ประสบการณ์ชีวิตคู่ที่เลวร้าย แฟนก็เลว ครอบครัวแฟนก็ร้ายกาจ!! (เนื้อเรื่องจริงและค่อนข้างยาวนะคะ)

****** ปัจจุบันเราได้นำลูกชายกลับมาเลี้ยงเองค่ะ เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องในอดีตค่ะ เนื้อหาทั้งหมดจบแล้วนะคะขอบคุณค่ะ ******

8 ปีที่แล้ว เราเข้ามาอยู่กรุงเทพใหม่ๆ เราเป็นเด็กต่างจังหวัดมาจากทางภาคใต้ ตอนนั้นอายุ 21 ปีค่ะ เข้าเมืองหลวงมาหางานทำ แล้วเราก็ได้พบกับแฟนของเรา สมมุติว่าเขาชื่อ ภู แล้วกันนะคะ ภูอายุน้อยกว่าเรา 2 ปีค่ะ ตอนนั้นเขาก็อายุราวๆ 19 ปีค่ะ เรารู้จักกันทางโปรแกรมแชทโปรแกรมนึงในสมัยนั้น เค้าเข้ามาในช่วงที่เราเหงาและเราไม่มีใคร เพราะเราไม่เคยห่างจากบ้านไกลขนาดนี้ค่ะ ส่วนตัวภูนั้นเค้าก็เข้ามาเรียนในมหาลัยแห่งหนึ่งทางฝั่งธน และมาจากทางภาคใต้เหมือนเราจึงสนิทกันได้ไว ต่างคอยช่วยเหลือกัน ดูแลซึ่งกันและกันค่ะ ครอบครัวแฟนค่อนข้างมีฐานะค่ะ มีเชื้อจีน แฟนเป็นหลานชายคนแรกของบ้าน มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน แต่ดูแฟนเราจะไม่ค่อยสนิทกับแม่เท่าไหร่นักคะ เพราะโตมากับป้า ป้าขอมาเลี้ยงค่ะ
                จนเวลาผ่านไปประมาณ 4-5 เดือน เค้าก็ย้ายเข้ามาอยู่หอเดียวกับเรา เค้ามีพี่สาวซึ่งเรียนที่เดียวกันและก็รู้จักกันดีกับเราค่ะ สมมุติว่าชื่อพี่พรีมนะคะ ตอนภูย้ายเข้ามาอยู่กับเราพี่พรีมก็รู้ค่ะ แต่ทางบ้านของภูไม่รู้ค่ะ แต่ที่บ้านของเรารับรู้ตลอดนะคะว่าเรามีแฟนและอยู่ด้วยกัน แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรภูเค้านะคะ เราก็ทำงาน ภูก็ไปเรียนตามปกติค่ะ ตอนนั้นภูดูแลเราดีมากค่ะ ไม่เคยมีขาดตกบกพร่องอะไร จะมีก็เรื่องเรียนที่มีขี้เกียจบ้าง จนเราต้องช่วยทำงานส่งอาจารย์ให้อยู่บ่อยๆ เวลาก้าวผ่านล่วงเลยไป 1 ปี เราท้องค่ะ ตอนนั้นภูเรียนมหาลัยปี 3 คะ เราก็ตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ของเราว่าเราท้อง พ่อแม่ของเราไม่ว่าอะไรค่ะเพียงแต่บอกให้ดูแลตัวเองดีๆนะและเป็นห่วง แต่ทางแฟนไม่มีใครรู้ค่ะ เพราะเค้าไม่เคยบอกกับทางบ้านว่ามีเรา มีเพียงแต่พี่สาวของเขาค่ะที่รู้ บ้านแฟนค่อนข้างแรงและเอาแต่ใจกันหมดบ้านค่ะ เราก็ค่อนข้างอึดอัดพอสมควร จนเราท้องได้ 3 เดือน แฟนจึงได้บอกแม่ว่าเราท้อง แต่คำตอบที่ได้กลับมานั่นคือ ให้เอาออกซะ และส่งเงินมาให้เรา 3000 บาทเพื่อให้เอาเด็กออก แม่แฟนไม่เคยคุยกับเรานะคะ แต่คุยผ่านแฟนของเรา แต่เรากับแฟนตัดสินจที่จะไม่เอาเด็กออกค่ะ จนกระทั่งอายุครรภ์ได้ 6 เดือน ความถึงแตกเรื่องแดงเพราะแฟนเราลงไปบ้านที่ใต้ค่ะ เราจึงตัดสินใจบอกเลิกแฟนด้วยการส่งเป็นข้อความไปว่า "ลูกเราเดี๋ยวเราเลี้ยงเอง ส่วนเธอตั้งใจเรียนนะ อีก 3 เดือนลูกก็คลอดแล้วเราไม่อยากรั้งอนาคตเธอ"
