สวัสดีชาวพันทิป นี่เป็นกระทู้แรกของห้องบลูของ จขกท.เลย ออกจะตื่นเต้นซะหน่อย กลัวจะลงผิดลงถูก 55555  รูปไม่สวยขออภัยด้วยนะค้าา

สืบเนื่องจาก จขกท.ได้ไปสัมมนากับที่ทำงานที่จังหวัดกาญจนบุรี ในช่วงวันพฤหัส – ศุกร์ (เดือนพฤษภาคม)  เลยวางแผนเที่ยวต่อในจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีเป้าหมาย คือ สวนผลไม้ สวนเงาะ ทุเรียน  ที่อำเภอทองผาภูมิ  หาข้อมูลจากกูเกิ้ล โทรไปตามสวนต่าง ๆ ก็ไม่เปิดให้เข้าสวน  ขับรถกันไปเรื่อย ๆ จนถึงห้วยเขย่ง แวะถามป้อมตำรวจ ตำรวจบอกลองไปดูที่ไร่วิมานดิน หรือสวนป้าโหน่ง  เราเลยได้ปักหมุดไปไร่วิมานดินกัน  บ้านไร่วิมานดินตั้งอยู่อำเภอห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี การเดินทางจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ถึงไร่วิมานดินใช้ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ขับรถง่าย ทางดี มีโค้งบ้างเล็กน้อย  พอถึงจะมีป้ายเล็ก ๆ เป็นทางเข้าไร่ ทางด้านซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายขับเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ช่วงเดือน พฤษภาคม – มิถุนายน จะเห็นสวนทุเรียนริมข้างทางเยอะมากกกกกกกกก ละลานตาไป ทั้งซ้ายขวา พอถึงบ้านไร่วิมานดิน โห.....มันสวยมากกก ธรรมชาติที่มีรีสอร์ทในสวนผลไม้ ด้านหลังเป็นภูเขาและลำธาร  

บ้านไร่วิมานดินเป็นรีสอร์ท กึ่งโฮมเสตย์  ซึ่งมีที่พักทั้งเป็นบ้านหลัง หรือเป็นห้องพักบนเรือนใหญ่  หรือถ้าใครจะนอนเตนท์ที่นี่ก็มีบริการ ลานกางเตนท์ด้วยค่ะ  ภาพบรรยากาศในห้องนอนหรือตัวบ้านพัก ตามไปดูได้จากกระทู้นี้ค่ะ  https://ppantip.com/topic/33166411

เราเดินเข้าไปช่วงที่ไม่มีแขกมาพัก เจอพี่เจ้าของ ที่เป็นอดีตนายตำรวจ ชื่อพี่ชาย ใจดีมากกกกก เราขอเข้าไปชมสวนผลไม้ ที่ปลูกสลับกับบ้านพักกึ่งโฮมสเตย์ มีทั้งทุเรียน เงาะ ลางสาด ลองกอง มังคุด เลม่อน และด้านล่างก็จะเป็นลำธารที่เรียกว่าห้วยปากคอก เรามีเด็ก ๆ ไปด้วย เลยขอเค้าเล่นน้ำที่ลำธาร ซึ่งพี่ชายบอกตามสบายครับ  เสียดายที่ช่วงนั้น ผลไม้ยังไม่สุกให้เราได้ทานกัน  แต่ก็เก็บบรรยากาศไว้ ขอเบอร์พี่เขาไว้ เพื่อจะกลับมาพัก และมาชิมผลไม้ในรีสอร์ทนี้ให้ได้  สรุปเราเล่นน้ำกันเสร็จก็ลากันกลับ โดยที่พี่เค้าไม่คิดเงินเราแม้แต่บาทเดียว ประทับใจ จนมาบอกต่อในกลุ่มเพื่อน  แล้วก็มีโอกาสได้พากลุ่มเพื่อน ๆ เด็ก ๆ มาเยี่ยมบ้านไร่วิมานดินอีกครั้ง






















