ในวันที่ตลาดวาย การหารายได้ด้วยสติ๊กเกอร์ไลน์กลายเป็นทะเลแดง ว่าที่ครีเอเตอร์มือใหม่ ยังอยากจะทำสติ๊กเกอร์ไลน์เพื่ออะไร... ถามใจเธอดูววว์
ทำเพื่อเงิน ???
คนส่วนใหญ่ก็คงจะตอบแบบนี้ ซึ่งมันก็จริงที่สติ๊กเกอร์ไลน์สามารถสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์ได้ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่มีสติ๊กเกอร์ให้เลือกซื้อไม่มาก แถมส่วนแบ่งรายได้จากไลน์ก็เยอะ ขนาดนักวาดมือสมัครเล่นที่สติ๊กเกอร์ไม่เด่นดังติด 100 อันดับแรก ยังเห็นเงินเป็นกอบเป็นกำ แล้วนักวาดที่สติ๊กเกอร์ขายดีล่ะ...จะขนาดไหน
เมื่อรายได้มันหอมหวน ก็ชวนให้คนเคลิ้มฝัน ผันตัวเองมาเป็นครีเอเตอร์หน้าใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งต่อมา ไลน์อนุมัติสติ๊กเกอร์รวดเร็วขึ้นมาก จากที่เคยใช้เวลาหลายเดือน กว่าที่สติ๊กเกอร์แต่ละชุดจะผ่านการพิจารณาออกจำหน่ายได้ ก็ลดเวลาลงมาเป็น 1-2 เดือน จนถึงปัจจุบันที่ใช้เวลาเพียงประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น ก็ยิ่งทำให้มีสติ๊กเกอร์ชุดใหม่ ๆ ออกมาวางขายในไลน์สโตร์เยอะขึ้นมากกกกกกก...(ก.ไก่ล้านตัว)
ทุกวันนี้ มีสติ๊กเกอร์ให้เลือกมากจนตาลาย นับเฉพาะสติ๊กเกอร์ครีเอเตอร์ก็น่าจะราว ๆ 700,000 ชุดเข้าไปแล้ว ไหนจะสติ๊กเกอร์ทางการอีก
ดังนั้น ครีเอเตอร์ไม่เพียงจะต้องแข่งกับครีเอเตอร์รายอื่นเท่านั้น แต่ต้องแข่งกับสติ๊กเกอร์ทางการที่ราคาก็พอ ๆ กันแล้ว (ทีแรก ครีเอเตอร์สติ๊กเกอร์จะมีราคา 30 บาท ส่วนสติ๊กเกอร์ทางการ 60 บาท) แถมสติ๊กเกอร์ทางการบางชุดยังมีลูกเล่นเหนือกว่าในราคาเดียวกัน ...ซึ่งก็เข้าใจค่ะ เพราะสติ๊กเกอร์ทางการมีค่าใช้จ่ายสูงในการทำ ถ้ามีความเสียเปรียบในการขาย ก็คงไม่มีใครอยากลงทุน
ทั้งยังมีสติ๊กเกอร์ให้โหลดฟรีอยู่เรื่อย ๆ การจะเอาชนะใจผู้ซื้อให้ยอมควักกระเป๋า ...มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า ไม่ใช่ต้องการจะให้อ่านแล้วท้อใจ เพื่อลดจำนวนครีเอเตอร์คู่แข่งนะคะ เพียงแต่อยากจะบอกผู้ที่หวังจะประสบความสำเร็จจากการขายสติ๊กเกอร์ไลน์จนถึงขั้นร่ำรวยว่า...
