แ บ ก เ ป้ ต ะ ลุ ย ฮ า น อ ย 3 คื น 4 วั น Ep. 1

กระทู้สนทนา
จุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดจาก.........
เรากับน้องอยากไปเที่ยวไกลบ้านบ้างไม่ต้องไกลมากเอาแค่เปิดหูเปิดตาพอหอมปากหอมคอ พอตกลงกันได้ก็จบตรงพิกัดที่ เมืองฮานอยประเทศเวียดนาม และแอบแว็บนั่งรถไฟไปโผล่ไฮฟองตอนขากลับ แล้วเรื่องมันก็เป็นไปตามนี้……….



เราเดินทางจากเชียงใหม่ถึงสนามบิน Nội Bài International Airport ฮานอยแต่เช้าตรู่
เรื่องการผ่าน ตม. ก็ไม่ยากอยู่แล้วเพราะทางโน้นเขาก็ไม่มีอะไรมากดู Passport มองหน้าดูก็พยักหน้า….
เป็นสัญญานว่าโอเคคุณเข้าประเทศได้เลย หลังจากนั้นก็เดินออกมาจากโถงรับกระเป๋า
แล้วก็พากันมาซื้อซิมก่อนเลยอันดับแรก เราไม่เลือกเลยว่าจะต้องใช้ค่ายไหน
แค่บอกทางพนักงานไปว่าอยู่ประมาณ 5 วันเอาซิมที่ใช้เนทไม่อั้นแล้วใช้ได้ทั่วเวียดนาม
พนักงานก็แนะนำแพ็คเกจที่ดีที่สุดให้เป็นของเครือข่าย VN Mobilefone คลื่น 4G ใช้ดีเว่อร์ลื่นปรื้ดมากกกกก
ราคา 400 บาทโดยประมาณ หลังจากเปลี่ยนซิม ก็เดินออกมามองไปทางซ้ายเลนที่ 2
จะมีป้ายติดอยู่เขียนว่า … 86 ( ต่อด้วยภาษาเวียดนาม ) เป็นสัญลักษณ์ของป้ายรถเมล์
แต่เรายังไม่ขึ้น มองไปรอบๆ เห็นหญ้าสีเขียวดีเลยชวนน้องมาเก็บภาพก่อนขึ้นรถเมล์เข้าเมือง



เก็บภาพรอบสนามบินเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางเข้าเมืองฮานอยซิตี้โดยรถเมล์สีส้มสาย 86 รถจะไปลงย่าน Old Quarter หรือบอกพนักงานขายตั๋วรถเมล์ไปว่าไปลง Old Quarter ราคาตั๋วรถเมล์แต่ละเที่ยวก็จะเริ่มต้นที่ 7,000 – 30,000 ดอง



นั่งรถเมล์เข้าเมืองใช้เวลาโดยประมาณ 30 – 40 นาที ระหว่างทางเราก็ชมความเป็นเมืองของชาวฮานอยไปเรื่อยๆ แล้วรถเมล์สาย 86 ก็จอดให้ลงตรงหน้าสำนักงานอะไรก็ไม่รู้ แต่อยู่ในย่าน Old Quarter นี่แหละ น้องสาวตื่นตาตื่นใจกับบรรยาศโดยรอบและเสียงบีบแตรของรถที่ดังหนวกหูอยู่ตลอดการเดินทาง




ลงรถเมล์ปุ๊บก็เปิด Google map เลยทันทีจ้า….. ตามหาที่พักที่แห่งแรกก่อน เราเลือกพักที่ Centre point Hanoi Hotel โรงแรมขนาดเล็กกระทัดรัดแต่การบริการดีเยี่ยม อยู่ใจกลางโซน walking street และใกล้ทะเลสาบ Hồ Hoàn Kiếm มากๆ เดินออกมาไม่ถึงนาทีก็เจอแลนมาร์คกลางเมืองฮานอยแล้ว



