหยุดในระยะ 300 ม.
ะหว่างทางเมื่อพบกับการปิดกั้นของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การปะทะเกิดขึ้นใกล้กับตลาดปลาฮัมบูร์ก ตลาดปลาเซนต์ เพาลี (St. Pauli Fish Market )
ซึ่ง RT ชี้ว่าเป็นการประท้วงที่เริ่มตั้งแต่ในช่วงกลางวันและยาวนานไปจนถึงกลางคืน
โดยทางเจ้าหน้าที่ตอบโต้ความรุนแรงของผู้ประท้วงด้วยสเปรย์พริกไทยและกระสุนน้ำ
ทีโม ซิล(Timo Zill)โฆษกตำรวจฮัมบูร์กให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอรมันZDF ว่า “เกิดการปะทะขึ้นโดยกลุ่มเล็กๆ
แต่ทว่าในขณะนี้ทางเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ซึ่งตัวผมเองไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน”
สื่อรัสเซียยืนยันว่า การประท้วงเริ่มขึ้นอย่างสงบ ผู้ประท้วงต่างตะโกนสโลแกน และถือป้ายประท้วง
มีรายงานเสียงระเบิดดังขึ้นไปทั่วบริเวณ ตามมาด้วยกระป๋องที่ถูกขว้างไปในทิศทางของที่ตั้งตำรวจรักษาความปลอดภัยที่กำลังประจัญหน้า
ในรายงานของ RT พบว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้รับการบาดเจ็บจากปะทะ มีจำนวนหนึ่งใบหน้าอาบไปด้วยเลือด
และถูกตำรวจเยอรมันลากตัวไป โดยเดอะการ์เดียนชี้ว่า การประจัญหน้ากินเวลานาน 40 นาทีบริเวณถนนฮาเฟนสตราเซอ( Hafenstrasse)
สื่ออังกฤษชี้ต่อว่า พบว่าตำรวจปราบจลาจลขอให้ทางผู้ประท้วงถอดหน้ากากออกหลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
จากขวดและหินที่โยนมาโดยผู้ประท้วงจำนวนหนึ่ง และถูกตำรวจปราบจลาจลเข้าขับไล่ ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมาก
ต้องกระจายตัวเป็นกลุ่มย่อย และหลบออกไปบริเวณถนนเส้นเล็กบริเวณด้านข้างแทน แต่การประท้วงยังคงดำเนินต่อไปได้
และในช่วงค่ำผู้ประท้วงกลับมารวมตัวได้อีกครั้ง โดยมีรายงานว่ามีจำนวน 8,000 คน และประท้วงด้วยความสงบ
ไปจนถึงเกือบเที่ยงคืน แต่ทว่าในภาพเหตุการณ์ที่รายงานโดยสื่อรัสเซียชี้ว่า
ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเยอรมัน โทมัส เด เมซิแยร์(Thomas de Maiziere)ได้ออกมาประกาศว่า
เชื่อว่ามีผู้ประท้วงหัวรุนแรงซ้ายจัดราว 8,000 คนที่พร้อมจะใช้ความรุนแรง
สื่ออังกฤษรายงานว่า ในท้ายขบวนของการประท้วงช่วงกลางคืน
เริ่มต้นความรุนแรงจากกลุ่มผู้ประท้วงที่ปิดหน้า ซึ่งได้โยนปะทัด
และลากถังขยะลงกลางถนนเพื่อสร้างเครื่องกีดขวาง โดยสื่อท้องถิ่นเยอรมันรายงานว่า
ในจุดเซนต์เพาลี และเขตอัลโทนา( Altona) มีรถจำนวนหนึ่งถูกเผา
ซึ่งเชื่อว่าในวันเสาร์(8 ก.ค) วันสุดท้ายของการประชุม G-20 คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการประท้วงถึง 100,000 คน
ทั้งนี้ทางเมืองฮัมบูร์กประกาศโซนปิดตายห้ามผู้ประท้วงเข้าในเขตชั้นในฮัมบูร์ก และถนนที่จะเข้าไปสู่สนามบิน
ธุรกิจร้านค้าในเมืองฮัมบูร์กเตรียมพร้อมรับการประท้วงด้วยการใช้แผ่นไม้ปิดกระจกบริเวณด้านหน้า
และมีบางส่วนได้ปิดป้ายต่อต้านประชุม G-20 เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกล่มผู้ประท้วงต้านระบบทุนนิยม
มีรายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำจีน ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง และผู้นำตุรกี ประธานาธิบดีเรเจป
ไตยิป แอร์โดอันเดินทางมาถึงเยอรมันเพื่อเข้าร่วมการประชุม G-20 ซึ่งในวันนี้(7 ก.ค)
รัมป์จะหารือนอกรอบแบบสองต่อสองกับผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน
เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง และเป็นที่ถูกจับตาไปทั่วโลก
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000069217
นี่หรือเยอรมัน!!! ปะทะเดือด!!! ต้าน G-20!!! ตั้งแต่กลางวันยันกลางคืน!!! ตำรวจบาดเจ็บ 74 ราย!!!
