ผมไปอ่านเจอในเพจนักกฏหมายท่านหนึ่ง เขียนได้ละเอียดดี มีสาระ ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงเอามาฝากเพื่อเตือนกันครับ
"ขับรถยนต์เหยียบน้ำกระเด็นใส่ผู้อื่น ผิดกฏหมายนะค่ะ
เพื่อนมาถามข้อกฎหมาย เมื่อวานเพื่อนให้เล่าให้ฟังว่า ถูกรถยนต์เหยียบน้ำกระเด็นใส่ทั้งตัว ทำให้ชุดเปื้อน รองเท้าเปื้อน
เพื่อนถามว่าจะฟ้องรถยนต์ที่เหยียบน้ำกระเด็นใส่ได้รึป่าว บอกได้เลยค่ะว่า สามารถฟ้องร้องได้ค่ะ ดังข้อกฎหมายดังนี้ค่ะ
พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522
มาตรา 43 (8) โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (8) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่2,000 บาทถึง10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าหากมีทรัพย์สินเสียหายจากการที่รถยนต์ที่เหยียบน้ำกระเด็นใส่ ผิดอาญา ด้วยนะค่ะ
ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าหากมีทรัพย์สินเสียหายจากการที่รถยนต์ที่เหยียบน้ำกระเด็นใส่ สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ดังนี้ค่ะ
ปพพ.มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้นให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้นได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิดหรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้นรวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
ปพพ.มาตรา 439 บุคคลผู้จำต้องคืนทรัพย์อันผู้อื่นต้องเสียไปเพราะละเมิดแห่งตนนั้นยังต้องรับผิดชอบตลอดถึงการที่ทรัพย์นั้นทำลายลงโดยอุบัติเหตุหรือการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างอื่นโดย อุบัติเหตุหรือทรัพย์นั้นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุนั้นด้วย เว้นแต่เมื่อการที่ทรัพย์สินทำลายหรือตกเป็นพ้นวิสัยจะคืนหรือเสื่อมเสียนั้นถึงแม้ว่าจะมิได้มีการทำละเมิดก็คงจะต้องตกไปเป็นอย่างนั้นอยู่เอง
เห็นรึป่าวค่ะ รถยนต์ที่เหยียบน้ำกระเด็นใส่ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆนะค่ะ แต่มันผิดกฎหมายหลายข้อยาวเป็นหางว่าวเลยค่ะ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น เพียงแค่ผู้ใช้รถยนต์ลดความเร็วลงเมื่อเจอแอ่งน้ำ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นค่ะ "
ข้อสังเกตุ มาตรา 358 ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เพราะ ประมาททำให้เสียทรัพย์ มันไม่ต้องรับผิดทางอาญา ไม่มีบทลงโทษใดๆทางอาญา แต่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
ผมคิดว่าคนที่เขียนน่าจะเหมารวมถึงคนที่ขวางโลก เจตนาขับรถเหยียบน้ำใส่คนด้วย เช่น รู้อยู่แล้วว่าข้างหน้ามีแอ่งน้ำ ซึ่งเมื่อขับไปต้องเหยียบน้ำ แล้วน้ำต้องกระเด็นแน่ๆ แต่ก็ยังไม่ชะลอรถ ปล่อยให้รถเหยียบน้ำกระเด็นใส่ผู้อื่นจนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย
เพิ่มเติม นสพ.มติชน : 15 กค. 48
" พ.ต.ท.ณัฎฐภาณพ วัชเสวี สารวัตรจราจร สน.โชคชัย ให้ความกระจ่างกับเรื่องนี้ว่า กรณีนี้เกิดขึ้นใน
ฤดูฝนบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่มักจะจับมือใครดมไม่ได้ เพราะผู้ที่ถูกกระทำมักจะตกใจหรือโกรธ จนลืมจำ
ทะเบียนรถคันที่ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายจราจรแล้วกรณีนี้ผู้ขับรถมีความผิดเต็มๆ โทษฐานขับ
รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ใครที่ถูกกระทำดังกล่าวอย่ามัวแต่โกรธ หรือตกใจจนขาดสติ ให้จำเลขทะเบียนรถคัน
ดังกล่าวเอาไว้ และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใกล้ที่สุดได้ทันที "
ในความคิดของผม บางคนอาจจะบอกว่า ขับรถมาเร็วๆจะเบรกได้ไง ขืนเบรกรถก็หมุนนะสิ
ผมมีความเห็นว่า ปกติแล้ว ฝนตกมีน้ำขังอยู่ในถนน ควรน่าที่จะขับขี่ช้าๆอยู่แล้วครับ เพื่อความปลอดภัยของคุณเองและผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่นๆด้วย เมื่อเจอบริเวณที่มีน้ำขังควรชะลอรถครับ ผมว่าถ้าขับมาแบบไม่เร็วมากซัก 60-70 แล้วชะลอรถมันไม่ทำให้รถหมุนอันตรายหรอกครับ เพราะ มันไม่ได้เป็นการเบรกรถกระทันหันครับ ผมเชื่อว่าคนที่ขับรถยังไงก็ต้องมองเห็นน้ำขังอยู่ข้างหน้าเป็นระยะทางหลายๆเมตรอยู่แล้ว เพียงพอที่จะทำการชะลอรถทันอยู่แล้วครับ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆน้ำมันจะโผล่ขึ้นมาเป็นแอ่งกระทันหันซักหน่อย อีกอย่างการที่น้ำกระเด็นไปโดนคนเดินเท้าที่อยู่บนฟุตบาท แบบนี้แสดงว่าคนใช้รถ ขับรถเร็วกันแน่ๆเลยใช่หรือป่าวครับ น้ำจึงได้กระเด็นเยอะถึงขนาดทำให้คนเปียกทั้งตัวได้ขนาดนั้น
ความคิดเห็นของผม คือ เรื่องนี้จะไม่ทางเกิดได้ถ้าหากผู้ใช้รถใช้ถนน มีจิตสำนึก มีน้ำใจให้แก่กันครับ
ฤดูฝน นี้อย่าเผลอขับรถไปเหยียบน้ำกระเด็นใส่ใครเข้าละ ผิดกฎหมาย ปรับ10,000 ติดคุก3เดือน
"ขับรถยนต์เหยียบน้ำกระเด็นใส่ผู้อื่น ผิดกฏหมายนะค่ะ
เพื่อนมาถามข้อกฎหมาย เมื่อวานเพื่อนให้เล่าให้ฟังว่า ถูกรถยนต์เหยียบน้ำกระเด็นใส่ทั้งตัว ทำให้ชุดเปื้อน รองเท้าเปื้อน
เพื่อนถามว่าจะฟ้องรถยนต์ที่เหยียบน้ำกระเด็นใส่ได้รึป่าว บอกได้เลยค่ะว่า สามารถฟ้องร้องได้ค่ะ ดังข้อกฎหมายดังนี้ค่ะ
พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522
มาตรา 43 (8) โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (8) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่2,000 บาทถึง10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าหากมีทรัพย์สินเสียหายจากการที่รถยนต์ที่เหยียบน้ำกระเด็นใส่ ผิดอาญา ด้วยนะค่ะ
ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าหากมีทรัพย์สินเสียหายจากการที่รถยนต์ที่เหยียบน้ำกระเด็นใส่ สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ดังนี้ค่ะ
ปพพ.มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้นให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้นได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิดหรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้นรวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
