"เสาร์อาทิตย์กลางคืนว่างๆไม่รู้จะทำอะไร ถ้าเหนื่อยจากเรียน ทำงาน หรือเล่น ROV ลองหาหนัง DC มาดูซักเรื่องสิ"
นี่เป็นคำพูดที่เพื่อนผมเปรยไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมก็บ้าจี้เชื่อมัน เลยไปหาหนังการ์ตูนของ DC ดูๆ ก็เจอเรื่องนี้เข้า เห็นว่าเป็น Justice League (Dark) เหมือนกัน เลยดูซะหน่อย
เนื้อเรื่องก็ Dark ดีสมชื่อ มีตัวละครตาย ชาวเมืองตายจริงอะไรจริง เพราะโลกมีพวกตัวร้ายประหลาดๆอยู่ คนในจักรวาลหนัง superheroes เลยมีอยู่ 2 อย่าง คือ ไม่ตาย ก็รอด
หนังภาคนี้ค่อนข้างปานกลาง ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป เทียบกับหนังการ์ตูนในแฟรนไชส์หลายๆเรื่องก็จะให้เวลากับคนดูประมาณ 70-80 นาทีประมาณนี้
theme หลักของหนังจะโฟกัสไปที่ประเด็นแนวๆเวทมนตร์ พลังวิเศษ มนต์ดำ ปีศาจ และผี อะไรพวกนี้ ซึ่งก็ไม่ได้มีไรน่าแปลกใจเท่าใดนัก เมื่อมี John Constantine ปรากฏอยู่บนหน้าปกขนาดนี้ เรื่องก็คงไม่พ้นวิ่งไล่จับผีไปตามระเบียบนั่นแหละ (แต่ถึงจะไม่ใช่การไล่จับผีแบบ Scooby-Doo แต่ก็เป็นการไล่จับผีที่ค่อนข้างเหนื่อย และเฮฮาไม่แพ้ Scooby-Doo เลยเชียวล่ะ)
เรื่องนี้ Matt Ryan (คนแสดงซีรีส์ Constantine เวอร์ชั่น Live-action) ลงมือมาให้เสียงพากย์เองด้วยนะ ดังนั้นการันตีเรทความกวนโอ๊ยไม่น้อยไปกว่าในเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์แน่นอน
ซึ่งก็จะเน้นฮา เน้นตลกซะส่วนใหญ่ทุกครั้งที่ตัวละคร Constantine อ้าปาก ไม่ว่าจะบทพูดกวนๆ ประโยคยียวนๆน่าหมั่นไส้ๆ แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติไม่ค่อยติดขัดอะไร
บทสนทนาช่วงที่หนังย้อน flashback ให้ดูก็เก็บรายละเอียดดี บทพูดตัวละครเป็นภาษาอังกฤษยุคโบราณใช้ได้ๆ
ในส่วนของภาพกราฟฟิคยังไมค่อยพัฒนาเท่าไร เมื่อเทียบกับหนังการ์ตูนในแฟรนไชส์เดียวกัน ภาคอื่นๆ แถมยังไม่ค่อยเล่นแสงเงา และฉากหลังมากนัก เลยจะทำให้ดูทื่อๆไป เหมือนการ์ตูนยุคเก่าๆหน่อย
(แต่ special effect สวยๆหรูๆสีสันสะดุดตาแบบวงแหวนเวทย์แนวๆ Doctor Strange ก็มีแทรกมาให้ดูตลอดนะ)
ตอนจบของหนังก็ทำค่อนข้างดี มีหักมุมซิกแซกบ้างเล็กน้อยปะแล่มๆพอประมาณแบบไม่ให้คนดูเดาง่ายไป แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเดายากมากว่าจะจบแบบไหน แล้วตัวละครตัวไหนจะร่วง
มีหลายซีนที่ทำออกมาค่อนข้างให้ความหมายและสะท้อนทัศนคติของตัวละครสาย DC Comics ได้อย่างดี ตัวอย่างเช่น:
เช่นคำพูดของ Constantine ว่า "I expect the worst, so I prepare for the worst, and when the worst happens, I'm ready" (ฉันคาดคะเนถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดตลอด, ฉันจึงมักจะเตรียมตัวรับมือกับมัน, และท้ายสุดถ้าหากสิ่งที่เลวร้ายที่สุดมันเกิดขึ้นจริงๆ, ฉันนี่แหละที่จะพร้อมรับมือ)
คือมันมีความ Dark ความมืด ความมัวหมอง และทัศนะการมองโลกในแง่ร้ายที่เป็นเอกลักษณ์ลายเซ็นของตัวละคร DC หลายๆตัวอะ (ไม่ว่าจะ Batman, The Arrow อะไรพวกนี้ก็ชอบคิดแบบนี้ทั้งนั้น)
คือเป็นพวกคิดเสมอว่าสิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้น จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอด อย่างน้อยถ้ามันไม่เกิดก็ถือว่าไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้ามันบังเอิญเกิดขึ้นมาจริงๆ จะไดรับมือทัน
เรื่องนี้เสียอย่างเดียวพวกดนตรีประกอบไม่ค่อยดี ไม่ค่อยน่าสนใจเป็นเอกลักษณ์เท่าไร
และอีกข้อคือหน้าปกหลอกดาวมากๆ Batman เป็นตัวประกอบชัดๆ 555 แต่โดยรวมก็ดี สนุกดี พอใช้ได้ เอามาดูเวลาว่าง ไม่ต้องคิดไรมาก
ถ้าอ่านแล้วชอบก็เรียนเชิญมากดไลค์ที่เพจนะครับ
https://www.facebook.com/critiquesofeverything/
#Batman
#JusticeLeague
#Constantine
#WonderWoman
#Dark
#Film
#Noir
#DC
#Comics
[SR] Justice League Dark - เมื่อปีศาจมาเยือนโลก
"เสาร์อาทิตย์กลางคืนว่างๆไม่รู้จะทำอะไร ถ้าเหนื่อยจากเรียน ทำงาน หรือเล่น ROV ลองหาหนัง DC มาดูซักเรื่องสิ"
นี่เป็นคำพูดที่เพื่อนผมเปรยไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมก็บ้าจี้เชื่อมัน เลยไปหาหนังการ์ตูนของ DC ดูๆ ก็เจอเรื่องนี้เข้า เห็นว่าเป็น Justice League (Dark) เหมือนกัน เลยดูซะหน่อย
เนื้อเรื่องก็ Dark ดีสมชื่อ มีตัวละครตาย ชาวเมืองตายจริงอะไรจริง เพราะโลกมีพวกตัวร้ายประหลาดๆอยู่ คนในจักรวาลหนัง superheroes เลยมีอยู่ 2 อย่าง คือ ไม่ตาย ก็รอด
หนังภาคนี้ค่อนข้างปานกลาง ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป เทียบกับหนังการ์ตูนในแฟรนไชส์หลายๆเรื่องก็จะให้เวลากับคนดูประมาณ 70-80 นาทีประมาณนี้
theme หลักของหนังจะโฟกัสไปที่ประเด็นแนวๆเวทมนตร์ พลังวิเศษ มนต์ดำ ปีศาจ และผี อะไรพวกนี้ ซึ่งก็ไม่ได้มีไรน่าแปลกใจเท่าใดนัก เมื่อมี John Constantine ปรากฏอยู่บนหน้าปกขนาดนี้ เรื่องก็คงไม่พ้นวิ่งไล่จับผีไปตามระเบียบนั่นแหละ (แต่ถึงจะไม่ใช่การไล่จับผีแบบ Scooby-Doo แต่ก็เป็นการไล่จับผีที่ค่อนข้างเหนื่อย และเฮฮาไม่แพ้ Scooby-Doo เลยเชียวล่ะ)