“โอกาสนั้นมีเสมอหากยังไม่สิ้นหวัง ...แต่คงเกิดขึ้นจริงได้ยากค่ะ” 555 (me // หัวเราะขมขื่นพร้อมปาดน้ำตา)
แต่ช้าก่อน... อย่าเพิ่งท้อใจจนหยุดฝัน
เพราะแม้ว่าจะไม่ร่ำรวยอย่างใจหวัง แต่จากประสบการณ์ของคน ๆ หนึ่งที่สติ๊กเกอร์แต่ละชุดที่ทำ ไม่เคยติด 100 อันดับแรกของสติ๊กเกอร์ขายดี (อย่าว่าแต่ 100 อันดับแรก... แค่ 10 หน้าแรกในไลน์สโตร์ ยังไปไม่ถึงเลยค่ะคู้ณณณณณ...) แถมสติ๊กเกอร์บางชุดก็ไม่มียอดโหลดเลยทั้งเดือน แต่อาศัยลูกอึดลูกทน ขยันวาดขยันส่ง จนมีผลงานหลายชุด
นี่เป็นส่วนแบ่งล่าสุดที่ได้รับค่ะ
น่าจะเป็นตัวอย่างรายได้ของครีเอเตอร์ส่วนใหญ่ที่ไม่โดดเด่น ส่วนตัวอาศัยว่ามีสติ๊กเกอร์เยอะมากกกกก... พอมียอดโหลดตัวละนิดล่ะหน่อย รวม ๆ กันก็เลยพอได้เป็นค่าขนม
ครีเอเตอร์ที่มีสติ๊กเกอร์ไม่กี่ตัวแล้วได้เงินน้อยกว่าในภาพ อย่าเพิ่งเบ้ปากมองบนใส่กันนะคะ นี่ไม่ใช่การ “อวด” รายได้ค่ะ แต่เป็นการ “ประจาน” รายได้ของตัวเอง 555 เพราะจากจำนวนสติ๊กเกอร์ทั้งหมดที่มี หารเฉลี่ยแล้ว จขกท.ขายได้ตัวละร้อยกว่าเยนเองนะคะ (me // ร้องไห้หนักมาก)
ยอมรับตรง ๆ ว่าคงเพราะสติ๊กเกอร์ที่ทำ มันก็ไม่สวยงามน่าใช้เท่าไหร่ แต่ครีเอเตอร์ที่วาดเก่งวาดสวย อาจจะขายไม่ดีเสมอไปหรอกค่ะ ลองดูสติ๊กเกอร์ขายดีในไลน์สโตร์สิคะ สติ๊กเกอร์บางชุดก็ไม่จัดว่าสวย แต่มีดีที่แนวคิดโดนใจ บางชุดก็น่าจะเพราะมีฐานแฟนคลับช่วยสนับสนุน
หากแนวคิดบ้าน ๆ ฝีมือการวาดเบ ๆ แถมโปรโมทสติ๊กเกอร์ไม่เป็น ก็ต้องทำใจหน่อยค่ะว่ารายได้คงประมาณนี้แหละ (ถ้ามีจำนวนสติ๊กเกอร์หลายชุดเหมือนกัน)
เพราะฉะนั้น ครีเอเตอร์หน้าใหม่ที่คิดว่าวาดหรือทำสติ๊กเกอร์เองได้ ก็ลองดูค่ะ การส่งพิจารณาไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่เสียหายอะไร ลองให้รู้ เห็นผลว่าออกหัวหรือออกก้อยแล้วค่อยมาคิดดูว่าจะสู้ต่อมั้ย ถ้ามีทางอื่นในการหารายได้เสริมที่ดีกว่าก็ไปเถอะ อย่าเสียเวลาเลย แต่ถ้าว่างและไม่มีทางไป ก็มาทำสติ๊กเกอร์หลาย ๆ ชุดเป็นเพื่อนกันนะ 555+
สำหรับผู้ที่คิดจะจ้างทำสติ๊กเกอร์ ก็ลองพิจารณาดูค่ะว่าน่าจะคุ้มมั้ย ปัจจุบันมีครีเอเตอร์หลายรายรับจ้างวาดสติ๊กเกอร์ให้กับผู้ที่สนใจที่ไม่อยากวาดเอง มีหลายราคาตามความสามารถของผู้วาดและคุณภาพผลงาน
ปัจจุบัน ครีเอเตอร์จะได้ส่วนแบ่งรายได้จากการขายสติ๊กเกอร์ 35% จากยอดขายค่ะ ซึ่งหักภาษีแล้ว จะเหลือประมาณ 29% สรุปว่า สติ๊กเกอร์ไลน์แบบธรรมดา ราคา 30 บาท เมื่อมีผู้ซื้อ 1 คน ครีเอเตอร์จะได้ส่วนแบ่งประมาณ 8-9 บาท จะคุ้มค่าน่าลองมั้ย...ก็ลองคำนวณดูว่าต้องมีผู้ซื้อกี่คนจึงจะถอนทุนคืนได้
เช่น สมมติว่าจ้างทำ 5,000 บาท ต้องขายให้ได้ประมาณ 600 คนถึงจะถอนทุนคืน (นี่ยังไม่รวมทุนที่อาจต้องใช้ในการโปรโมทนะคะ) หากคิดสะระตะแล้วว่า เรามีคนรู้จักที่พอจะเชิญชวนแกมบังคับให้ช่วยซื้อได้ซัก 50 คน (โทษฐานที่รู้จักกัน 555) และมีญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงที่เราสามารถบีบน้ำตา นั่งกอดขา อ้อนวอนให้ช่วยอุดหนุนอีกซัก 50 คน (555+) นั่นหมายถึง หากมีคนอื่น ๆ มาซื้ออีกไม่ถึง 500 คน เราก็ขาดทุนนะคะ
อันที่จริง จากจำนวนผู้ใช้ไลน์ในประเทศไทยที่มีมากถึง 50 ล้านคน (สรุปข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2559) การจะหาคนมาซื้อสติ๊กเกอร์แค่เพียง 500 คน มันไม่น่าจะยากเลย
แต่เอาเข้าจริง... มันยากค่ะ
เพราะสติ๊กเกอร์ทั้งหมดน่าจะมีเป็นล้านชุดแล้ว นับที่ออกใหม่ในแต่ละวันก็หลักร้อย เพราะฉะนั้น คนส่วนใหญ่จึงไม่เห็นสติ๊กเกอร์ของเรา
ต่อให้วาดดี มีคำพูดโดน ๆ แต่คนไม่เห็นซะอย่างก็จบข่าวค่ะ
เพราะฉะนั้น การหาวิธีโปรโมทสติ๊กเกอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคิดวางแผนไว้ด้วยเสมอ
ถ้าจะให้แนะนำว่ามีเคล็ดลับในการโปรโมทยังไงให้สติ๊กเกอร์ขายดี อันนี้คงจะบอกไม่ได้ ไม่ใช่เพราะหวงความรู้ แต่เป็นเพราะที่ทำ ๆ อยู่ ก็ยังไม่เคยขายดีเลยต่างหาก 555
ที่ครีเอเตอร์ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จในการขาย เคยเผยแพร่เป็นวิทยาทานไว้ในกระทู้หรือบล็อกต่าง ๆ ก็เช่น...
