[CR] หน้าฝนของฉันที่ "ภูทับเบิก"

ต้น: “พี่ เสาร์ อาทิตย์นี้ไปไหนรึเปล่า”
รุ่นน้องเราทักมาใน LINE Group ถามอย่างนี้ มันต้องชวนไปเที่ยวแน่ๆ
แล้วก็จริงตามคาด
ต้น: “ไปภูทับเบิกกันมั้ยพี่ ออกคืนวันศุกร์”
ลูกไผ่: “วันศุกร์พี่มีประชุมดึกเลยอ่ะ ถ้าไปต้องไปเช้าวันเสาร์ แต่ไม่ต้องรอพี่นะ ถ้ากะไปคืนวันศุกร์ก็ไปก่อนได้เลย”
ต้น: “เอางี้ละกัน เดี๋ยวผมไปนอนรอบ้านพี่ มี PS4 ใช่มั้ย เดี๋ยวผมไปนั่งเล่นเกมส์กับพี่ปุ่นรอ พี่กลับมาเมื่อไหร่ก็ค่อยออกกัน”
เฮ้ย...น้องมันอย่างใจอ่ะ “อ่าๆ โอเค ได้ๆ”
สรุปว่าประชุมคืนวันศุกร์เรา cancel เย้!!!! เราเลยได้ออกจากกรุงเทพตามกำหนดการเดิมคือ 5 ทุ่ม วันศุกร์
ปะ ไปดูทะเลหมอกที่ภูทับเบิกกัน!!!!!


ตอนแรกเราก็คึก นั่งเม้าท์กันสุดทาง พอเริ่มดึกแล้วพลังเริ่มหมด เริ่มฟุบหลับไป แต่ยังพอได้ยินเสียงเข้าหูบ้าง
พี่โอม: “ต้น พี่ปวดท้อง ไม่ไหวแล้ว พาไปโรงพยาบาลหน่อย”
นั่นแหละ เราตื่นมาอีกที ฟ้าสว่างละ รถจอดอยู่ที่ รพ.หนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์
ต้น: “หมดละ ทะเลหมอกผม”
5555 ผิดแผนตั้งแต่วันแรก เรื่องของเรื่องต้นมันกะออกจากกรุงเทพคืนวันศุกร์เพื่อจะมาดูทะเลหมอกให้ทันเช้าวันเสาร์
ผิดแผนนนนนน......

สรุปคือพี่โอมเป็นโรคกระเพาะ โดนฉีดยาไป 2 เข็ม ได้ยามาละ ปะ เดินทางกันต่อ เราขับรถขึ้นไปตามเขาค้อ และไปจอดแวะทานข้าวเช้าที่ไปรษณีย์เขาค้อ

Day 1:
หมอกหนามาก มองไปทางไหนก็ขาวโพลน แน่นอนหมอกหนาๆ มาพร้อมกับอากาศดีๆ สูดกันให้เต็มปอดเลย




ที่ร้านนี้มีโจ๊ก ปาท่องโก๋ พร้อมกับนมข้นหวานและสังขยา และหมูปิ้ง




อ๋อย...เป็นการทานข้าวแบบที่ไม่ได้นั่งทานแบบนี้มานานมากแล้ว

ทานเสร็จเราก็เดินขึ้นไปที่ลานบนไปรษณีย์กัน
ต้น: “ตอนแรกผมกะมานอนกางเต๊นท์ที่นี่คืนนึง แต่ผมว่าดูไม่ค่อยมีอะไร เดี๋ยวไปนอนที่ภูทับเบิกเลยดีกว่า”
ใช่แล้ว ตรงที่ไปรษณีย์นี้เค้ามีลานให้คนมานอนกางเต๊นท์ได้


ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็เห็นวิวจากมุมสูง มีหมอกบางๆ แต่คิดว่าไม่น่าจะเห็นทะเลหมอกจากตรงนี้ได้



อิ่มท้องกันแล้ว เป้าหมายต่อไปของเราคือ ระเบียงกังหัน
ทางไประเบียงกังหันจะเป็นทางแคบที่ทางเข้าไม่มีป้ายบอกอะไรไว้เลย ก็ต้องงมทางกันไป และแล้วเราก็เห็นกังหันมาแต่ไกล ขับไปเรื่อยๆก็ถึงแล้ววว ระเบียงกังหัน ที่มีกังหันอันเบ้อเริ่มตั้งอยู่หลายอันเลย ที่นี่เป็นแหล่งผลิตพลังงานสะอาดที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวกันเยอะเลย ตอนเราไปถึงคนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