เรื่องนี้ Matt Ryan (คนแสดงซีรีส์ Constantine เวอร์ชั่น Live-action) ลงมือมาให้เสียงพากย์เองด้วยนะ ดังนั้นการันตีเรทความกวนโอ๊ยไม่น้อยไปกว่าในเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์แน่นอน
ซึ่งก็จะเน้นฮา เน้นตลกซะส่วนใหญ่ทุกครั้งที่ตัวละคร Constantine อ้าปาก ไม่ว่าจะบทพูดกวนๆ ประโยคยียวนๆน่าหมั่นไส้ๆ แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติไม่ค่อยติดขัดอะไร
บทสนทนาช่วงที่หนังย้อน flashback ให้ดูก็เก็บรายละเอียดดี บทพูดตัวละครเป็นภาษาอังกฤษยุคโบราณใช้ได้ๆ
ในส่วนของภาพกราฟฟิคยังไมค่อยพัฒนาเท่าไร เมื่อเทียบกับหนังการ์ตูนในแฟรนไชส์เดียวกัน ภาคอื่นๆ แถมยังไม่ค่อยเล่นแสงเงา และฉากหลังมากนัก เลยจะทำให้ดูทื่อๆไป เหมือนการ์ตูนยุคเก่าๆหน่อย
(แต่ special effect สวยๆหรูๆสีสันสะดุดตาแบบวงแหวนเวทย์แนวๆ Doctor Strange ก็มีแทรกมาให้ดูตลอดนะ)
ตอนจบของหนังก็ทำค่อนข้างดี มีหักมุมซิกแซกบ้างเล็กน้อยปะแล่มๆพอประมาณแบบไม่ให้คนดูเดาง่ายไป แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเดายากมากว่าจะจบแบบไหน แล้วตัวละครตัวไหนจะร่วง
มีหลายซีนที่ทำออกมาค่อนข้างให้ความหมายและสะท้อนทัศนคติของตัวละครสาย DC Comics ได้อย่างดี ตัวอย่างเช่น:
เช่นคำพูดของ Constantine ว่า "I expect the worst, so I prepare for the worst, and when the worst happens, I'm ready" (ฉันคาดคะเนถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดตลอด, ฉันจึงมักจะเตรียมตัวรับมือกับมัน, และท้ายสุดถ้าหากสิ่งที่เลวร้ายที่สุดมันเกิดขึ้นจริงๆ, ฉันนี่แหละที่จะพร้อมรับมือ)
คือมันมีความ Dark ความมืด ความมัวหมอง และทัศนะการมองโลกในแง่ร้ายที่เป็นเอกลักษณ์ลายเซ็นของตัวละคร DC หลายๆตัวอะ (ไม่ว่าจะ Batman, The Arrow อะไรพวกนี้ก็ชอบคิดแบบนี้ทั้งนั้น)
คือเป็นพวกคิดเสมอว่าสิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้น จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอด อย่างน้อยถ้ามันไม่เกิดก็ถือว่าไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้ามันบังเอิญเกิดขึ้นมาจริงๆ จะไดรับมือทัน
เรื่องนี้เสียอย่างเดียวพวกดนตรีประกอบไม่ค่อยดี ไม่ค่อยน่าสนใจเป็นเอกลักษณ์เท่าไร
และอีกข้อคือหน้าปกหลอกดาวมากๆ Batman เป็นตัวประกอบชัดๆ 555 แต่โดยรวมก็ดี สนุกดี พอใช้ได้ เอามาดูเวลาว่าง ไม่ต้องคิดไรมาก
ถ้าอ่านแล้วชอบก็เรียนเชิญมากดไลค์ที่เพจนะครับ https://www.facebook.com/critiquesofeverything/
#Batman
#JusticeLeague
#Constantine
#WonderWoman
#Dark
#Film
#Noir
#DC
#Comics