และช่วงปลายเดือนมิถุนายน ทองผาภูมิมีการจัดงานผลไม้ เราเลยได้พาเด็ก ๆ และครอบครัวเพื่อน ๆ มาเที่ยวกัน  เราพักกันที่เขื่อน 1 คืน  รุ่งขึ้นอีกวันเราก็เลยชวนกันไปบ้านไร่วิมานดินกัน  ซึ่งวันนี้ พี่ชายเจ้าของรีสอร์ท    ไม่อยู่ พนักงานบอกว่าเข้ากรุงเทพ ฯ  เสียดายไม่ได้เจอพี่เค้า  คณะเราเลยถามว่า ที่นี่มีอาหารกลางวันมั้ย เราจะได้ทานกันที่นี่  พนักงานบอกว่ามี เราก็เลยฝากมื้อกลางวันกันที่นี่  ส่วนเด็ก ๆ ในคณะก็วิ่งกันลงไปเล่นน้ำที่ลำธาร สนุกสนาน  น้ำใส เย็นมาก จนผู้ใหญ่อย่างเราอดใจไม่ไหวลงไปเล่นน้ำด้วย  วันนี้น้ำเยอะและไหลแรงกว่าเมื่อคราวที่แล้วที่เรามากัน ชาวคณะบางส่วนก็เดินสำรวจพื้นที่  สวนผลไม้  ต้นไม้  สำรวจธรรมชาติ มีนกขุนทองเกาะที่ต้นไม้ใหญ่นับรวมได้ 30 กว่าตัว  คือทุกคนประทับใจกับธรรมชาติมาก ๆ
อาหารกลางวันที่เราสั่งกันไป เป็นเมนูอาหารพื้นบ้าน  ผักสดจากไร่ สะตอเก็บสดจากต้น น้ำพริกกะปิ ปลาทอด  ปลาคังลวก ต้มยำ สะตอผัดกะปิ ไข่เจียวหมูสับ  และมีใบไม้ทอด  ทุกอย่างอร่อยมากกกกกกกกกกกกกก  เยอะมากกกกกก  เด็ก ๆ ชอบใบไม้ทอดมาก ๆ  ที่สำคัญค่าอาหารไม่แพงเลย  ชาวคณะยังได้ขอซื้อสะตอ กลับบ้าน พนักงานก็แบกบันไดกับไม้ไปสอยแบบสด ๆ จากต้นมาให้ ในกิโลละ 60 บาท ถูกมากกกก
เสียดายที่ปีนี้ฝนตกเร็ว  ผลไม้อย่าง ทุเรียน เงาะ มังคุด ยังไม่สุก เหมือนที่อื่น  พนักงานบอกว่าช่วงปลายเดือนกรกฎาคม มาได้เลยพี่  มากินทุเรียนที่นี่ โลละ 100  มังคุดกับเงาะ ก็น่าจะสุกให้ทานพอดี  ซึ่งเราต้องกลับมาเยือนอีกครั้งแน่ ๆ   เวลาผ่านไปเร็วเราต้องได้เวลาลากลับ  ถ้าพี่ชายเจ้าของบ้านไร่วิมานดินอยู่ คงได้คุยสนุกสนาน และได้ความรู้จากพี่ชายเยอะมาก แน่ ๆ    




















กลับมาคราวนี้เตรียมรวมคณะ เพื่อไปหยุดเวลากันที่บ้านไร่วิมานดินแบบนอนพักค้างคืน ทานผลไม้ในไร่ เก็บเงาะ มังคุดสด ๆ จากต้น  ทานอาหารพื้นบ้าน รสชาติถูกปาก  เล่นน้ำในลำธารที่ห้วยปากคอก  สูดอากาศบริสุทธิ์บรรยากาศท่ามกลางหุบเขาและสายน้ำ  สิ้นเดือน ก.ค.นี้  เราได้เจอกันแน่ค่ะ