• ให้สร้างเพจ / อินสตราแกรม / ทวิตเตอร์ / บล็อกเพื่อให้คนรู้จักและมีช่องทางจะติดตามเราได้
• ไปโพสต์ตามกลุ่มเฟสบุ๊ค / เพจ / เว็บไซต์ หรือกระทู้ที่เค้าอนุญาต
• แจกสติ๊กเกอร์ฟรีให้คนอื่น ๆ ได้ลองใช้ เผื่อว่าเพื่อน ๆ ของเค้าเห็นเข้าแล้วจะติดใจ อยากซื้อมาใช้บ้าง
• เสียเงินโฆษณาทางเฟสบุ๊ค หรือร้านค้าสติ๊กเกอร์
ฯลฯ
คือถ้าหาทางทำให้สติ๊กเกอร์ขายดีมาก ๆ ในวันแรก ๆ ที่วางขายได้ มันจะทำให้สติ๊กเกอร์ของเราไต่อันดับสติ๊กเกอร์ขายดีไปหน้าแรก ๆ ได้เร็วค่ะ เมื่อสติ๊กเกอร์ไปอยู่หน้าแรก ๆ ได้ โอกาสที่คนอื่นจะเห็นก็เยอะ เมื่อคนเห็นเยอะ ๆ โอกาสที่จะมีคนซื้อก็เพิ่มขึ้น
คราวนี้ถ้าสติ๊กเกอร์ของเราโดนใจคนที่เห็น ทั้งอาจจะเห็นจากหน้าแรก ๆ ในไลน์สโตร์ หรือเห็นจากที่เพื่อน ๆ ส่งมาเวลาแชทไลน์กัน ก็จะทำให้สติ๊กเกอร์ของเรายิ่งขายดีไปใหญ่ค่ะ
ตามประสาครีเอเตอร์ที่ “A ทฤษฎี แต่ E ปฏิบัติ” ก็รู้นะคะว่าควรทำไง แต่ทำแล้วมันไม่ได้ผลตามนั้นน่ะสิ เฮ้อ... อย่างที่เล่าแล้ว สติ๊กเกอร์ที่ทำไม่เคยขึ้นไป 10 หน้าแรกในไลน์สโตร์ได้เลย อาศัยขายได้บ้างโดยอาศัยผู้ซื้อเอาไปใช้ แล้วคนที่เห็นถูกใจ ซื้อใช้ตามกันนั่นแหละค่ะ ซึ่งยอดขายจะเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ แบบน้ำหยดลงหิน วันละโหลดสองโหลด 555+ (ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่)
ส่วนตัวเคยลองทำการโปรโมทหลายวิธีค่ะ เห็นด้วยว่าได้ผลดีกว่านั่งหายใจทิ้งรอโชคชะตาอยู่เฉย ๆ ...แต่ก็ไม่เสมอไป บางครั้งทำแล้วเสียดายเงิน คิดว่า...รู้งี้ไม่ทำดีกว่า...ก็มีบ้างเหมือนกัน 555+
ของคนอื่นไม่รู้นะคะ แต่จากประสบการณ์ที่เคยทำ การไปโพสต์ฝากตามกลุ่มในเฟสบุ๊คนี่ ได้ผลตอบรับดีที่สุดเลยค่ะ วิธีนี้จะเหมาะกับสติ๊กเกอร์ที่มีความเฉพาะเจาะจงกับความชอบ ความสนใจ หรือกลุ่มอาชีพ แต่ปัญหาใหญ่ที่พบก็คือ ผู้ดูแลกลุ่มหลายกลุ่มไม่อนุญาตให้มีการโพสต์ขายของน่ะค่ะ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือเป็นการแล้งน้ำใจแต่อย่างใด เพราะคิดถึงใจเขาใจเราว่า ถ้าเค้าปล่อยให้ใคร ๆ เข้าไปโพสต์ขายของได้ ในกลุ่มคงเต็มไปด้วยโพสต์ขายของ รกหูรกตา(ไม่)น่าดู ครีเอเตอร์ที่อยากใช้วิธีนี้ ก่อนจะโพสต์ก็ต้องดูกฎกติกาของกลุ่มนั้น ๆ ด้วยนะคะ