ข้างทางก็มีร้านขายของอยู่ประปราย เป็นพวกชุดและเครื่องประดับชาวเขา น้ำดื่ม อ้อ แล้วก็ที่นี่มีอะโวคาโดขายอยู่เยอะเลย ราคาลูกละ 70 บาท




อีกด้านนึงของกังหัน เราสามารถเดินขึ้นไปได้ ด้านบนจะเป็นอีกจุดชมวิวอีกจุดนึง



ตรงนี้ไม่มีใครเดินขึ้นมาเลยนอกจากพวกเรา

ตอนนี้แดดเริ่มร้อนแล้ว พอเราเดินกลับมาที่รถ โอ้ มีรถมาจอดเต็มเลย เป็นโชคดีของเราที่แอบมาถึงเร็วนิดนึง คนเลยยังไม่แน่น
ต้น: “ปะ ไปหาร้านกาแฟกัน ผมขอไปหลับซักงีบก่อน พี่ search หาร้านกาแฟดิ”


จากที่นั่งหากันไปกันมา เราก็มาจบลงที่ร้าน Story Cup
เอาจริงๆ ร้านกาแฟที่นี่ตั้งติดๆกันหลายร้านเลย คือถ้ามาถึงแหล่งตรงนี้ ก็เลือกร้านได้ตามใจชอบเลย เพราะอยู่ละแวกนี้ทั้งนั้น


ตอนเราเข้าไปยังไม่มีคนเลย แอร์ในร้านก็ยังไม่เปิด เอ๊ะ รึเค้าจะเพิ่งเปิดร้าน พวกเราสั่งขนมกับน้ำ นั่งทานกันซักพัก หลับหมู่ค่า!

ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเที่ยงคนเต็มร้านเลย 5555


เที่ยงแล้วได้เวลาทานข้าว เราแวะทานข้าวกลางวันที่ ร้านครัวเขาค้อ เมนูอาหารที่นี่มีเยอะมาก และที่สำคัญมีอาหารป่าด้วยเรานี่ตัวชอบทานอาหารป่าเลย 555
สั่งอาหารมาประมาณ 5 อย่าง เยอะมาก อร่อย และราคาไม่แพงเลย





โอเค ตอนนี้ได้เวลาขึ้นภูทับเบิกกันแล้ว
ต้น: “เพื่อนผมบอกว่าทางขึ้นภูทับเบิกอันตราย ทางน่ากลัวนะ”
นี่เราขับมาถึงช่วงยอดๆแล้วก็รู้สึกว่า อ้าว ถนนก็ดีนี่นา อาจจะเป็นโค้งคดเคี้ยว แต่ว่าถนนหนทางก็ดี ไม่ได้ทรุดขรุขระเป็นดินแดง แต่พอขึ้นไปเรื่อย เราก็ถึงบางอ้อว่า “อ๋อออ ข้างบนหมอกหนามาก รอบตัวขาวโพลนไปหมด แทบจะไม่เห็นทางเลย ต้องค่อยๆขับกันไป”

ลูกไผ่: “เอ้ย ที่นี่มีอุทยานหินร่องกล้าด้วยนะ ห่างจากภูทับเบิกแค่ 2 นาทีเอง”
เรา search ดูรูปแล้วน่าไปมาก จะเป็นลานหินปุ่มๆ กว้างๆ อยู่ตรงหน้าผา
ลูกไผ่: “เอ๊ะ ที่นี่เราไปถ่ายแสงเย็นก็ได้ป่ะคะพี่ปุ่น”
พี่ปุ่น: “ได้สิ”
ต้น: “โอเคพี่ เดี๋ยวไปกางเต๊นท์แล้วซัก 4 โมงไปที่นี่กัน