พนักงานต้อนรับดูแลอย่างดีตั้งแต่ก้าวเข้าประตู ยิ้มแย้มและให้ข้อมูลพร้อมแผนที่สำหรับการท่องเที่ยวในละแวก Old Quarter ขึ้นห้องอันแพคของเสร็จ เราก็ออกสำรวจพื้นที่โดยรอบและหาของกินเป็นอันดับแรกเพราะหิวมากพิกัดแรกของทริปนี้คือ โบสถ์เซนต์โจเซฟ  (St. Joseph Cathedral)



รอบๆ โบสถ์มีร้านค้า, ร้านกาแฟ, ร้านอาหาร และร้านขายของอีกจิปาถะ เราก็เดินมันวนไป…. หลังจากเดินชมวิวชมการใช้ชีวิตของผู้คนแถวนั้น ทีนี้เริ่มร้อนแล้วซิ คิดกันอยู่ว่ามาถึงที่นี่แล้วต้องลอง Bún chả ก๋วยเตี๋ยวหมูย่างหรืออะไรสักอย่างให้ได้ ก็มาเจอร้าน Bún chả อยู่ตรงหัวมุมข้างโบสถ์พอดี เสริมทัพท้องอิ่มแล้วก็ดีดตัวออกจากร้านทันทีเพราะอากาศร้อนปรี๊ดดดดดมากกกกก เราจึงหาชาเย็นๆ กินกันคนละแก้วที่ร้าน Juice N’Joy พนักงานในร้านน่ารักมาก พูดอังกฤษได้บ้างเป็นบางคน คนที่พูดได้พอเห็นเราเป็นคนไทยก็แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปของฮานอยให้ทันที


พักเหนื่อยกันนิดหน่อยพอมีแรงแล้ว เราก็ขึ้นรถเมล์ต่อไปยัง Ho Chi Minh Mausoleum Complex ระหว่างลงรถเมล์ – ขึ้นรถเมล์ด้วยความสับสน สองพี่น้องก็แวะเก็บภาพตามทางจนไปถึงที่หมาย ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยแต่พอเจอลมเย็นเอื่อยๆ ที่มาพร้อมกับความสวยงามของวิวสองข้างทาง และจุดมุ่งหมายที่เราจะก็ไปถึงก็หายเหนื่อยกันทันที


อีกเรื่องที่น่าประทับใจคือเบียร์ที่ฮานอยถูกมว๊ากกกกกกก…… เบียร์ Local ของที่นี่ราคาเริ่มต้นจะตกอยู่ขวดละ 15,000 ดอง
หรือประมาณ 20 กว่าบาทของบ้านเรา จะรออะไรหล่ะก็สั่งมาดื่มดับกระหายแทนน้ำกันไปเลย รสชาติถือว่าใช้ได้เลยสำหรับเบียร์ต่างชาติราคานี้
เราเดินเล่นกันจนถึงใกล้ค่ำ รถเมล์ที่เรานั่งก็จะมาลงตรงน้ำพุใจกลางเมืองพอดี นั่นคือสุดสายของรถเมล์สาย 09 และสาย 14
ปลายสายจะมาจอดตรงน้ำพุข้างทะเลสาบ Hồ Hoàn Kiếm


ช่วงเย็นของวันนี้เรากับน้องก็ใช้เวลาก่อนพระอาทิตย์ตกเดินเล่น และแวะซื้อของฝากเพราะพรุ่งนี้ต้องย้ายโรงแรมไปอีกโรงแรมหนึ่งที่ไกล้
สถานีรถไฟ Ga Hà Nội กลัวว่าจะมีเวลาน้อยเลยตระเวณหาซื้อของฝากเลยละกัน บรรยากาศช่วงเย็นก็ดีไปอีกแบบ
ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวฮานอยริมทะเลสาบ ทุกคนดูคึกคักรักสุขภาพกันมาก เห็นได้จากผิวพรรณและหน้าตาที่สดใสของชาวฮานอย


