ไม่บังอาจถือเป็น รีวิว เอาเป็นว่าดูแล้วมาเล่าให้ฟัง บ้าง สปอยล์บางส่วนน่ะครับ
ก็อย่างที่หลายคนบอก ดูตัวอย่างก็รู้ทั้งเรื่องแล้วแทบจะว่างั้น แต่มันก็ยังเป็นหนังที่ดูตื่นเต้น ลุ้นและสนุก ไม่น่าเสียดายตังค์ หรือ ดูจบแล้วบ่นเสียเวลาดูเลย
หนังเริ่มต้น แบบ แสนจะธรรมดา คุณอาจดูฉากที่แม่เลี้ยงลูกในที่ทำงานแบบนี้มาบ้างแล้ว แต่อาจะเป็นหนังโทนอื่น ไม่ใช่หนัง แอ็คชั่นไล่ล่าแบบนี้ หรือ จะเรียกว่า ทุกฉากในหนัง นักดูหลายคนคงบอกว่า ทั้งเรื่อง เคยเห็นมาหมดแล้วน้อ
หนังเรื่องนี้ผมเห็นตัวอย่างตั้งแต่เดือน ธันวาคมน่ะครับ เห็นแล้วหยุดยืนดูหน้าจอยักษ์ที่โรงเลย มันดึงดูดสายตาดีนะ สำหรับหนังตัวอย่าง ก็คิดว่าจะต้องไปดูให้ได้ ซึ่ง พอได้ดูแล้ว บางฉากผมบ่นออกมาเบาๆเลยว่า เฮ้ย ทำไมทำงี้หว่า คือ หนังเขาก็สร้างให้เรื่องมันจบ ยากๆ มี เหตุการณ์เยอะๆ ทั้งที่จริงๆแล้ว ในบางฉาก มันผิดธรรมชาติมนุษย์มากๆ เช่น เอิ่มตรงนี้ ต้องสปอยล์นะครับ ขอนิดนึง ไม่อยากดู ข้ามไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากที่นางเอกไล่ล่าจน เจอตำรวจจราจรขี่มอเตอร์ไซด์มา แล้ว ตำรวจมาประกบข้างรถนางเอกแล้วบอกให้ จอด ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์หลังจากที่นางเอกแสดงความห้าวอย่างสุดๆไปหลายช็อตแล้ว ไม่ว่าจะกระโดด เกาะรถ ขับรถถอยในถนน หรือสารพัดจะทำมา แต่เธอกลับมัวจดจ่อจะแจ้งตำรวจ ขณะที่รถผู้ร้ายกำลังนำหน้าอยู่ และ เมื่อผุ้ร้ายจอดรถ แทนที่เธอจะชน หรือขวาง หรือ จอดประกบ ดันขับรถคุยกับตำรวจจนเลยนำหน้ารถผู้ร้ายมา ตรงนี้แสนจะสะดุดอารมณ์คนดุ ว่า เออ นี่ใช่นางเอกคนเดียวกับที่ฉลาดๆตอนแรกเหรอเนี่ย
แต่แม้จะมีจุดสะดุด นิดๆ หน่อยๆ แต่หนังก็ไม่ปล่อยให้คนดูมีอารมณ์ตำหนิคุณแม่นานมาก หนังมีความต่อเนื่อง แบบ เป็นชุด และ สมแล้วที่เป็น
Executive Producer in Post Production ( เห็นขึ้นเครดิตแว้บๆ ตอนจบ เครดิต ) ฮัลล์ เบอรี่ ใส่เต็มทุกเม็ด เท่าที่เธอจะทำได้น่ะ มีหลายฉาก ต้องนั่งลุ้น ทั้งๆที่พอจะเดาได้ว่า หนังจบแบบไหน
แล้วก็มีบางฉากคือ ไม่เข้าใจทำไม มันเป็นอย่างงี้หว่า ยิ่งตอนผู้ร้ายขับรถสีดำมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ( ตรงนี้ไม่สปอยล์นะ ใครสนใจไปดูได้ครับ ) แต่ก็ถามตัวเองว่า มันทำ ทำไมหว่า
สรุปเลยว่า ถ้าหนังยังไม่ถูกถอดจากโปรแกรม ผมว่า สำหรับเวลาชั่วโมงครึ่ง ไม่รวมโฆษณา และหนังตัวอย่าง ก็ถือเป็นหนังที่ดูสนุกละครับ ไม่หลอนด้วยนะ ถ้าเทียบกับ Break Down ของ Kurt Russel แล้ว หลอนกว่าเรื่องนี้มากครับ สำหรับภัยสังคมยุคนี้
KIDNAP ... หนังดู OK
ก็อย่างที่หลายคนบอก ดูตัวอย่างก็รู้ทั้งเรื่องแล้วแทบจะว่างั้น แต่มันก็ยังเป็นหนังที่ดูตื่นเต้น ลุ้นและสนุก ไม่น่าเสียดายตังค์ หรือ ดูจบแล้วบ่นเสียเวลาดูเลย
หนังเริ่มต้น แบบ แสนจะธรรมดา คุณอาจดูฉากที่แม่เลี้ยงลูกในที่ทำงานแบบนี้มาบ้างแล้ว แต่อาจะเป็นหนังโทนอื่น ไม่ใช่หนัง แอ็คชั่นไล่ล่าแบบนี้ หรือ จะเรียกว่า ทุกฉากในหนัง นักดูหลายคนคงบอกว่า ทั้งเรื่อง เคยเห็นมาหมดแล้วน้อ
หนังเรื่องนี้ผมเห็นตัวอย่างตั้งแต่เดือน ธันวาคมน่ะครับ เห็นแล้วหยุดยืนดูหน้าจอยักษ์ที่โรงเลย มันดึงดูดสายตาดีนะ สำหรับหนังตัวอย่าง ก็คิดว่าจะต้องไปดูให้ได้ ซึ่ง พอได้ดูแล้ว บางฉากผมบ่นออกมาเบาๆเลยว่า เฮ้ย ทำไมทำงี้หว่า คือ หนังเขาก็สร้างให้เรื่องมันจบ ยากๆ มี เหตุการณ์เยอะๆ ทั้งที่จริงๆแล้ว ในบางฉาก มันผิดธรรมชาติมนุษย์มากๆ เช่น เอิ่มตรงนี้ ต้องสปอยล์นะครับ ขอนิดนึง ไม่อยากดู ข้ามไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่แม้จะมีจุดสะดุด นิดๆ หน่อยๆ แต่หนังก็ไม่ปล่อยให้คนดูมีอารมณ์ตำหนิคุณแม่นานมาก หนังมีความต่อเนื่อง แบบ เป็นชุด และ สมแล้วที่เป็น
Executive Producer in Post Production ( เห็นขึ้นเครดิตแว้บๆ ตอนจบ เครดิต ) ฮัลล์ เบอรี่ ใส่เต็มทุกเม็ด เท่าที่เธอจะทำได้น่ะ มีหลายฉาก ต้องนั่งลุ้น ทั้งๆที่พอจะเดาได้ว่า หนังจบแบบไหน
แล้วก็มีบางฉากคือ ไม่เข้าใจทำไม มันเป็นอย่างงี้หว่า ยิ่งตอนผู้ร้ายขับรถสีดำมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ( ตรงนี้ไม่สปอยล์นะ ใครสนใจไปดูได้ครับ ) แต่ก็ถามตัวเองว่า มันทำ ทำไมหว่า
สรุปเลยว่า ถ้าหนังยังไม่ถูกถอดจากโปรแกรม ผมว่า สำหรับเวลาชั่วโมงครึ่ง ไม่รวมโฆษณา และหนังตัวอย่าง ก็ถือเป็นหนังที่ดูสนุกละครับ ไม่หลอนด้วยนะ ถ้าเทียบกับ Break Down ของ Kurt Russel แล้ว หลอนกว่าเรื่องนี้มากครับ สำหรับภัยสังคมยุคนี้