นานมาแล้วผมชอบอ่านและเขียนกลอนเปล่า เพราะรู้สึกว่ามันสื่อสาร และสามารถใช้คำได้ตรงกับความรู้สึกจริงๆ การอ่านกลอนเปล่าให้ได้อรรถรสควรอ่านช้าๆ ใช้ใจ(อย่าใช้สมอง) ประสานกับคำที่อ่าน ใช้ความรู้สึกร่วมไปกับผู้เขียน บ่อยครั้งผมอ่านหนึ่งวรรคแล้วปล่อยใจให้จินตนาการร่วมไปกับผู้แต่ง จะทำให้ใจอิ่มเอม บางครั้งการอ่านกลอนเปล่าอย่างจริงจังอาจรู้สึกเหนื่อยล้าเพระมันเต็มไปด้วย สัญญลักษณ์ (symbol) เปรียบเปรย (metaphor) ถ้าเราสามารถตีความตามที่ผู้เขียนหมายไว้ในรหัสนัยที่ซ่อนไว้จะทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งเข้าใจเนื้อในใจร่วมของมนุษย์ สำหรับผมมันคือจุดหมายปลายทางของกวี
กลอนเปล่าข้างล่างเป็นบทกวีที่ผมเขียนไว้นานแล้ว เคยตีพิมพ์ที่วารสารปาจารยสาร (ขอแถลงเผื่อใครได้เคยอ่าน)
วันนี้ฝนตกคิดถึงกวีบทนี้เลยเอามาแปลเป็นภาษาอังกฤษเล่นๆ
ภาพถ่ายแม่น้ำโขงฝั่งลาว
ฝนจากฟ้า
ฝนตกจากฟ้า
ไหลเลาะเรื่อยเอื่อย
ผ่านดิน หิน โคลน
คลุกเคล้า สีดำ สีแดง
ไหลลงสู่ห้วงมหานทีสีเทา.
มิถุนายน 2521
The rain from the sky
Rain has fallen from the sky
It's tardy crawling passing by
Crossing rugged muddy marl
Blackish... reddish unified
At last, it's drifting to the great gray river line.
2.7.2017
Bangkok
ฝนตกจากฟ้า (The rain from the sky)
กลอนเปล่าข้างล่างเป็นบทกวีที่ผมเขียนไว้นานแล้ว เคยตีพิมพ์ที่วารสารปาจารยสาร (ขอแถลงเผื่อใครได้เคยอ่าน)
วันนี้ฝนตกคิดถึงกวีบทนี้เลยเอามาแปลเป็นภาษาอังกฤษเล่นๆ
ภาพถ่ายแม่น้ำโขงฝั่งลาว
ฝนจากฟ้า
ฝนตกจากฟ้า
ไหลเลาะเรื่อยเอื่อย
ผ่านดิน หิน โคลน
คลุกเคล้า สีดำ สีแดง
ไหลลงสู่ห้วงมหานทีสีเทา.
มิถุนายน 2521
The rain from the sky
Rain has fallen from the sky
It's tardy crawling passing by
Crossing rugged muddy marl
Blackish... reddish unified
At last, it's drifting to the great gray river line.
2.7.2017
Bangkok