ยังไงก็ตาม แม้แต่ในกลุ่มที่อนุญาตให้โพสต์ แถมผู้ดูแลกลุ่มยังมากดถูกใจให้ด้วย (me // น้ำตาจิไหล ซึ้งใจมากมาย) เมื่อปล่อยสติ๊กเกอร์ตัวใหม่ ๆ ออกขาย จขกท.ก็ไม่ค่อยกล้าไปโพสต์แล้วล่ะค่ะ คือเกรงใจ กลัวจะเป็นการรบกวน หลัง ๆ ก็เลยไม่ค่อยโปรโมท ได้แต่หลับหูหลับตาวาดไปเรื่อย ๆ อย่างเดียว 555
ว่าที่ครีเอเตอร์หน้าใหม่ที่อยากลองของ แต่ไม่อยากปวดใจกับยอดขาย อย่าลืมวางแผนเรื่องการโปรโมทสติ๊กเกอร์ไว้ด้วยนะคะ
ทำเพื่อโปรโมทสินค้า / บริการ???
แทนที่จะทำเป็น Sponsor sticker ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ทางไลน์ในหลักล้าน แลกกับการสร้างการรับรู้แบรนด์และเปิดช่องทางสื่อสารกับสมาชิก โดยผู้ที่ต้องการใช้สติ๊กเกอร์จะโหลดสติ๊กเกอร์นั้นมาใช้ได้ฟรี แต่ต้องกดเพิ่มเพื่อนกับทางผลิตภัณฑ์ / บริษัทหรือหน่วยงานที่เป็นเจ้าของสติ๊กเกอร์ก่อน สติ๊กเกอร์แบบนี้จะมีกำหนดระยะเวลาให้ดาวน์โหลดและใช้งาน
เจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถใช้ Creator sticker แทนได้ค่ะ ข้อดีคือ ค่าใช้จ่ายไม่สูง (เสียแค่ค่าจ้างวาดสติ๊กเกอร์) และสติ๊กเกอร์ที่ส่งให้ไม่มีหมดอายุ แต่ผู้ใช้ไม่สามารถโหลดมาใช้ได้ฟรีนะคะ ต้องมีการเสียเงินซื้อสติ๊กเกอร์ค่ะ
ซึ่งทางเจ้าของผลิตภัณฑ์อาจเป็นผู้ซื้อแล้วส่งเป็นของขวัญให้กับลูกค้าของตัวเองก็ได้ค่ะ เงินส่วนหนึ่งจากการขายก็จะกลับคืนมายังเจ้าของผลิตภัณฑ์ ก็เหมือนซื้อสติ๊กเกอร์ได้ในราคาถูกกว่าคนทั่วไปนั่นเอง เช่น เมื่อมีลูกค้ามาซื้อสินค้าของเรา 100 คน เราก็ซื้อสติ๊กเกอร์ส่งให้ลูกค้าเป็นเงิน 30 (บาท) x 100 (คน) = 3,000 บาท เมื่อไลน์สรุปยอดการขายก็จะแบ่งเงินรายได้กลับคืนมาให้เราประมาณ 800-900 บาท
อย่างไรก็ตามการใช้ Creator sticker จัดเป็นกลยุทธ์ส่งเสริมการขายมากกว่าเปิดช่องทางสื่อสารกับสมาชิกนะคะ เพราะ Creator sticker ไม่มีระบบส่งข้อความถึงสมาชิก เหมือน Sponsor sticker ซึ่งเจ้าของผลิตภัณฑ์อาจใช้ LINE@ เพื่อตอบสนองความต้องการในส่วนนี้แทนค่ะ
เพื่อใช้เอง / เป็นของขวัญ สำหรับคนพิเศษในโอกาสพิเศษ
เคยเห็นสติ๊กเกอร์ของคู่บ่าวสาวหลายชุดอยู่เหมือนกันนะคะ
เพราะฉะนั้น ถ้าใครอยากทำสติ๊กเกอร์ครบรอบปีที่คบกับแฟน, แสดงความยินดีที่ญาติรับปริญญา หรือ ฉลองแซยิดอากง ก็คงไม่ผิดกติกาแต่ประการใด เอาเลยค่ะ... ได้หมดถ้าสดชื่น 555
ฝากถึงว่าที่ครีเอเตอร์มือใหม่ ในวันที่ตลาดวาย
ทำเพื่อเงิน ???
