Lost in time, 7Days 6nights …9hours-FirstCabin in Tokyo



หลายครั้งที่ใจอยากเที่ยว แต่ก็พร่ำบอกตัวเองเสมอว่า....“เอาไว้ก่อน” จนวันหนึ่งที่ชีวิตมาถึงจุดที่เรียกว่า  วุ่นวายสับสนที่สุดเลยก็ว่าได้ วันนั้นเราอยากไปพักผ่อนที่ใหนสักพัก ไปให้ไกล ...“ไกลจากปัจจุบัน” หลายครั้งที่เข้ามาศึกษาการเดินทางท่องเที่ยวไปคนเดียวในพันทิพ ยอมรับว่าทำให้เกิดแรงบันดาลใจอย่างมาก และในที่สุดเรื่องราวการเดินทางก็เกิดขึ้น

9 Hours : Shinjuku-North

9 Hours น่าจะเป็นโรงแรมสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนกระทันหันหรือในช่วงเวลาสั้นๆ รวมถึงการพักค้างคืนในราคาที่ไม่สูงมากนัก เป็นสิ่งที่อยากมาลองมานาน ผมไม่กลัวที่แคบ ตอนเด็กๆ จำได้ว่าชอบนอนที่แคบๆ ...มันอุ่นดี ขออนุญาตินำมาเล่าสู่กันฟังโดยละเอียด เพราะผมลองค้นหาดูแล้วก็ไม่ค่อยครอบคลุมในหลายแง่มุม ...ขอเพิ่มเป็นอีกหนึ่งมุมมองนะครับ
9 Hours Shinjuku-North คือสาขาที่ผมไปพัก อยู่ในย่านการค้าที่ผมชอบเพราะถนนไม่ใหญ่ แต่คึกคักดี มีร้านค้าเต็มไปหมด ไม่มีสถานบันเทิงแบบยืนเรียกแขกสักเท่าใหร่



    •    ชั้น 8 ซึ่งเป็น Reception แขกที่มาใหม่สามารถขึ้นไปได้แค่ชั้นนี้ เมื่อเช็กอินและได้ Key Card ถึงจะขึ้นใช้ไปชั้นอื่นๆได้ ...ชั้นนี้ด้านในเป็น Lounge จะนั่งเล่นนอนเล่น อ่านหนังสือ กินข้าวได้ตามสะดวก
    •    ชั้น 7 เป็นห้องอาบน้ำ (Shower) ห้องแต่งตัว
    •    ชั้น 3-4 เป็นห้องพักชาย และชั้น 5-6 เป็นห้องพักหญิง แยกชั้นและแยกลิฟท์กันเลยทีเดียว...ในชั้นนี้ ก่อนเข้าไปในห้องนอนจะเห็นล็อกเกอร์ยาวเหยียด เดินเข้าไปข้างในจะพบห้องสุขาที่มีทั้งหมด 3 ห้อง  และบริเวณล้างหน้าแปรงฟันอยู่ตรงนี้ด้วยกันเลย
การใช้ลิฟท์จะประหลาดนิดหน่อย คือหากไปเที่ยวข้างนอกมา จะขึ้นได้ตัวกลางตัวเดียว และต้องมาเปลี่ยนไฟล์ เอ๊ย เปลี่ยนลิฟท์ที่ชั้น 8 ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี
    •    สะอาด ทันสมัย เป็นสัดส่วน มีห้องอาบน้ำแยก(Shower) และเครื่องใช้ต่างๆครบถ้วน
    •    7-Eleven อยู่ข้างๆโรงแรม รวมถึงร้านอาหารและร้านค้าที่น่าสนใจ
    •    ห่างจากสถานี JR : Shin-Okubu Station 160 เมตร (เดิน 2 นาที)