7 กรกฎาคม 2560 - โดย MGR Online
เอเจนซีส์ – เกิดการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มีตำรวจเยอรมันถึง 74 นายได้รับบาดเจ็บหลังจากใช้สเปรย์พริกไทย
กระสุนน้ำต้านผู้ประท้วงร่วม 12,000 คนที่รวมตัวรับผู้นำสหรัฐฯ จีน และตุรกี
ซึ่งเดินทางมาถึงเยอรมันเมื่อวานนี้(6 ก.ค) ภายใต้ชื่อการประท้วงต้าน G-20 สุดเก๋
“ขอต้อนรับสู่นรก” ประท้วงลากยาวตั้งแต่กลางวันยันกลางคืน เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณ
มีภาพขยะข้างทางถูกจุดไฟลุกแดงฉานเป็นหย่อมๆ
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานเมื่อวานนี้ (6 ก.ค)ว่า การประท้วง “ขอต้อนรับสู่นรก” ที่มีผู้ประท้วงจำนวน 12,000 คนในเมืองฮํมบูร์ก
ศูนย์กลางการจัดประชุม G-20 เกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัย ซึ่งสื่อรัสเซีย RT ชี้ว่า
ในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าฝ่ายใดเป็นผู้เริ่มก่อน แต่เป็นการประท้วงต้าน G-20 ที่มีความรุนแรงอย่างไม่เคยเห็นในอดีต
ทั้งนี้ตำรวจเยอรมันรายงานว่า มีตำรวจปราบจลาจลถึง 74 นายได้รับบาดเจ็บในระหว่างการปฎิบัติหน้าที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำ
แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เป็นอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ส่วนผู้จัดการประท้วง “ขอต้อนรับสู่นรก”
ระบุกับผู้สื่อข่าวว่า ทางกลุ่มผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนชี้ว่า ทางผู้จัดไม่ได้เปิดเผยตัวเลข
ซึ่งในการประท้วงที่มีขึ้นในวันพฤหัสบดี(6 ก.ค)นี้ ในเบื้องต้นทางผู้จัดมีแผนการให้ทางกลุ่มผู้ประท้วงเดินขบวน
ไปยังอ่าวที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ของเมืองเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดการประชุมซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้(7 ก.ค)
และวันพรุ่งนี้(8 ก.ค) แต่อย่างไรก็ตามกลับพบว่า ผู้จัดงานต้องหยุดในระยะ 300 ม.