คนส่วนใหญ่ก็คงจะตอบแบบนี้ ซึ่งมันก็จริงที่สติ๊กเกอร์ไลน์สามารถสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์ได้ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่มีสติ๊กเกอร์ให้เลือกซื้อไม่มาก แถมส่วนแบ่งรายได้จากไลน์ก็เยอะ ขนาดนักวาดมือสมัครเล่นที่สติ๊กเกอร์ไม่เด่นดังติด 100 อันดับแรก ยังเห็นเงินเป็นกอบเป็นกำ แล้วนักวาดที่สติ๊กเกอร์ขายดีล่ะ...จะขนาดไหน
เมื่อรายได้มันหอมหวน ก็ชวนให้คนเคลิ้มฝัน ผันตัวเองมาเป็นครีเอเตอร์หน้าใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งต่อมา ไลน์อนุมัติสติ๊กเกอร์รวดเร็วขึ้นมาก จากที่เคยใช้เวลาหลายเดือน กว่าที่สติ๊กเกอร์แต่ละชุดจะผ่านการพิจารณาออกจำหน่ายได้ ก็ลดเวลาลงมาเป็น 1-2 เดือน จนถึงปัจจุบันที่ใช้เวลาเพียงประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น ก็ยิ่งทำให้มีสติ๊กเกอร์ชุดใหม่ ๆ ออกมาวางขายในไลน์สโตร์เยอะขึ้นมากกกกกกก...(ก.ไก่ล้านตัว)
ทุกวันนี้ มีสติ๊กเกอร์ให้เลือกมากจนตาลาย นับเฉพาะสติ๊กเกอร์ครีเอเตอร์ก็น่าจะราว ๆ 700,000 ชุดเข้าไปแล้ว ไหนจะสติ๊กเกอร์ทางการอีก
ดังนั้น ครีเอเตอร์ไม่เพียงจะต้องแข่งกับครีเอเตอร์รายอื่นเท่านั้น แต่ต้องแข่งกับสติ๊กเกอร์ทางการที่ราคาก็พอ ๆ กันแล้ว (ทีแรก ครีเอเตอร์สติ๊กเกอร์จะมีราคา 30 บาท ส่วนสติ๊กเกอร์ทางการ 60 บาท) แถมสติ๊กเกอร์ทางการบางชุดยังมีลูกเล่นเหนือกว่าในราคาเดียวกัน ...ซึ่งก็เข้าใจค่ะ เพราะสติ๊กเกอร์ทางการมีค่าใช้จ่ายสูงในการทำ ถ้ามีความเสียเปรียบในการขาย ก็คงไม่มีใครอยากลงทุน
ทั้งยังมีสติ๊กเกอร์ให้โหลดฟรีอยู่เรื่อย ๆ การจะเอาชนะใจผู้ซื้อให้ยอมควักกระเป๋า ...มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า ไม่ใช่ต้องการจะให้อ่านแล้วท้อใจ เพื่อลดจำนวนครีเอเตอร์คู่แข่งนะคะ เพียงแต่อยากจะบอกผู้ที่หวังจะประสบความสำเร็จจากการขายสติ๊กเกอร์ไลน์จนถึงขั้นร่ำรวยว่า...