ข้อด้อย
    •    ห้องไม่เก็บเสียง ข้อนี้ฝากให้ท่านที่นอนหลับยากไว้พิจารณาอย่างหนัก เพราะช่วงหัวค่ำอาจจะเงียบจริง แต่ก็มีคนเดินไปมาแทบทั้งคืน โดยเฉพาะช่วงหลัง 6 โมงเช้าเป็นต้นไป บางส่วนจะเริ่มออกจากห้อง(โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่มีไม่น้อย เข้าใจว่าออกไปทำงานแต่เช้า) จะมีเสียงคนเดินไปมา เข้าห้องน้ำ จัดเก็บของ แค่รูดซิปก็ดังไปทั่วแล้ว แต่เสียงปิด-เปิดม่านของห้องที่ไม่ค่อยระมัดระวังจะส่งเสียงดังมาก แต่ที่ร้ายที่สุดคือแทบทุกห้องจะตั้งปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ (.แม่เจ้า)​ สลับกันดังตั้งแต่เช้ามืด อารมณ์เหมือนอยู่หอพักที่แชร์ห้องกับเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน ถ้าเพื่อนๆกัน ชิลๆ เราอาจจะปรามให้เบาๆได้ แต่ที่นั่นผมจะกระแอมก็ยังกลัวไปรบกวนห้องอื่นๆ คนที่ส่งเสียงได้ต้องเก๋าจริงๆ เพราะไม่เกรงใจใคร...ผมพักสองคืน มีทั้งสองคืน ต่างห้องกันด้วยครับ แปลว่าใครไปพัก...ก็ต้องเจอแน่ๆ ทำใจไว้ได้เลยครับ
    •    การบริการพนักงานไม่ค่อยประทับใจเท่าใหร่ เวลาพูดคุย ก็คุยอังกฤษฟังยากแล้ว แถมหลบสายตา พยายามคุยให้จบๆ ...พูดง่ายๆ คืองานบริการต่ำกว่ามาตรฐานญี่ปุ่นเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ที่ผมเคยไปพัก อาจจะราคาด้วยละ ประมาณว่า...อย่าหวังมากครับ
    •    ใช้ Key Card เปิดล็อกเกอร์ค่อนข้างยาก ผมพยายามส่ายหาแสงตามที่เราเคยทำกับ QR code อยู่หลายนาที สุดท้ายขอให้พนักงานมาช่วย เขาบอกว่าวางแถวโค้ดไว้ตรงกลางแสง แล้วกดนิ่งๆไว้นานนิดนึง สักพักมันถึงดังติ๊ดเปิดขึ้นมา ...เฮ้อ อย่าส่าย ...ท่องไว้ พราะการกดแล้วนิ่งๆ เนื่ย ผิดวิสัยเราเสียด้วย อิอิ (อันนี้ขอบ่นให้ฟังเฉยๆนะครับ ...ไม่ถึงกับแย่ เราไม่รู้วิธีด้วยละ)
    •    Check out 10 A.M. (ส่วนใหญ่ 11.00 A.M.)

__________________________________________________________________________________________



First Cabin : Akasaka

First Cabin Akasaka อยู่ในโซน Akasaka ใจกลางเมืองโตเกียวเลย ผมชอบถนนเล็กๆ แต่คึกคักแบบมีร้านค้าเยอะๆ มันดูน่าเดินกว่า ข้ามไปมาได้ทั้งสองฝั่ง ไม่เหมือนแบบแถวกินซ่าหรือถนนเส้นใหญ่ๆ ที่ต้องเลือกเดินสักข้าง  เท่าที่สักเกตุดูพบว่าโรงแรมนี้น่าจะมีคนมาพักค้างคืนมากกว่า (ต่างกับที่ 9Hours ตรงที่มีคนมาแค่พักผ่อนไม่กี่ชั่วโมงเยอะกว่า) ที่นี่ราคาพันต้นๆถือว่าไม่ถูกกว่าโฮสเทลทั่วไป มีห้องได้ 2 แบบคือแบบที่ไม่มีพื้นที่ด้านข้าง วางเตียงเต็มๆ และแบบที่มีพื้นที่ด้านข้าง มีโต๊ะทำงานเล็กๆ ซึ่งจะราคาสูงขึ้นมาอีกเล็กน้อย ผมชอบในความทันสมัย ดูหรูหราเล็กๆ และดูดีกว่าที่ 9 Hours สังเกตุได้จากวัสดุที่ใช้กั้นผนังส่วนใหญ่ เห็นได้ชัดว่าลงทุนต่างกัน(โดยเฉพาะในส่วนต้อนรับ) First Cabin การตกแต่งโดยรวมใกล้เคียงกับโรงแรมหลายดาว เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า