                หลังจากส่งข้อความไป มีสายเรียกเข้าทันทีค่ะเป็นเบอร์ของแฟน แต่ปลายสายนั้นกลับเป็นเสียงผู้หญิงคนนึง ทางปลายสายพูดมาว่า "หนูท้องหรอ ไม่ได้น่ะน้องพี่ทำเราท้องน้องพี่ก็ต้องรับผิดชอบ" นั่นเป็นครั้งแรกที่ทางบ้านของแฟนรับรู้เรื่องของเรา (เรามาทราบทีหลังว่านั่นคือลูกพี่ลูกน้องของแฟนค่ะนิสัยดีมาก) หลังจากวางสายไป ไม่เกิน 15 นาที ภูเขาก็โทรกลับมาค่ะ แฟนเราอยู่ในห้องนอนระหว่างที่คุยกับแฟนนั้น เสียงในโทรศัพท์ก็มีเสียงเอะอะโวยวายกันลั่นบ้านพอสมควรค่ะ ก็คงจะเป็นเรื่องที่เราท้อง
               พอแฟนเรากลับขึ้นมากรุงเทพ ก็จะมีพี่คนที่โทรกลับมาหาเราค่ะและมีพี่ๆที่เรียนอยู่ในกรุงเทพเข้ามาแวะเวียนเยี่ยมเรา เวลาเดินเหินแทบจะอุ้มเรากันเลยค่ะ คนมาหาเรามาเยี่ยมเรานั้น เป็นญาติแฟนนะคะ เป็นป้าคนที่ 2 ค่ะและปะป๊า(แฟนของป้า) และลูกของป้าคนอื่นๆ ส่วนครอบครัวของแฟนเองคือแม่และป๊าของแฟนพี่น้องเขาไม่เคยโทรมาถามมาดูหรืออะไรเลยแม้แต่คำเดียวค่ะ แม่ของภูค่อนข้างเกลียดเราค่ะ ทั้งที่เราไม่เคยทำอะไรให้ เราก็เลยอยู่ในส่วนของเราคือกรุงเทพ ส่วนครอบครัวแฟนนั้นอยู่ทางใต้ค่ะ จะมีไปเจอป๊าของแฟนบ้างเวลาเขาขึ้นมากรุงเทพกับเมียน้อยเขา ป๊าแฟนเขาทำรับเหมาค่ะเลยเดินทางขึ้นลงบ่อย แต่ก็เหมือนจะพยายามแยกเรากับแฟนให้อกจากกันทั้งที่เราท้องใกล้คลอดเต็มที แต่เรากับแฟนก็อดทนค่ะ จนเราคลอด
               ในวันที่เราคลอดนั้นพ่อและแม่ของเราเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาดูแลค่ะ และมีลูกพี่ลูกน้องของแฟนมาเยี่ยมมาดูหลานค่ะ จะมีกลุ่มเดิมๆค่ะ ส่วนพี่สาวของแฟนตอนนั้นเขาทะเลาะกับแฟนค่ะเลยไม่ได้คุยกัน ครอบครัวแฟนนั้นไม่เคยมาดูดำดูดีกับเราค่ะ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้โฟกัสตรงจุดนั้นค่ะ เรามองหน้าลูกแล้วเราก็ชื่นใจแล้วเราขอแค่นี้