“โอกาสนั้นมีเสมอหากยังไม่สิ้นหวัง ...แต่คงเกิดขึ้นจริงได้ยากค่ะ” 555 (me // หัวเราะขมขื่นพร้อมปาดน้ำตา)
แต่ช้าก่อน... อย่าเพิ่งท้อใจจนหยุดฝัน
เพราะแม้ว่าจะไม่ร่ำรวยอย่างใจหวัง แต่จากประสบการณ์ของคน ๆ หนึ่งที่สติ๊กเกอร์แต่ละชุดที่ทำ ไม่เคยติด 100 อันดับแรกของสติ๊กเกอร์ขายดี (อย่าว่าแต่ 100 อันดับแรก... แค่ 10 หน้าแรกในไลน์สโตร์ ยังไปไม่ถึงเลยค่ะคู้ณณณณณ...) แถมสติ๊กเกอร์บางชุดก็ไม่มียอดโหลดเลยทั้งเดือน แต่อาศัยลูกอึดลูกทน ขยันวาดขยันส่ง จนมีผลงานหลายชุด
นี่เป็นส่วนแบ่งล่าสุดที่ได้รับค่ะ
น่าจะเป็นตัวอย่างรายได้ของครีเอเตอร์ส่วนใหญ่ที่ไม่โดดเด่น ส่วนตัวอาศัยว่ามีสติ๊กเกอร์เยอะมากกกกก... พอมียอดโหลดตัวละนิดล่ะหน่อย รวม ๆ กันก็เลยพอได้เป็นค่าขนม
ครีเอเตอร์ที่มีสติ๊กเกอร์ไม่กี่ตัวแล้วได้เงินน้อยกว่าในภาพ อย่าเพิ่งเบ้ปากมองบนใส่กันนะคะ นี่ไม่ใช่การ “อวด” รายได้ค่ะ แต่เป็นการ “ประจาน” รายได้ของตัวเอง 555 เพราะจากจำนวนสติ๊กเกอร์ทั้งหมดที่มี หารเฉลี่ยแล้ว จขกท.ขายได้ตัวละร้อยกว่าเยนเองนะคะ (me // ร้องไห้หนักมาก)
ยอมรับตรง ๆ ว่าคงเพราะสติ๊กเกอร์ที่ทำ มันก็ไม่สวยงามน่าใช้เท่าไหร่ แต่ครีเอเตอร์ที่วาดเก่งวาดสวย อาจจะขายไม่ดีเสมอไปหรอกค่ะ ลองดูสติ๊กเกอร์ขายดีในไลน์สโตร์สิคะ สติ๊กเกอร์บางชุดก็ไม่จัดว่าสวย แต่มีดีที่แนวคิดโดนใจ บางชุดก็น่าจะเพราะมีฐานแฟนคลับช่วยสนับสนุน
หากแนวคิดบ้าน ๆ ฝีมือการวาดเบ ๆ แถมโปรโมทสติ๊กเกอร์ไม่เป็น ก็ต้องทำใจหน่อยค่ะว่ารายได้คงประมาณนี้แหละ (ถ้ามีจำนวนสติ๊กเกอร์หลายชุดเหมือนกัน)
เพราะฉะนั้น ครีเอเตอร์หน้าใหม่ที่คิดว่าวาดหรือทำสติ๊กเกอร์เองได้ ก็ลองดูค่ะ การส่งพิจารณาไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่เสียหายอะไร ลองให้รู้ เห็นผลว่าออกหัวหรือออกก้อยแล้วค่อยมาคิดดูว่าจะสู้ต่อมั้ย ถ้ามีทางอื่นในการหารายได้เสริมที่ดีกว่าก็ไปเถอะ อย่าเสียเวลาเลย แต่ถ้าว่างและไม่มีทางไป ก็มาทำสติ๊กเกอร์หลาย ๆ ชุดเป็นเพื่อนกันนะ 555+
สำหรับผู้ที่คิดจะจ้างทำสติ๊กเกอร์ ก็ลองพิจารณาดูค่ะว่าน่าจะคุ้มมั้ย ปัจจุบันมีครีเอเตอร์หลายรายรับจ้างวาดสติ๊กเกอร์ให้กับผู้ที่สนใจที่ไม่อยากวาดเอง มีหลายราคาตามความสามารถของผู้วาดและคุณภาพผลงาน
ปัจจุบัน ครีเอเตอร์จะได้ส่วนแบ่งรายได้จากการขายสติ๊กเกอร์ 35% จากยอดขายค่ะ ซึ่งหักภาษีแล้ว จะเหลือประมาณ 29% สรุปว่า สติ๊กเกอร์ไลน์แบบธรรมดา ราคา 30 บาท เมื่อมีผู้ซื้อ 1 คน ครีเอเตอร์จะได้ส่วนแบ่งประมาณ 8-9 บาท จะคุ้มค่าน่าลองมั้ย...ก็ลองคำนวณดูว่าต้องมีผู้ซื้อกี่คนจึงจะถอนทุนคืนได้
เช่น สมมติว่าจ้างทำ 5,000 บาท ต้องขายให้ได้ประมาณ 600 คนถึงจะถอนทุนคืน (นี่ยังไม่รวมทุนที่อาจต้องใช้ในการโปรโมทนะคะ) หากคิดสะระตะแล้วว่า เรามีคนรู้จักที่พอจะเชิญชวนแกมบังคับให้ช่วยซื้อได้ซัก 50 คน (โทษฐานที่รู้จักกัน 555) และมีญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงที่เราสามารถบีบน้ำตา นั่งกอดขา อ้อนวอนให้ช่วยอุดหนุนอีกซัก 50 คน (555+) นั่นหมายถึง หากมีคนอื่น ๆ มาซื้ออีกไม่ถึง 500 คน เราก็ขาดทุนนะคะ
อันที่จริง จากจำนวนผู้ใช้ไลน์ในประเทศไทยที่มีมากถึง 50 ล้านคน (สรุปข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2559) การจะหาคนมาซื้อสติ๊กเกอร์แค่เพียง 500 คน มันไม่น่าจะยากเลย
แต่เอาเข้าจริง... มันยากค่ะ
เพราะสติ๊กเกอร์ทั้งหมดน่าจะมีเป็นล้านชุดแล้ว นับที่ออกใหม่ในแต่ละวันก็หลักร้อย เพราะฉะนั้น คนส่วนใหญ่จึงไม่เห็นสติ๊กเกอร์ของเรา
ต่อให้วาดดี มีคำพูดโดน ๆ แต่คนไม่เห็นซะอย่างก็จบข่าวค่ะ
เพราะฉะนั้น การหาวิธีโปรโมทสติ๊กเกอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคิดวางแผนไว้ด้วยเสมอ
ถ้าจะให้แนะนำว่ามีเคล็ดลับในการโปรโมทยังไงให้สติ๊กเกอร์ขายดี อันนี้คงจะบอกไม่ได้ ไม่ใช่เพราะหวงความรู้ แต่เป็นเพราะที่ทำ ๆ อยู่ ก็ยังไม่เคยขายดีเลยต่างหาก 555
ที่ครีเอเตอร์ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จในการขาย เคยเผยแพร่เป็นวิทยาทานไว้ในกระทู้หรือบล็อกต่าง ๆ ก็เช่น...
