คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ข้อมูลที่จขกท.ให้มาไม่ชัดเจนว่าการไปหาหมอนั้นต่างกรรมต่างวาระกันหรือไม่..คือเคยไม่สบายสองครั้งแต่ละครั้งหมอจ่ายยาให้ต่างกันหรือว่าไม่สบายครั้งเดียวแล้วไปหาหมอคนที่หนึ่งจ่ายยาตัวนึงมาให้ไม่ดีขึ้นจึงไปหาหมอคนที่สองซึ่งจ่ายยาอีกตัวนึงมาให้
ตอบคร่าวๆนะครับ...
1.หมอน่าจะวินิจฉัยว่าจขกท.มีอาการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ ตัวบ่งชี้ที่สำคัญคือเสมหะมีสีเขียว
2.ยาทั้งสองชนิดเป็นยาปฎิชีวนะทั้งคู่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ยาแต่ละชนิดจะครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียได้ต่างกัน/มีกลไกการฆ่าเชื้อโรคต่างกัน/มีผลข้างเคียงต่างกัน/ความนิยมต่างกัน/เชื้อดื้อยาต่างกัน
2.1 เดิมยาCo-trimoxazole เป็นที่นิยมใช้กัน แต่ปัจจุบันไม่นิยมใช้กันเท่าไรเนิ่องจากมีผลข้างเคียงมากกว่า และถ้าคนไข้แพ้ยาอาจมีอาการรุนแรงมาก
2.2 ยาAmoxicillin เป็นที่นิยมใช้กันมานานแล้ว และใช้กันแพร่หลายมาก ซึ่งสาวนใหญ่รับประทานกันไม่ถูกต้องคือไม่ครบคอร์สของการรักษา จึงมีการ
ดื้อต่อยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
2.3 ถ้าการให้ยาตัวใดก็ตามในสองตัวนี้สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ก็ดีพอกัน แต่ผลข้างเคียง การแพ้ยา วิธีการกิน รวมทั้งปัจจัยอื่นๆอาจต่างกันได้ เช่น การกิน
Co-trimoxazo,e ต้องกินน้ำตามมากๆ ราคายาที่แตกต่างกัน เป็นต้น
2.4 สันนิษฐานว่าหมอที่จ่ายCo-trimoxazole น่าจะเป็นหมออาวุโสที่นิยมการจ่ายยาตัวนี้มาก่อนในอดีต
2.5 กรณีที่จขกท.ไม่สบายครั้งเดียวแล้วไปหาหมอต่อเนื่องกันสองครั้ง หมอคนที่สองอาจพิจารณาว่ายาตัวแรกไม่ได้ผลก็เลยจ่ายยาต่างกลุ่มกันุซึ่งมี
กลไกการออกฤทธิ์ต่างกันให้ครับ
ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองเพิ่มเติม...
1. ยาแต่ละชนิดถ้าจ่ายได้ถูกกับโรคแล้ว จะใช้เวลาในการรักษาต่างกัน บางครั้งหมอคนแรกหรือเภสัชกรจ่ายยาให้แล้วระยะหนึ่งแต่คนไข้ใจร้อนยังรู้สึก
ว่าไม่ดีขึ้น ก็ไปหาคนที่สอง ซึ่งบ่อยครั้งก็จะได้รับการรักษาเหมือนเดิมซ้ำไปอีก เป็นการสิ้นเปลืองทั้งค่าใช้จ่าย เวลา โดยเปล่าประโยชน์
2. ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิ์ในการสอบถามบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ เช่น จ่ายยาอะไรให้ มีผลข้างเคียงอย่างไร ฯลฯ
ตอบคร่าวๆนะครับ...
1.หมอน่าจะวินิจฉัยว่าจขกท.มีอาการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ ตัวบ่งชี้ที่สำคัญคือเสมหะมีสีเขียว
2.ยาทั้งสองชนิดเป็นยาปฎิชีวนะทั้งคู่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ยาแต่ละชนิดจะครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียได้ต่างกัน/มีกลไกการฆ่าเชื้อโรคต่างกัน/มีผลข้างเคียงต่างกัน/ความนิยมต่างกัน/เชื้อดื้อยาต่างกัน
2.1 เดิมยาCo-trimoxazole เป็นที่นิยมใช้กัน แต่ปัจจุบันไม่นิยมใช้กันเท่าไรเนิ่องจากมีผลข้างเคียงมากกว่า และถ้าคนไข้แพ้ยาอาจมีอาการรุนแรงมาก
2.2 ยาAmoxicillin เป็นที่นิยมใช้กันมานานแล้ว และใช้กันแพร่หลายมาก ซึ่งสาวนใหญ่รับประทานกันไม่ถูกต้องคือไม่ครบคอร์สของการรักษา จึงมีการ
ดื้อต่อยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
2.3 ถ้าการให้ยาตัวใดก็ตามในสองตัวนี้สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ก็ดีพอกัน แต่ผลข้างเคียง การแพ้ยา วิธีการกิน รวมทั้งปัจจัยอื่นๆอาจต่างกันได้ เช่น การกิน
Co-trimoxazo,e ต้องกินน้ำตามมากๆ ราคายาที่แตกต่างกัน เป็นต้น
2.4 สันนิษฐานว่าหมอที่จ่ายCo-trimoxazole น่าจะเป็นหมออาวุโสที่นิยมการจ่ายยาตัวนี้มาก่อนในอดีต
2.5 กรณีที่จขกท.ไม่สบายครั้งเดียวแล้วไปหาหมอต่อเนื่องกันสองครั้ง หมอคนที่สองอาจพิจารณาว่ายาตัวแรกไม่ได้ผลก็เลยจ่ายยาต่างกลุ่มกันุซึ่งมี
กลไกการออกฤทธิ์ต่างกันให้ครับ
ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองเพิ่มเติม...
1. ยาแต่ละชนิดถ้าจ่ายได้ถูกกับโรคแล้ว จะใช้เวลาในการรักษาต่างกัน บางครั้งหมอคนแรกหรือเภสัชกรจ่ายยาให้แล้วระยะหนึ่งแต่คนไข้ใจร้อนยังรู้สึก
ว่าไม่ดีขึ้น ก็ไปหาคนที่สอง ซึ่งบ่อยครั้งก็จะได้รับการรักษาเหมือนเดิมซ้ำไปอีก เป็นการสิ้นเปลืองทั้งค่าใช้จ่าย เวลา โดยเปล่าประโยชน์
2. ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิ์ในการสอบถามบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ เช่น จ่ายยาอะไรให้ มีผลข้างเคียงอย่างไร ฯลฯ
แสดงความคิดเห็น
ยา โค-ไตรม็อกซาโซล (Co-trimoxazole) กับ อะมอกซิซิลลิน (Amoxicillin) ต่างกันอย่างไร
หาคุณหมอ2ที่ ได้ยาฆ่าเชื้อต่างกัน คือ Co-trimoxazole และ Amoxicillin
อยากจะสอบถามว่ากรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ,เสมหะ
ยาสองชนิดนี้ ตัวไหนดีกว่ากันครับ แล้วความแตกต่างของยา2ชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไรมั้งครับ
ขอบคุณครับ