               ชีวิตเราก็ดำเนินการไปปกติค่ะ แฟนไปเรียนส่วนเราก็ทำงานผ่านเน็ตไปค่ะ ช่วยงานพี่บ้างโดยการไปเฝ้าร้านให้พี่ก็จะได้ค่าแรงมาใช้จ่ายในครอบครัว ลูพกพี่ลูกน้องของแฟนก็ยังมาเยี่ยมสม่ำเสมอ ส่งรูปไปให้ทางย่าของแฟนและทางป้าของแฟนให้ดูถึงความน่ารักของหลานชายตัวจิ๋ว ลูกชายเราขาวมากค่ะเหมือนพ่อ ปากนิดจมูกหน่อยหน้าตาเหมือนแฟนมากๆ ย่าๆป้าๆเขาเลยหลง แต่ในทางกลับกันแม่สามีกลับไม่เคยสนใจแม้แต่นิดเดียวค่ะ จนป้าคนที่ 2 กับปะป๊าแฟนของป้าได้ขึ้นมาถึงกทมเพื่อเยี่ยมหลาน พอเจอหน้าก็หลงค่ะเพราะเป็นเหลนผู้ชายคนแรก ก็ขึ้นมาอยู่ด้วยประมาณ 1 อาทิตย์ค่ะ พอถึงวันกลับเราก็อุ้มลูกไปส่ง ปะป๊ากับป้าร้องไห้ตามหลานกันระงม หลังจากลงไปใต้แล้วได้แค่ 3 วัน ก็โทรมาหาเราคะยั้นคะยอให้เราเอาลูกลงไปที่ใต้ให้ได้ค่ะ เพราะทวดหรือย่าของแฟนนั้นอยากเห็น (ท้าวความคือย่าของแฟนก็ไม่ชอบเรานะคะตอนที่ยังไม่ได้เจอเราแกก็ร้ายกับเราเหมือนกันในตอนที่ไม่ได้เจอ)
เราตัดสินใจลงไปค่ะ ไปพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของแฟนและแฟนตามมาทีหลังเพราะติดสอบ เราไปถึงที่หน้าบ้านก็เจอคนนั่งรอเต็มหน้าบ้านไปหมดเลยค่ะ ทวดก็ยิ้มเห็นหน้าเหลนครั้งแรก เราก็ดีใจมากๆค่ะตอนนั้นเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรทำให้ไม่สบายใจอีกแล้ว (แต่ไม่ใช่เลยค่ะนั่นมันแคต่จุดเริ่มต้นของนรกเท่านั้นเอง) เช้ารุ่งขึ้นเขาก็พาหลานไปซื้อทองใส่ข้อเท้าใส่คอ แฟนถูกเลี้ยงมาด้วยป้าคนโต ส่วนป้าคนที่2นั้นเป็นคนที่คอยถามนู่นนี่และคอยส่งอาหารและเสบียงไปให้จากทางใต้ไปบำรุงตัวเล็กตั้งแต่ในห้องและเป็นคนที่เข้าใจเราที่สุดค่ะ บ้านของแฟนจะมีลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น 2 คูหาค่ะ แฟนไม่ได้อยู่กับแม่ แต่อยู่กับย่าและป้าคนโตที่เลี้ยงมา ส่วนครอบยครัวของแฟนจะอยู่อีกที่ค่ะ แต่ตรงระแวกบ้านหลังใหญ่ที่เราไปอยู่นั้น ก็จะมีป้าคนที่ 3 ที่เปิดโรงเรียนสอนพิเศษอยู่ติดๆกัน และป้าคนโตก็เปิดหอพักนักเรียนซึ่งอยู่ถัดไปไม่กี่หลังค่ะ เดินหากันถึงแหละค่ะว่าง่ายๆ
                      ตลอดเวลา 1 เดือนที่เราอยู่ในบ้านของแฟนนั้น เราเริ่มเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การที่เราเอาลูกไปตัดผมกับร้านตัดผมข้างๆบ้าน แต่ถูกสั่งโดยป้าคนโตที่เลี้ยงแฟนมาว่า "ถ้าเค้าถามว่าเป็นใครอย่าไปบอกเขานะว่าเป็นเมียภู ให้บอกว่าเป็นญาติมาจากต่างจังหวัด เดี๋ยวเขาจะหาว่าภูตาต่ำ" เราค่อนข้างสะอึกกับคำพูดนี้ค่ะ บ้านเราหาเช้ากินค่ำค่ะ ไม่ได้ร่ำรวย อยู่นั่นเราตื่นก่อนนอนทีหลัง ตื่นมาก็ต้องถูบ้านทั้งหลังกวาดบ้านทั้งหลัง ล้างถ้วยชามที่พวกเขากินกันไว้ ไปไหนมาไหนก็ไม่เคยได้รับการแนะนำว่าเป็นใครเพียงแต่บอกว่าหลานมาจากต่างจังหวัด  เราก็เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจมาตลอดเวลาค่ะ ตอนนั้นแฟนเราเริ่มมีอาการเหลวไหล เราเพิ่งมารู้ตอนอยู่ที่นี่ว่า แฟนเรานิสัยไม่ได้น่ารักกับญาติๆเลย และเขาก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในหมู่ญาติๆ ลูกพี่ลูกน้อง แต่ที่เขาไปหาไปเยี่ยมเราเพราะเขาเห็นแก่เราและสงสารเรา แฟนเราทำตัวเกเรเอาแต่ใจและไม่ค่อยเห็นหัวผู้ใหญ่ค่ะ เราค่อนข้างกังวลและไม่ชอบเขาขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังอดทนเพราะยังไงก็มีลูกด้วยกันแล้วและหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ซักวัน ป้าคนที่ 2 ขายข้าวแกงหน้าบ้านค่ะ และป้าคนที่2นี้ ไม่ถูกกับแม่ของแฟนค่ะ คือไม่ชอบเลย ส่วนย่าของแฟนก็จะชอบเรียกน้องชายของแฟนมาจากบ้านให้มาเอาแกงที่ป้าขายซึ่งย่าก็แอบตักให้และเอาไปส่งให้ทางหลังบ้าน ซึ่งวันนั้นเราอยู่ที่หน้าบ้านพอดีเรานั่งอยู่ ป้าคนที่2ก็ชี้ให้เราดูว่า ดูนั่นสิย่าเอาแกงส่งให้แม่ไอภูอีกแล้ว เราก็ได้แต่พยักหน้าและมองไม่ได้พูดอะไร พอตกเย็นค่ะ ย่าของแฟนเดินชี้นิ้วกราดด่าเรา ด่าแรงมากค่ะหาว่าเราไปฟ้องป้าว่าเอาแกงให้บ้านนู่น เราจึงเดินอุ้มลูกมาหาป้าที่สอนพิเศษอยู่อีกหลังซึ่งย่าก็ยังเดินตามมาด่าจนถึงที่บ้านป้าที่สอนพิเศษและไล่ให้เรากลับกรุงเทพค่ะ  (ซึ่งแฟนมาบอกทีหลังว่าแกงที่ย่าตักให้ทุกครั้งแม่ของแฟนก็สั่งให้ลูกเททิ้งทั้งหมดไม่ให้กินค่ะ) ที่บ้านแฟนเค้าจะค่อนข้างแรงกันทั้งบ้านค่ะ จะไม่ค่อยมีใครยอมใคร
             คืนนั้นเราตัดสินใจอุ้มลูกขึ้นไปนอนห้องข้างบนกับแฟนค่ะ (ก่อนกลับเราได้ถอดทองคืนให้กับย่าของแฟนทั้งหมดค่ะ เราบอกว่ากรุงเทพนั้นไม่ค่อยปลอดภัยให้เก็บไว้กับย่าแล้วกัน) ไม่ต้องสงสัยนะคะว่าทำไมแฟนเราถึงงยังไม่ค่อยมีบทบาทนักตอนนี้ เพราะมันให้เราแบกรับปัญหาไว้คนเดียวทั้งหมดค่ะ พอเช้ามาเราตัดสินใจที่จะเอาลูกกลับกทมทันทีค่ะ เราก็เลยให้แฟนไปซื้อตั๋วจองตั๋วและกลับกทม พอเรากลับถึงกทมแล้วแฟนกับแม่ได้ทะเลาะกันผ่านโทรศัพท์อย่างรุนแรงค่ะ แม่แฟนเคยซื้อโทรทัศน์ให้แฟนค่ะ ก็เลยมีการทวงของกันคืน ตอนนั้นมีเราลูกชายและก็มีพี่ที่สนิทกันเป็นผู้ชายอีกคนนั่งเล่นอยู่ด้วยกัน ไม่นานนักพี่สาวแท้ๆของแฟนก็มาที่ห้องเราค่ะแล้วทะเลาะกันรุนแรงมาก เราก็นั่งอุ้มลูกอยู่เฉยๆ เพราะเป็นเรื่องพี่น้องกัน เราก็ไม่อยากยุ่งเพราะเราคนนอกค่ะ ก็เกิดการทวงของ แฟนก็บอกว่าให้เราถอดปลั๊กคืนให้เค้าไปแต่เราไม่อยากยุ่งเราจึงบอกว่าภูทำเองนะ แล้วอยู่ๆพี่สาวนางที่มีนิสัยอันธพาลและเกเรอยู่แล้วก็หยิบตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ที่วางอยู่ข้างโทรทัศน์ขว้างใส่เราค่ะ เราก็ยัง งงๆอยู่ พี่เราจึงอุ้มลูกเราออกไปทางหลังห้องเราเลยลุกขึ้นแต่ไม่พูดอะไร พี่สาวแฟนก็เอาหมวกกันน๊อคขว้างเราอีกเราจึงเริ่มทนไม่ไหวจะวิ่งเข้าใส่บ้าง แต่แฟนดึงไว้พี่สาวแฟนก็ทำท่าล้วงในกระเป๋าแล้วตะโกนดังๆว่าเดี๋ยวกูก็ยิงหรอก เราก็ไม่ได้กลัวนะคะตอนนั้นเพราะเราโกรธที่มาทำเราทำไม แฟนจึงขังเราไว้หลังห้องและปิดประตูล๊อคคะ เราจึงโทรหาป้าของแฟนคนที่2 เล่าให้ฟัง ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ในกรุงเทพก็เลยรีบมาที่ห้องพาเราส่งโรงพยาบาลเพราะเรามีแผลจากการโดนทุ่มของใส่ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจค่ะทำไมครอบครัวของเค้าถึงได้มีนิสัยกันแบบนี้ ไม่ว่าจะทวงข้าวของกันทั้งที่แม่เป็นคนซื้อให้ลูก พอทะเลาะก็ทวงแล้วให้ลูกสาวคนโตมาทำแบบนี้ วีรกรรมของพี่สาวแฟนไม่ได้หมดแค่เท่านี้นะคะ ป้าคนที่2เคยเล่าให้ฟังว่า แกทะเลาะกับแม่ของแฟน แม่ของแฟนเลยยุให้พี่สาวแฟนเกลียดป้า พี่สาวแฟนก็เลยแอบไปควั่นสายไฟเครื่องซักผ้าของป้าค่ะเพื่อให้ช๊อตตาย แต่โชคดีที่ปะป๊าแฟนของป๊ามาเจอซะก่อน
                 ผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ ป๊าแฟนก็โทรเข้ามาหาบอกว่ากำลังจะไปกรุงเทพให้เอาลูกของเราไปหาหน่อยขอเอามานอนด้วย 1 คืน ตอนนั้นลูกเราเริ่มโตละนะคะ ประมาณ6-7เดือนละคะ ตอนลงไปใต้ ปะป๊ามาถึงตอนประมาณเที่ยงคืนค่ะ และโทรมาให้เราเอาลูกไปหาที่โรงแรม แต่พอเราไปหาที่โณงแรมกลับเจอป้าคนที่2มาด้วยค่ะ พอเจอหน้าเรา ป้าก็พูดว่าถ้าวันนี้ป้าไม่ได้หลานกลับใต้ด้วยป้าไม่ยอม สรุปคือเค้าหลอกเราค่ะเค้าไม่ได้ขึ้นมาทำงานแต่เค้าขึ้นมาเอาลูกเราไปใต้ค่ะ เราไม่ยอมค่ะ แต่เค้าก็กล่อมเราต่างๆนาๆ จนเรายอมให้ลูกเขาไปเลี้ยง เพราะเขาบอกกับเราว่า จะได้ทำงานกันเต็มที่ ลูกอบยู่ที่นู่นไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย จะได้เรียนหนังสือ เราก็เลยเห็นแก่อนาคตของลูกเลยยอมให้ไป และลงไปเยี่ยมทุกเดือนแทน หลังจากนี้นั่นคือนรกของจริงแล้วค่ะ ^_^

----------------------เดี๋ยวมาต่อเด้อ----------------------------
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่