• ให้สร้างเพจ / อินสตราแกรม / ทวิตเตอร์ / บล็อกเพื่อให้คนรู้จักและมีช่องทางจะติดตามเราได้
• ไปโพสต์ตามกลุ่มเฟสบุ๊ค / เพจ / เว็บไซต์ หรือกระทู้ที่เค้าอนุญาต
• แจกสติ๊กเกอร์ฟรีให้คนอื่น ๆ ได้ลองใช้ เผื่อว่าเพื่อน ๆ ของเค้าเห็นเข้าแล้วจะติดใจ อยากซื้อมาใช้บ้าง
• เสียเงินโฆษณาทางเฟสบุ๊ค หรือร้านค้าสติ๊กเกอร์
ฯลฯ
คือถ้าหาทางทำให้สติ๊กเกอร์ขายดีมาก ๆ ในวันแรก ๆ ที่วางขายได้ มันจะทำให้สติ๊กเกอร์ของเราไต่อันดับสติ๊กเกอร์ขายดีไปหน้าแรก ๆ ได้เร็วค่ะ เมื่อสติ๊กเกอร์ไปอยู่หน้าแรก ๆ ได้ โอกาสที่คนอื่นจะเห็นก็เยอะ เมื่อคนเห็นเยอะ ๆ โอกาสที่จะมีคนซื้อก็เพิ่มขึ้น
คราวนี้ถ้าสติ๊กเกอร์ของเราโดนใจคนที่เห็น ทั้งอาจจะเห็นจากหน้าแรก ๆ ในไลน์สโตร์ หรือเห็นจากที่เพื่อน ๆ ส่งมาเวลาแชทไลน์กัน ก็จะทำให้สติ๊กเกอร์ของเรายิ่งขายดีไปใหญ่ค่ะ
ตามประสาครีเอเตอร์ที่ “A ทฤษฎี แต่ E ปฏิบัติ” ก็รู้นะคะว่าควรทำไง แต่ทำแล้วมันไม่ได้ผลตามนั้นน่ะสิ เฮ้อ... อย่างที่เล่าแล้ว สติ๊กเกอร์ที่ทำไม่เคยขึ้นไป 10 หน้าแรกในไลน์สโตร์ได้เลย อาศัยขายได้บ้างโดยอาศัยผู้ซื้อเอาไปใช้ แล้วคนที่เห็นถูกใจ ซื้อใช้ตามกันนั่นแหละค่ะ ซึ่งยอดขายจะเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ แบบน้ำหยดลงหิน วันละโหลดสองโหลด 555+ (ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่)
ส่วนตัวเคยลองทำการโปรโมทหลายวิธีค่ะ เห็นด้วยว่าได้ผลดีกว่านั่งหายใจทิ้งรอโชคชะตาอยู่เฉย ๆ ...แต่ก็ไม่เสมอไป บางครั้งทำแล้วเสียดายเงิน คิดว่า...รู้งี้ไม่ทำดีกว่า...ก็มีบ้างเหมือนกัน 555+
ของคนอื่นไม่รู้นะคะ แต่จากประสบการณ์ที่เคยทำ การไปโพสต์ฝากตามกลุ่มในเฟสบุ๊คนี่ ได้ผลตอบรับดีที่สุดเลยค่ะ วิธีนี้จะเหมาะกับสติ๊กเกอร์ที่มีความเฉพาะเจาะจงกับความชอบ ความสนใจ หรือกลุ่มอาชีพ แต่ปัญหาใหญ่ที่พบก็คือ ผู้ดูแลกลุ่มหลายกลุ่มไม่อนุญาตให้มีการโพสต์ขายของน่ะค่ะ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือเป็นการแล้งน้ำใจแต่อย่างใด เพราะคิดถึงใจเขาใจเราว่า ถ้าเค้าปล่อยให้ใคร ๆ เข้าไปโพสต์ขายของได้ ในกลุ่มคงเต็มไปด้วยโพสต์ขายของ รกหูรกตา(ไม่)น่าดู ครีเอเตอร์ที่อยากใช้วิธีนี้ ก่อนจะโพสต์ก็ต้องดูกฎกติกาของกลุ่มนั้น ๆ ด้วยนะคะ