ปพพ.มาตรา 439 บุคคลผู้จำต้องคืนทรัพย์อันผู้อื่นต้องเสียไปเพราะละเมิดแห่งตนนั้นยังต้องรับผิดชอบตลอดถึงการที่ทรัพย์นั้นทำลายลงโดยอุบัติเหตุหรือการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างอื่นโดย อุบัติเหตุหรือทรัพย์นั้นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุนั้นด้วย เว้นแต่เมื่อการที่ทรัพย์สินทำลายหรือตกเป็นพ้นวิสัยจะคืนหรือเสื่อมเสียนั้นถึงแม้ว่าจะมิได้มีการทำละเมิดก็คงจะต้องตกไปเป็นอย่างนั้นอยู่เอง
เห็นรึป่าวค่ะ รถยนต์ที่เหยียบน้ำกระเด็นใส่ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆนะค่ะ แต่มันผิดกฎหมายหลายข้อยาวเป็นหางว่าวเลยค่ะ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น เพียงแค่ผู้ใช้รถยนต์ลดความเร็วลงเมื่อเจอแอ่งน้ำ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นค่ะ "
ข้อสังเกตุ มาตรา 358 ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เพราะ ประมาททำให้เสียทรัพย์ มันไม่ต้องรับผิดทางอาญา ไม่มีบทลงโทษใดๆทางอาญา แต่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
ผมคิดว่าคนที่เขียนน่าจะเหมารวมถึงคนที่ขวางโลก เจตนาขับรถเหยียบน้ำใส่คนด้วย เช่น รู้อยู่แล้วว่าข้างหน้ามีแอ่งน้ำ ซึ่งเมื่อขับไปต้องเหยียบน้ำ แล้วน้ำต้องกระเด็นแน่ๆ แต่ก็ยังไม่ชะลอรถ ปล่อยให้รถเหยียบน้ำกระเด็นใส่ผู้อื่นจนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย
เพิ่มเติม นสพ.มติชน : 15 กค. 48
" พ.ต.ท.ณัฎฐภาณพ วัชเสวี สารวัตรจราจร สน.โชคชัย ให้ความกระจ่างกับเรื่องนี้ว่า กรณีนี้เกิดขึ้นใน
ฤดูฝนบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่มักจะจับมือใครดมไม่ได้ เพราะผู้ที่ถูกกระทำมักจะตกใจหรือโกรธ จนลืมจำ
ทะเบียนรถคันที่ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายจราจรแล้วกรณีนี้ผู้ขับรถมีความผิดเต็มๆ โทษฐานขับ
รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ใครที่ถูกกระทำดังกล่าวอย่ามัวแต่โกรธ หรือตกใจจนขาดสติ ให้จำเลขทะเบียนรถคัน
ดังกล่าวเอาไว้ และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใกล้ที่สุดได้ทันที "
ในความคิดของผม บางคนอาจจะบอกว่า ขับรถมาเร็วๆจะเบรกได้ไง ขืนเบรกรถก็หมุนนะสิ
ผมมีความเห็นว่า ปกติแล้ว ฝนตกมีน้ำขังอยู่ในถนน ควรน่าที่จะขับขี่ช้าๆอยู่แล้วครับ เพื่อความปลอดภัยของคุณเองและผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่นๆด้วย เมื่อเจอบริเวณที่มีน้ำขังควรชะลอรถครับ ผมว่าถ้าขับมาแบบไม่เร็วมากซัก 60-70 แล้วชะลอรถมันไม่ทำให้รถหมุนอันตรายหรอกครับ เพราะ มันไม่ได้เป็นการเบรกรถกระทันหันครับ ผมเชื่อว่าคนที่ขับรถยังไงก็ต้องมองเห็นน้ำขังอยู่ข้างหน้าเป็นระยะทางหลายๆเมตรอยู่แล้ว เพียงพอที่จะทำการชะลอรถทันอยู่แล้วครับ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆน้ำมันจะโผล่ขึ้นมาเป็นแอ่งกระทันหันซักหน่อย อีกอย่างการที่น้ำกระเด็นไปโดนคนเดินเท้าที่อยู่บนฟุตบาท แบบนี้แสดงว่าคนใช้รถ ขับรถเร็วกันแน่ๆเลยใช่หรือป่าวครับ น้ำจึงได้กระเด็นเยอะถึงขนาดทำให้คนเปียกทั้งตัวได้ขนาดนั้น
ความคิดเห็นของผม คือ เรื่องนี้จะไม่ทางเกิดได้ถ้าหากผู้ใช้รถใช้ถนน มีจิตสำนึก มีน้ำใจให้แก่กันครับ