ใช่ อุทยานหินร่องกล้าเป็นทางผ่านที่เราขึ้นไปภูทับเบิก อยู่ใกล้กันนิดเดียวเอง
เราขึ้นไปถึงจุดกางเต๊นท์ วันนี้คนไม่เยอะมากนัก มีที่ให้เลือกกางเต๊นท์เยอะแยะเลย กางเต๊นท์กันเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวไปหาร้านกาแฟที่เราผ่านมาตรงทางขึ้นนั่งฆ่าเวลารอไปภูหินร่องกล้ากัน แต่ระหว่างทางที่ขับรถไป
พี่โอม: “เฮ้ย บ้านนี้สวยอ่ะ ดูดิ ออกระเบียงมาก็เจอวิวเลยอ่ะ ต้นพี่อยากนอนนี่อ่ะ”
ต้น: “อ้าว”
พี่โอม: “ไปถามดูก่อนว่าเท่าไหร่”
ต้น: “งั้นเดี๋ยวขับไปดูข้างหน้าก่อนว่ามีอะไร”
พี่โอม: “แต่เดี๋ยวต้องพาพี่กลับมาถามห้องพักตรงนี้นะ”
ต้น: “เอ้อ โอเคๆ”

ขับรถไปแล้ววกกลับ เราก็มาจอดถามห้องพักที่เราขับผ่านเมื่อกี้
พี่โอม: “ห้องราคาเท่าไหร่อ่ะคะ”
พนักงาน: “800 ค่ะ”
พี่โอม: “มีห้องว่างมั้ยคะ”
พนักงาน: “มีว่างอยู่ 3 ห้องค่ะ”

นั่นไง สรุปเราก็เปลี่ยนย้ายมานอนที่นี่แทน 555


ห้องพักที่นี่เข้าไปจะเป็นห้องนอนเล็กๆที่อีกฝากเป็นระเบียง เปิดออกออกไปเป็นวิวกว้างๆ อากาศดีมาก



เอาของเก็บไว้กันเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกไปเก็บเต๊นท์กัน ที่เพิ่งกางได้เพียงชั่วเคี้ยวหมากแหลกเท่านั้น 5555
เก็บเสร็จเราก็มานั่งร้านกาแฟที่อยู่ติดที่พักเลย นั่งๆไปซักพัก
เอ๊ะ เมฆเริ่มมา


เอ๊ะ มันหนาขึ้นเรื่อยๆนะ


ฝนตกค่า! สวัสดี แล้วตกแบบเรื่อยๆ ชิลๆ ตกถึงเช้าพี่ก็ไม่เหนื่อย หมอกก็เริ่มมา จนตอนนี้เราอยู่ในหมอก ขาวโพลนไปหมด ลาก่อย ภูหินร่องกล้า กลับไปเตรียมตัวกินหมูกระทะที่ห้องตามระเบียบ T^T
ก่อนมานั่งร้านกาแฟ เราไปสั่งหมูกระทะไว้ ข้างบนนี้มีหมูกระทะหลายร้านร้านนี้เค้าเอามาส่งให้ถึงที่พักเลย เราเลือกสั่งชุดกลาง 550 บาท เราก็จะได้
ผัก 1 ถุงใหญ่
หมู 1.5 กิโล
ไข่ไก่, วุ้นเส้น, มาม่า 1ห่อ
น้ำจิ้มสุกี้
เตาอั่งโล่พร้อมถ่าน
อุปกรณ์การกิน ชามโฟม, ตะเกียบ, ช้อน
เราเอามาตั้งทานตรงระเบียง อาการกลางคืนเย็นๆ นั่งหน้าเตาทานหมูกระทะ เฮ้ย อร่อยแฮะ จนเราต้องโทรไปสั่งหมูมาเพิ่มอีกโลนึง 555
พอกลับห้องกำลังจะอาบน้ำ
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นคะ เครื่องทำน้ำอุ่นใช้ไม่ได้อ่ะ”
พี่ปุ่น: “อ้าว จริงอ่ะ”
ลูกไผ่: “มันเป็นแบบใช้แก๊สอ่ะค่ะ หรือว่าเค้าไม่ได้เปิดถังแก๊สคะ”
พี่ปุ่น: “เดี๋ยวเราออกไปดูให้”
สรุปคือถังแก๊สเปิดแล้ว ทุกอย่างเปิดแล้ว แต่น้ำอุ่นไม่ทำงานนนน คืนนั้นเลยอาบน้ำอย่างทรมาน หนาวมากกกก