ยังไงก็ตาม แม้แต่ในกลุ่มที่อนุญาตให้โพสต์ แถมผู้ดูแลกลุ่มยังมากดถูกใจให้ด้วย (me // น้ำตาจิไหล ซึ้งใจมากมาย) เมื่อปล่อยสติ๊กเกอร์ตัวใหม่ ๆ ออกขาย จขกท.ก็ไม่ค่อยกล้าไปโพสต์แล้วล่ะค่ะ คือเกรงใจ กลัวจะเป็นการรบกวน หลัง ๆ ก็เลยไม่ค่อยโปรโมท ได้แต่หลับหูหลับตาวาดไปเรื่อย ๆ อย่างเดียว 555
ว่าที่ครีเอเตอร์หน้าใหม่ที่อยากลองของ แต่ไม่อยากปวดใจกับยอดขาย อย่าลืมวางแผนเรื่องการโปรโมทสติ๊กเกอร์ไว้ด้วยนะคะ
ทำเพื่อโปรโมทสินค้า / บริการ???
แทนที่จะทำเป็น Sponsor sticker ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ทางไลน์ในหลักล้าน แลกกับการสร้างการรับรู้แบรนด์และเปิดช่องทางสื่อสารกับสมาชิก โดยผู้ที่ต้องการใช้สติ๊กเกอร์จะโหลดสติ๊กเกอร์นั้นมาใช้ได้ฟรี แต่ต้องกดเพิ่มเพื่อนกับทางผลิตภัณฑ์ / บริษัทหรือหน่วยงานที่เป็นเจ้าของสติ๊กเกอร์ก่อน สติ๊กเกอร์แบบนี้จะมีกำหนดระยะเวลาให้ดาวน์โหลดและใช้งาน
เจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถใช้ Creator sticker แทนได้ค่ะ ข้อดีคือ ค่าใช้จ่ายไม่สูง (เสียแค่ค่าจ้างวาดสติ๊กเกอร์) และสติ๊กเกอร์ที่ส่งให้ไม่มีหมดอายุ แต่ผู้ใช้ไม่สามารถโหลดมาใช้ได้ฟรีนะคะ ต้องมีการเสียเงินซื้อสติ๊กเกอร์ค่ะ
ซึ่งทางเจ้าของผลิตภัณฑ์อาจเป็นผู้ซื้อแล้วส่งเป็นของขวัญให้กับลูกค้าของตัวเองก็ได้ค่ะ เงินส่วนหนึ่งจากการขายก็จะกลับคืนมายังเจ้าของผลิตภัณฑ์ ก็เหมือนซื้อสติ๊กเกอร์ได้ในราคาถูกกว่าคนทั่วไปนั่นเอง เช่น เมื่อมีลูกค้ามาซื้อสินค้าของเรา 100 คน เราก็ซื้อสติ๊กเกอร์ส่งให้ลูกค้าเป็นเงิน 30 (บาท) x 100 (คน) = 3,000 บาท เมื่อไลน์สรุปยอดการขายก็จะแบ่งเงินรายได้กลับคืนมาให้เราประมาณ 800-900 บาท
อย่างไรก็ตามการใช้ Creator sticker จัดเป็นกลยุทธ์ส่งเสริมการขายมากกว่าเปิดช่องทางสื่อสารกับสมาชิกนะคะ เพราะ Creator sticker ไม่มีระบบส่งข้อความถึงสมาชิก เหมือน Sponsor sticker ซึ่งเจ้าของผลิตภัณฑ์อาจใช้ LINE@ เพื่อตอบสนองความต้องการในส่วนนี้แทนค่ะ
เพื่อใช้เอง / เป็นของขวัญ สำหรับคนพิเศษในโอกาสพิเศษ
เคยเห็นสติ๊กเกอร์ของคู่บ่าวสาวหลายชุดอยู่เหมือนกันนะคะ
เพราะฉะนั้น ถ้าใครอยากทำสติ๊กเกอร์ครบรอบปีที่คบกับแฟน, แสดงความยินดีที่ญาติรับปริญญา หรือ ฉลองแซยิดอากง ก็คงไม่ผิดกติกาแต่ประการใด เอาเลยค่ะ... ได้หมดถ้าสดชื่น 555