    •    ประตูทางเข้าด้านหน้า เน้นคอนเซ็ปที่ดูราวกับเป็นที่พักของพนักงานสายการบิน

    •    ชั้น 2 ซึ่งเป็น Front Desk เมื่อเช็กอินจะได้ Key Card และกุญแจของล็อกเกอร์ที่อยู่ใต้เตียงของเราเอง ในชั้นนี้จะมีคาเฟ่เล็กๆ น่ารัก บริการอาหารและเครื่องดื่ม หรือนั่งเล่น อ่านหนังสือ เล่นเน็ต หรือกินข้าวที่หามาเองได้ตามสะดวก

    •    ชั้น 3-7 เป็นห้องพักของชายและหญิง แยกชั้นกัน...พอออกจากลิฟท์ก็เจอประตูเข้าห้องนอนโดยใช้คีร์การ์ด เมื่อเข้าไปแล้วก็จะเจอห้องแต่ละคน ในมุมหนึ่งของห้องนอนรวมจะพบประตูบานหนึ่ง ข้างในจะเป็นห้องสุขา และมีเครื่องดื่มแบบกดซื้อในห้องนี้ด้วย (ชอบห้องสุขามาก...พอประตูเข้าไปปั๊บ มีเซนเซอร์เปิดฝาปิดชักโครก ยกขึ้นให้เราเลย)
    •    ชั้น B1 เป็นชั้นสำหรับอาบน้ำที่มี Lounge นั่งเล่นอยู่ข้างใน เป็นแบบรวมชายหญิงเข้าได้หมด น่าจะดีกับกลุ่มเพื่อนๆที่มากันทั้งชายและหญิงจะได้มานั่งรอกันตรงนี้ ก่อนแยกห้องกันอาบน้ำครับและในห้องอาบน้ำ ก็จะมีห้องยืนอาบฝักบัว(Shower) ห้องแต่งตัว อ่างอาบน้ำรวม ห้องเครื่องซักผ้าก็มีในชั้นนี้ครับ

ข้อดี
    •    สะอาด ทันสมัย เป็นสัดส่วน มีห้องอาบน้ำแยก(Shower) และเครื่องใช้ต่างๆครบถ้วนเช่นกัน
    •    มีร้านอาหารและคาเฟ่เล็กๆในโรงแรม รวมถึงร้านอาหารและร้านค้าที่น่าสนใจอยู่รายรอบเต็มไปหมด
    •    ห่างจากสถานี JR : Akasaka Station 140 เมตร (เดิน 2 นาที)
    •    พนักงานน่ารักและเอาใจใส่ดีมาก

