หลังจากบินญี่ปุ่นสักพัก จากการเกาะติดอย่างไร้กาลเทศะของนักข่าวบางสำนัก ช่วงนี้เลยมีแต่กระทู้ด่านักข่าวบ้าง แขวะเจบ้าง ก็เลยลองคิดๆดูว่า การที่เราจะนำเสนอสิ่งเดิมๆซ้ำวนไปเรื่อยๆ นี่ อะไรมันคือสิ่งสำคัญ
Creative สิ่งที่ขาดหายไปจากสังคมไทย ความฉาบฉวยของสังคมไทย อะไรดังไม่ต้องต่อยอด ก็อปแบบลวกๆพอ ดูรายการประกวดร้องเพลงในบ้านเราสิมันมีเยอะแค่ไหน ข่าวฆาตกรที่ไปเกาะติด จะเซลพี่กับใคร จะใช้หนอนอะไร อยู่ในคุกเป็นยังไง จนนายกต้องออกมาด่า อย่างที่กล่าวข้างต้น “การที่เราจะนำเสนอสิ่งเดิมๆซ้ำวนไปเรื่อยๆ” สิ่งที่มันเกิดขึ้นคืออะไร ความจำเจไงละ ดังนั้นคนที่ควรจะส่งไปกับเจ มันไม่ควรจะเป็นนักข่าวที่ คิดไอเดียอะไรไม่ได้นอกจากถามวนไปกับนักเตะผู้จัดการทีมว่า เจ เป็นอย่างไร เล่นด้วยกันได้ไหม พอหมดมุขก็ไปบอกให้นักเตะเรียกเจอย่างโน้นอย่างนี้ (คุณไปในฐานะนักข่าว ไปขอเวลานักฟุตบอลเขาสัมภาษณ์ แล้วไปให้เขาทำอะไรแบบนี้เหรอ คนที่เขาให้สัมภาษณ์จะมองว่านักข่าวประเทศไทยเป็นแบบนี้หมดไหม ) คนที่ส่งไปน่าจะเป็น Creative ที่คิด Content ให้เพื่อเพิ่มมูลค่ากับตัวเจหรือเปล่า ไม่ผิดนะถ้าคุณจะมองว่าเจเป็นสินค้าของคุณ แต่วิธีการนำเสนอของคุณ ผู้บริหาร ของบริษัทที่อยู่ในตลาด หลักทรัพย์ ดูไม่ออกเหรอว่ามัน เพิ่มหรือลดมูลค่าของสินค้า
AF, The Star, The Voiceฯลฯ ถ้าเปรียบเทียบรายการกับกรณีเจ คอมเมนเตเตอร์ คือผู้จัดการทีม เขายังจัดแค่อาทิตย์ละครั้ง สัมภาษณ์อาทิตย์ละครั้ง มันไม่มีหรอกครับ เอาไมค์ไปจ่อทุกวัน ทีมกำลังจะลงแข่ง แต่ไปถามถึง คนที่ยังไม่มีชื่อในทีม ตัวอย่างง่ายๆ AF ก็แค่ถ่ายตอนอยู่ในบ้านไม่ได้รายงานอะไร มีไหมซ้อมร้องเพลงเสร็จเอาไมค์ไปจ่อครูฝึกถามว่า ร้องได้ขนาดนี้ต้องได้เข้ารอบแน่ๆเลยใช่ไหมครับ ต้องร้องคู่กับคนนั้นคนนี้ได้สบายๆเลยใช่ไหมครับ และเอาไปถามอย่างนี้ๆทุกๆวัน อันนี้ขนาดงานบันเทิงนะเขายังรู้เลยว่ามันเฝือ
ได้ไปอยู่ประจำแล้วแล้วจะให้คนติดตามสนับสนุนทีม คุณไปทำสกู๊ปนักเตะ ในทีมแต่แต่ละคนเลยไม่ดีกว่ารึ ชินจิ โอโนะ ไม่ต้องให้เขาพูดถึงเจ ไม่ต้องให้เขาเรียกเจว่าลิงนั่นลิงนี่ ลองถามเขาลองให้เขาเล่าประสบการณ์ในยุโรป ตอนได้แชมป์ที่ยุโรปรู้สึกอย่างไร (ลองคิดดูว่าคุณถามแบบนี้กับแบบที่ทำอยู่คนสัมภาษณ์จะคิดอย่างไรกับเราจะมองเราแบบไหน) บอกประวัติให้คนไทยรู้ ว่าคนนี้นะ เคยเล่นในยุโรป เป็นตัวหลัก ได้แชมป์ยูโรป้าด้วย ถ้วยเดียวกับที่ มูจูบ ที่ซลาตันเอาเท้าจุ่มนี่ละ ให้รู้ว่าคนที่อยู่ทีมเดียวกับเจเขามีโปรไฟล์ขนาดไหน ดีแค่ไหนที่ได้มีโอกาสเล่นกับคนที่มีประสบการณ์ระดับนี้