ะหว่างทางเมื่อพบกับการปิดกั้นของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
การปะทะเกิดขึ้นใกล้กับตลาดปลาฮัมบูร์ก ตลาดปลาเซนต์ เพาลี (St. Pauli Fish Market )
ซึ่ง RT ชี้ว่าเป็นการประท้วงที่เริ่มตั้งแต่ในช่วงกลางวันและยาวนานไปจนถึงกลางคืน
โดยทางเจ้าหน้าที่ตอบโต้ความรุนแรงของผู้ประท้วงด้วยสเปรย์พริกไทยและกระสุนน้ำ
ทีโม ซิล(Timo Zill)โฆษกตำรวจฮัมบูร์กให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอรมันZDF ว่า “เกิดการปะทะขึ้นโดยกลุ่มเล็กๆ
แต่ทว่าในขณะนี้ทางเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ซึ่งตัวผมเองไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน”
สื่อรัสเซียยืนยันว่า การประท้วงเริ่มขึ้นอย่างสงบ ผู้ประท้วงต่างตะโกนสโลแกน และถือป้ายประท้วง
มีรายงานเสียงระเบิดดังขึ้นไปทั่วบริเวณ ตามมาด้วยกระป๋องที่ถูกขว้างไปในทิศทางของที่ตั้งตำรวจรักษาความปลอดภัยที่กำลังประจัญหน้า
ในรายงานของ RT พบว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้รับการบาดเจ็บจากปะทะ มีจำนวนหนึ่งใบหน้าอาบไปด้วยเลือด
และถูกตำรวจเยอรมันลากตัวไป โดยเดอะการ์เดียนชี้ว่า การประจัญหน้ากินเวลานาน 40 นาทีบริเวณถนนฮาเฟนสตราเซอ( Hafenstrasse)
สื่ออังกฤษชี้ต่อว่า พบว่าตำรวจปราบจลาจลขอให้ทางผู้ประท้วงถอดหน้ากากออกหลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
จากขวดและหินที่โยนมาโดยผู้ประท้วงจำนวนหนึ่ง และถูกตำรวจปราบจลาจลเข้าขับไล่ ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมาก
ต้องกระจายตัวเป็นกลุ่มย่อย และหลบออกไปบริเวณถนนเส้นเล็กบริเวณด้านข้างแทน แต่การประท้วงยังคงดำเนินต่อไปได้
และในช่วงค่ำผู้ประท้วงกลับมารวมตัวได้อีกครั้ง โดยมีรายงานว่ามีจำนวน 8,000 คน และประท้วงด้วยความสงบ
ไปจนถึงเกือบเที่ยงคืน แต่ทว่าในภาพเหตุการณ์ที่รายงานโดยสื่อรัสเซียชี้ว่า
ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเยอรมัน โทมัส เด เมซิแยร์(Thomas de Maiziere)ได้ออกมาประกาศว่า
เชื่อว่ามีผู้ประท้วงหัวรุนแรงซ้ายจัดราว 8,000 คนที่พร้อมจะใช้ความรุนแรง
สื่ออังกฤษรายงานว่า ในท้ายขบวนของการประท้วงช่วงกลางคืน
เริ่มต้นความรุนแรงจากกลุ่มผู้ประท้วงที่ปิดหน้า ซึ่งได้โยนปะทัด
และลากถังขยะลงกลางถนนเพื่อสร้างเครื่องกีดขวาง โดยสื่อท้องถิ่นเยอรมันรายงานว่า
ในจุดเซนต์เพาลี และเขตอัลโทนา( Altona) มีรถจำนวนหนึ่งถูกเผา
ซึ่งเชื่อว่าในวันเสาร์(8 ก.ค) วันสุดท้ายของการประชุม G-20 คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการประท้วงถึง 100,000 คน
ทั้งนี้ทางเมืองฮัมบูร์กประกาศโซนปิดตายห้ามผู้ประท้วงเข้าในเขตชั้นในฮัมบูร์ก และถนนที่จะเข้าไปสู่สนามบิน
ธุรกิจร้านค้าในเมืองฮัมบูร์กเตรียมพร้อมรับการประท้วงด้วยการใช้แผ่นไม้ปิดกระจกบริเวณด้านหน้า
และมีบางส่วนได้ปิดป้ายต่อต้านประชุม G-20 เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกล่มผู้ประท้วงต้านระบบทุนนิยม
มีรายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำจีน ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง และผู้นำตุรกี ประธานาธิบดีเรเจป
ไตยิป แอร์โดอันเดินทางมาถึงเยอรมันเพื่อเข้าร่วมการประชุม G-20 ซึ่งในวันนี้(7 ก.ค)
รัมป์จะหารือนอกรอบแบบสองต่อสองกับผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน
เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง และเป็นที่ถูกจับตาไปทั่วโลก
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000069217