Day 2:
ต้นมาเคาะประตูห้องแต่เช้าเลย จะไปดูทะเลหมอก เราก็สะลึมสะลือตื่นมามองกระจกผ่านไปที่ระเบียงตรงปลายเท้า เอร้ยยย ทะเลหมอกจริงๆด้วย!
(แต่พอตอนกลับมาแล้วมาดูใน กรุ๊ปแบกเป้เที่ยว คนโพสรูปที่ภูทับเบิกเยอะมาก บางคนมาวันเดียวกับเราเลย แต่ทะเลหมอกเค้าแบบเต็มๆ ชัดๆ ระดับ HD กันเลย เฮ้ยยย ไปดูที่ไหนกันอ่าาาา ทำไมของเรามันเห็นแค่นี้!!! T^T)


ต้น: “พี่ไผ่จะไปด้วยป่ะเนี่ย เดี๋ยวผมจะขับรถไปดูแถวนี้”
พี่ไผ่: “ไปกับพี่ปุ่นเลย พี่ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟันเลย เดี๋ยวรอนาน”
ต้น: “โอ้ย พี่ ผมก็ยังไม่ได้แปรง ไปแปรงดิ แปปเดียว เร็วๆ”

สรุปเราก็ลุกมาล้างหน้า แปรงฟัน แล้วออกไปทั้งสภาพชุดนอน หัวกระเซอะกระเซิง อืม...Real ดีจริงๆ
ขับๆไปผ่านเห็นไร่กระหล่ำอยู่ด้านล่าง มีคนกำลังเก็บอยู่เลย เราก็ลุยลงไปจอดถึงที่สิค้า รออะไร ยิ่งพี่ปุ่นนี่ตัวชอบไปถ่ายรูปชาวบ้านเลย


และเราก็ค้นพบว่ามันคุ้มที่ลงมา เฮ้ย มาเที่ยวมันต้องอย่างนี้ ลงไปดูชาวบ้านว่าเค้าทำอะไรกันใกล้ๆเนี่ยแหละ ถึงจะรู้สึกว่าได้มาสัมผัสจริงๆ




ชาวบ้านเค้าเก็บกะหล่ำ แล้วขนไปขายพ่อค้าคนกลาง จากที่พี่ปุ่นไปคุยกับชาวบ้านเค้าแล้ว เค้าขายให้เราด้วยนะ

ถุงละ 90 บาท มีกะหล่ำ 8 หัวใหญ่ เก็บสดๆจากไร่ มันถูกมากกกอ่ะ
พี่โอม: “ถูกมากอ่ะ หัวใหญ่ขนาดนี้ขายใน supermarket ก็หัวละ 60-70 ละนะ”



เราอยู่ที่นี่กันพักใหญ่ แล้วก็พากันกลับมาอาบน้ำแต่งตัว เก็บของ เตรียมออกเดินทาง
เราแวะทานข้าวเช้าที่ร้านอาหารไม่ห่างจากที่พักนัก
พี่ปุ่น​: “เฮ้ย ขาหมูยูนาน เอามาลอง”
พอเค้าเอามาเซิร์ฟ เฮ้ย ขาใหญ่มากกก ว่าแต่มันยูนานตรงไหนเนี่ย ก็ขาหมูธรรมดานี่ 555


ทานเสร็จเราก็เดินมาแวะแผงผักที่อยู่ข้าง ผักที่นี่สดน่าทานทั้งนั้นเลย


เบบี้แครอทนี่สีสด สะอาด น่าซื้อมาก


เหลือบไปเห็นถุงกะหล่ำที่วางอยู่
ลูกไผ่: “พี่โอมๆ ถามดิๆเค้าขายเท่าไหร่”
พี่โอม: “กะหล่ำถุงเท่าไหร่อ่ะคะ”
คนขาย: “ถุงละ 150 จ้า”

นั่นแงะ นี่ยังไม่ทันลงจากภูทับเบิกเลยนะ อยู่ห่างจากไร่จิ๊ดเดียว บวกเพิ่มไปละ 60 บาท กว่าจะไปถึงกรุงเทพคงบวกไปอีกหลายตังค์ ก็นะ ให้ค่าขนส่งเค้าไป
ชื่อสินค้า:   ภูทับเบิก
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่