ข้อด้อย
    •    ห้องไม่เก็บเสียงเช่นกัน โดยเฉพาะช่วงหลัง 6 โมงเช้าเหมือนกันครับ คนเดินไปมา เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ จัดเก็บของ เสียงปิด-เปิดม่านของห้องที่เป็นม่านแบบดึงขึ้น-ลง (ของห้องที่ไม่มีพื้นที่ด้านข้าง)เพราะมันมีสปริงดึงลิ้นบานประตูขึ้นไปเก็บ ถ้าปล่อยแบบไม่จับให้สุดจะส่งเสียงดังมาก จำได้ว่ามันดังจนผมตื่นเลยครับ ของผมจะเป็นแบบมีพื้นที่ด้านข้าง ประตูเป็นบานพับยาวๆ แบบยืดซ้าย-ขวา ซึ่งต้องยืดไปติดเองกับที่ล็อกแบบแม่เหล็ก แทบไม่ส่งเสียงอะไรเลยครับ
    •    กาแฟพอใช้ได้ แต่อาหารน่าจะเป็นแบบแพ็คมาแล้วอุ่นขาย ไม่อร่อยนะครับ เคยสั่งไปครั้งหนึ่งทำใจแทบไม่ได้ เพราะความรักสบายไม่อยากเดินออกไปข้างนอก ซึ่งวันต่อมาได้ไปลองอาหารในร้านที่อยู่ถัดไปไม่ไกล...อร่อยมากกกก
    •    Check in 5 P.M.  - Check out 10 A.M.

__________________________________________________________________________________________


Granbell Hotel : Akasaka
โรงแรมแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจาก First Cabin Akasaka ห่างกัน 350 เมตรและห่างจากสถานี Akasaka-Misuke เพียง 170 เมตร ที่ไปใหนได้เยอะมากกว่าโดยไม่ต้องเปลี่ยนรถไฟ (ผมใช้ Subway) โรงแรมนี้ไม่ได้จองไปตั้งแต่อยู่เมืองไทย เลยได้ราคาสูงกว่าที่อื่น แต่ประทับใจในการออกแบบห้องพักมากที่สุด จัดวางห้องแปลกดี และดูสวยแบบขรึมๆ ในสไตล์เราชอบเลย
__________________________________________________________________________________________

APA Villa Hotel : Akasaka-Mitsuke
เป็นความตั้งใจที่ไม่อยากเปลี่ยนโรงแรมแล้วต้องหอบหิ้วประเป๋าไปไกลๆ เลยพยายามหาที่พักในบริเวณเดียวกัน โรงแรมนี้จองไปตั้งแต่อยู่เมืองไทย(แบบยังไม่จ่าย) เลยได้ราคาถูกมาก อยู่ห่างจาก Granbell Hotel ประมาณ 160 เมตร และห่างจากสถานี Akasaka-Misuke 200 เมตร ...ห้องพักสะอาดมากๆ โลเคชั่นสุดยอดเพราะอยูใจกลางเมืองแต่เงียบสงบดีมาก หลับยาวถึงเช้า...สบายตัวมากเลย...


ค่าใช้จ่าย
- Air AsiaX : 10,069 บาท
- ที่พัก 6 คืน :
    •    คืนที่ 1-2 โรงแรม Nine Hours: Shinjuku-North 1,705
    •    คืนที่ 3-4 โรงแรม First Cabin : Akasaka 3,415 บาท
    •    คืนที่ 5 โรงแรม Granbell Hotel : Akasaka 2,582 บาท
    •    คืนที่ 6 โรงแรม APA Villa Hotel : Akasaka-Mitsuke 1,579 บาท
- การเดินทางในโตเกียว : Skyliner ไปกลับนาริตะ และตั๋วรถไฟใต้ดิน 3 วัน 2 ใบ = 1,500 บาท
- Sim (Docomo): 750 บาท
- อาหารและเครื่องดื่ม : มื้อละประมาณ(1,000 เยน) 300 บาท x 3 มื้อ x 8วัน = 7,200 บาท
รวมทั้งหมด = 28,800 บาท ราคาทุกรายการ รวมภาษี+add on แล้วครับ
(เดินทางเมื่อกลางเดือนมิ.ย.2560)

โรงแรม 2 แห่งหลัง ขออนุญาติไม่อธิบายมากเพราะคงเหมือนโรงแรมทั่วไปในญี่ปุ่นที่ขนาดกระทัดรัดแต่ทันสมัย ท่านใดต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ...ถ้าผมช่วยได้ ยินดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่