ตัวผมเองทันแค่สมัยซิโก้ไปอังกฤษ (ตอนลีซอไม่ได้อยู่ประเทศไทยเลยไม่ค่อยรู้กระแส) นักข่าวก็ไปเกาะติดแบบนี้เหมือนกัน ผ่านไปสิบกว่าปี มันไม่มีการพัฒนาอะไรขึ้นเลย เกาะติดว่าวันนี้ ซิโก้กินปลาร้ากี่ตัว เข้าห้องน้ำกี่ครั้ง ไปขอสัมภาษณ์ถามนำให้เขาอวยนักเตะเรา ทั้งๆที่ไม่ได้ลงไม่มีชื่อ สตีฟ บรูซ ผู้จัดการทีมตอนนั้น เคยทำสกู๊ปไหมตอนเป็นนักเตะเขาเก่งแค่ไหน ได้แชมป์อะไรบ้าง เอาที่มันเป็นเชิงสร้างสรรค์ ไม่ใช่งานเช้าชามเย็นชาม เช้าตื่นตามไปดูบอล ถามๆๆ กลับ เย็นมาถ่ายในบ้าน เสร็จงาน จนถึงมุ้ยก็ไม่แตกต่างกัน
ผมไม่ได้แอนตี้เจ เชียร์ด้วยแต่รู้สึกว่าการทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเด็กมันเลย ฆ่ามันทางอ้อมด้วยซ้ำ ตอนนี้ ได้แค่ซ้อมอย่างเดียวแต่คุณไม่เคยเสนอข่าวเลยว่ากว่าจะลงทะเบียนนักเตะ อีกเกือบเดือน คนที่ไม่รู้เยอะแยะ ได้แต่คิดว่าไปตั้งนาน ทีมเตะตั้งหลายนัดไม่เห็นได้ลงเลยยังมีอีกเยอะแยะ บอกไปเลย คนเชียร์เขารอได้อยู่แล้ว ช่วงนี้ได้แค่ซ้อมก็ยังไม่ต้องไปถามโอกาสการได้ลงแข่งอะไรกับคนอื่นหรอก อยากเห็นการพัฒนารึอะไรที่มันดีๆ ได้โอกาสไปทำหน้าที่ถึงต่างประเทศทำไมไม่แสดงศักยภาพให้คนต่างชาติมองเราในแง่มุมดี จะได้มองประเทศในทางบวก มองเราในภาพดีๆ นำเสนอเรื่องราวที่มันเป็นแง่มุมดีๆ น่าจดจำ
ชนาธิป reality ผิดไหม ใครได้อะไรเสียอะไร มันสะท้อนแนวทางของสื่อไทยได้เลยนะ
Creative สิ่งที่ขาดหายไปจากสังคมไทย ความฉาบฉวยของสังคมไทย อะไรดังไม่ต้องต่อยอด ก็อปแบบลวกๆพอ ดูรายการประกวดร้องเพลงในบ้านเราสิมันมีเยอะแค่ไหน ข่าวฆาตกรที่ไปเกาะติด จะเซลพี่กับใคร จะใช้หนอนอะไร อยู่ในคุกเป็นยังไง จนนายกต้องออกมาด่า อย่างที่กล่าวข้างต้น “การที่เราจะนำเสนอสิ่งเดิมๆซ้ำวนไปเรื่อยๆ” สิ่งที่มันเกิดขึ้นคืออะไร ความจำเจไงละ ดังนั้นคนที่ควรจะส่งไปกับเจ มันไม่ควรจะเป็นนักข่าวที่ คิดไอเดียอะไรไม่ได้นอกจากถามวนไปกับนักเตะผู้จัดการทีมว่า เจ เป็นอย่างไร เล่นด้วยกันได้ไหม พอหมดมุขก็ไปบอกให้นักเตะเรียกเจอย่างโน้นอย่างนี้ (คุณไปในฐานะนักข่าว ไปขอเวลานักฟุตบอลเขาสัมภาษณ์ แล้วไปให้เขาทำอะไรแบบนี้เหรอ คนที่เขาให้สัมภาษณ์จะมองว่านักข่าวประเทศไทยเป็นแบบนี้หมดไหม ) คนที่ส่งไปน่าจะเป็น Creative ที่คิด Content ให้เพื่อเพิ่มมูลค่ากับตัวเจหรือเปล่า ไม่ผิดนะถ้าคุณจะมองว่าเจเป็นสินค้าของคุณ แต่วิธีการนำเสนอของคุณ ผู้บริหาร ของบริษัทที่อยู่ในตลาด หลักทรัพย์ ดูไม่ออกเหรอว่ามัน เพิ่มหรือลดมูลค่าของสินค้า