เช้าอีกหนึ่งวันกับทริปตะลุยฮานอยวันนี้เรามีเพลนว่าจะไป วัดหง็อกเซิน Temple of the Jade Mountain / Ngoc Son หรือ วัดเนินหยก
และแวะสะพานไม้ “สะพานเทฮุก” Thê Húc แล้วต่อด้วย วัดจั๋วเตริ่นกว็อก Tran Quoc Pagoda หลังจากนั้นต้องกลับมาเช็คเอ้าท์
ที่โรงแรม Centre point Hanoi hotel นอกจากบริการดีแล้วที่โรงแรมนี้อาหารเช้ายังอร่อยอีกด้วยนะ ห้องอาหารของโรงแรมที่นี่
จะอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรมเราเลยได้ภาพยามเช้าของทะเลสาบมาด้วย


แล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางสู่โรงแรม Hanoi View 2 Hotel จากที่พักเดิมเดินเท้าก็ไกลโขอยู่
แต่ก็ตัดสินใจใช้วิธีเดินเอาเพราะอยากไปแวะทางรถไฟที่แทรกผ่านบ้านคน แต่ไปถึงก็ Oh My Goddddd!!!!
คนเข้าคิวเพื่อรอถ่าย… โอ้ยยยดูแล้วชุลมุนวุ่นวาย เกรงใจผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้นด้วย เราเลยเลือกที่จะเลี่ยงๆ
มาถ่ายอีกฝากที่ไม่ค่อยมีคน  โรงแรมที่สองถือว่าไกลเอาเรื่องอยู่อากาศก็ไม่เป็นใจ ร้อนอาทิตย์เรียกแม่เลยทีเดียว
พอถึงโรงแรมก็สลบซิคะ…… เผลอหลับไปแพร้บเดียวเกือบตกเย็นอีกละ


วันนี้ช่วงเย็นมี Walking Street ว่าจะไปเดินเล่นชิวๆ แต่ก่อนไปเราตัดสินใจว่าจะขอไปเช็คระยะการเดินไปสถานีรถไฟก่อน
ออกมาจากโรงแรมถึงสถานีรถไฟก็ไม่ไกลมากเดิน 2 – 3 นาทีก็ถึง พอรู้พิกัดก็โบกรถเมล์กลับไปที่ Old town เหมือนเดิม


Walking Street ของที่นี่จะมีหลายซอย เราตั้งต้นที่จะเดินบริเวณด้านหน้าลานน้ำพุ ทะเลสาบ Hồ Hoàn Kiếm
ก่อนเพราะเห็นชาวฮานอยมากางเต้นท์เพื่อที่จะขายของกันตั้งแต่ 6 โมงกว่า Walking Street จะเริ่ม 1 ทุ่มเป็นต้นไป ของที่
ขายก็จะเป็นสินค้าของที่ระลึกและสินค้าเหมือนตลาดนัดนัดบ้านเรา เดินเล่นไปเรื่อยๆ จะสุดปลายสายของถนนก็จะไปเจอ
ตลาดดงซวน Cho Dong Xuan Market
เดินมาซะไกลท้องเริ่มหิวอีกแล้ว น้องเราก็ไปสะดุดตากับปูนึ่งตัวโตพร้อมกับเสียงเรียกของอาม่าเป็นภาษาเวียดนาม
ฟังไม่รู้เรื่องหรอกแต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจสั่งกินกันเพราะราคาก็ไม่แพงด้วย รสชาติถือว่าใช้ได้เลยปูนึ่งสดมาก
เพราะนึ่งแล้วเอาออกจากเตาเดี๋ยวนั้นเลย
ทานเสร็จแล้วเราก็ลัดเลาะไปตามซอยบันเทิงที่มีการละเล่นของคนพื้นเมืองที่นี่ และร้านเหล้าข้างทางเรียงกันตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย
กระดกเบียร์ไปกันคนละนิดคนละหน่อยดูเวลาแล้วควรต้องกลับห้องพักได้แล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เราใช้บริการ Grab Bike
ให้ไปส่งที่พัก สายแว๊นซ์ก็มาจ้าคืนนี้ รถวินมอเตอไซด์ที่นี่ขี่เปรี้ยวได้ใจป้าจริงๆ


เดี๋ยวมาต่อ EP. 2 Day 3 ที่ไฮฟองกันนะจ๊ะ ^ ^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่