AF, The Star, The Voiceฯลฯ ถ้าเปรียบเทียบรายการกับกรณีเจ คอมเมนเตเตอร์ คือผู้จัดการทีม เขายังจัดแค่อาทิตย์ละครั้ง สัมภาษณ์อาทิตย์ละครั้ง มันไม่มีหรอกครับ เอาไมค์ไปจ่อทุกวัน ทีมกำลังจะลงแข่ง แต่ไปถามถึง คนที่ยังไม่มีชื่อในทีม ตัวอย่างง่ายๆ AF ก็แค่ถ่ายตอนอยู่ในบ้านไม่ได้รายงานอะไร มีไหมซ้อมร้องเพลงเสร็จเอาไมค์ไปจ่อครูฝึกถามว่า ร้องได้ขนาดนี้ต้องได้เข้ารอบแน่ๆเลยใช่ไหมครับ ต้องร้องคู่กับคนนั้นคนนี้ได้สบายๆเลยใช่ไหมครับ และเอาไปถามอย่างนี้ๆทุกๆวัน อันนี้ขนาดงานบันเทิงนะเขายังรู้เลยว่ามันเฝือ
ได้ไปอยู่ประจำแล้วแล้วจะให้คนติดตามสนับสนุนทีม คุณไปทำสกู๊ปนักเตะ ในทีมแต่แต่ละคนเลยไม่ดีกว่ารึ ชินจิ โอโนะ ไม่ต้องให้เขาพูดถึงเจ ไม่ต้องให้เขาเรียกเจว่าลิงนั่นลิงนี่ ลองถามเขาลองให้เขาเล่าประสบการณ์ในยุโรป ตอนได้แชมป์ที่ยุโรปรู้สึกอย่างไร (ลองคิดดูว่าคุณถามแบบนี้กับแบบที่ทำอยู่คนสัมภาษณ์จะคิดอย่างไรกับเราจะมองเราแบบไหน) บอกประวัติให้คนไทยรู้ ว่าคนนี้นะ เคยเล่นในยุโรป เป็นตัวหลัก ได้แชมป์ยูโรป้าด้วย ถ้วยเดียวกับที่ มูจูบ ที่ซลาตันเอาเท้าจุ่มนี่ละ ให้รู้ว่าคนที่อยู่ทีมเดียวกับเจเขามีโปรไฟล์ขนาดไหน ดีแค่ไหนที่ได้มีโอกาสเล่นกับคนที่มีประสบการณ์ระดับนี้
ตัวผมเองทันแค่สมัยซิโก้ไปอังกฤษ (ตอนลีซอไม่ได้อยู่ประเทศไทยเลยไม่ค่อยรู้กระแส) นักข่าวก็ไปเกาะติดแบบนี้เหมือนกัน ผ่านไปสิบกว่าปี มันไม่มีการพัฒนาอะไรขึ้นเลย เกาะติดว่าวันนี้ ซิโก้กินปลาร้ากี่ตัว เข้าห้องน้ำกี่ครั้ง ไปขอสัมภาษณ์ถามนำให้เขาอวยนักเตะเรา ทั้งๆที่ไม่ได้ลงไม่มีชื่อ สตีฟ บรูซ ผู้จัดการทีมตอนนั้น เคยทำสกู๊ปไหมตอนเป็นนักเตะเขาเก่งแค่ไหน ได้แชมป์อะไรบ้าง เอาที่มันเป็นเชิงสร้างสรรค์ ไม่ใช่งานเช้าชามเย็นชาม เช้าตื่นตามไปดูบอล ถามๆๆ กลับ เย็นมาถ่ายในบ้าน เสร็จงาน จนถึงมุ้ยก็ไม่แตกต่างกัน
ผมไม่ได้แอนตี้เจ เชียร์ด้วยแต่รู้สึกว่าการทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเด็กมันเลย ฆ่ามันทางอ้อมด้วยซ้ำ ตอนนี้ ได้แค่ซ้อมอย่างเดียวแต่คุณไม่เคยเสนอข่าวเลยว่ากว่าจะลงทะเบียนนักเตะ อีกเกือบเดือน คนที่ไม่รู้เยอะแยะ ได้แต่คิดว่าไปตั้งนาน ทีมเตะตั้งหลายนัดไม่เห็นได้ลงเลยยังมีอีกเยอะแยะ บอกไปเลย คนเชียร์เขารอได้อยู่แล้ว ช่วงนี้ได้แค่ซ้อมก็ยังไม่ต้องไปถามโอกาสการได้ลงแข่งอะไรกับคนอื่นหรอก อยากเห็นการพัฒนารึอะไรที่มันดีๆ ได้โอกาสไปทำหน้าที่ถึงต่างประเทศทำไมไม่แสดงศักยภาพให้คนต่างชาติมองเราในแง่มุมดี จะได้มองประเทศในทางบวก มองเราในภาพดีๆ นำเสนอเรื่องราวที่มันเป็นแง่มุมดีๆ น่าจดจำ