ปกติไม่เคยเล่าเรื่องประสบการณ์ทำนองนี้ที่ไหนมาก่อน นี่จะเป็นการเล่าเรื่องครั้งแรก ของการไปญี่ปุ่น และพบเจอ
กับเรื่องแปลกๆ ถึง สองรอบในเมืองเดียวกัน
เรื่องแรกเลยคือ ตอนนั้นไปงานคอนเสิร์ต ที่จังหวัดฟุกูโอกะ โดยงานจัดที่ฟุกูโอกะ โดม เลยหาที่พักไม่ไกลมากนักจากที่
จัดงาน จนมาได้พักที่ เกสเฮ้าส์หลังหนึ่ง ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชั้น น่าจะชั้น 5 ห้องโดยห้อง ที่ได้เข้าพักเป็น เตียงสองชั้น จำนวน 3 คู่
เราเดินทางรอบนี้ไปกับเพื่อน 2 คนและไปพบกับเพื่อนอีก 2 คนที่เดินทางท่องเที่ยวก่อนหน้านี้แล้ว ที่เกสเฮ้าส์นี้เช่นกัน
การเข้าพักดำเนินไปอย่างปกติ โดยเดินทางไปดูคอนเสิร์ต จำนวน 2 วันและท่องเที่ยวอีก 2 วัน แต่เรื่องแปลกมันเกิดขึ้นใน
คืนสุดท้ายก่อนเดินทางกลับไทย คืนนั้นเรากับเพื่อนอีกคนที่เดินทางมาพร้อมกัน ก็นั่งจัดของ สังสรรค กันตามปกติ โดยวันนี้
ไม่มีโฮส คนไหนอยู่ในห้องเลย ถึงแม้จะมีทั้งหมด 6 เตียง แม้หลายวันที่ผ่านมาจะมีนักท่องเที่ยวเวียนมาพักตลอดแต่ก็พักกัน
อย่างมากแค่ 2 คืนเท่านั้น จนคืนก่อนที่เราจะกลับไทย ก็เหลือกันแค่สองคน กับเพื่อนเรา
เก็บของกินขนมกันจนถึงเกือบๆ ห้าทุ่มตามเวลาญี่ปุ่น เพื่อนอาบน้ำเสร็จแล้วก็ขอตัวไปนอน โดยเพื่อนนอนด้านบน ส่วนเราเอง
นอนด้านล่าง จริงๆสมควรเหนื่อยกับการไปเที่ยวและช็อปปิ้งวันสุดท้าย แม้จะปิดไฟแล้ว เราก็ยังหยิบมือถือมาจิ้มเล่น ก่อนจะเริ่ม
แพ้ความง่วงของตัวเอง และแล้วไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงฝนสาดที่กระจกระเบียง
(โดยห้องของเรานั้นอยู่ด้านซ้ายสุด เมื่อเดินขึ้นบันไดมาชั้น 2 แจงลักษณะของห้อง เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยเมื่อเปิดประตูเข้ามา
ในห้องกับเตียงก่อน 1 คู่ตรงหน้าและถัดไปด้านบนหัวเตียงเป็นล็อกเกอร์ประจำห้องของแต่ละเตียงเอาไว้เก็บของ หรือแม้กระทั่งกระเป๋า
พอเดินเข้ามา ขวามือจะเจอกับห้องน้ำ โดยประตูห้องน้ำจะหันไปด้านกระจกบานสไลท์ระเบียง และเยื้องประตูห้องน้ำไปทางขวาจะ
เป็นเตียง 2 ชั้น จำนวน 2 คู่ วางเรียงกันยาวไปจนถึงกระจกบานสไลท์ระเบียง โดยเรากับเพื่อนได้นอนเตียงในสุดที่ต้องหันหัวไปทาง
กระจกบานสไลท์ระเบียง)
เมื่อได้ยินเสียงฝนสาด ก็คิดในใจคิดว่าฝนตกหนักหน้าดู เพราะช่วงที่ไปเป็นเดือนมิถุนายน ฝนจะตกเยอะกว่าทุกๆเดือน แต่สิ่งที่
เริ่มทำให้เอะใจคือ เสียงคอมเพรสเซอร์ แอร์ ดังเหมือนหยดน้ำกระแทกลงบนเหล็ก หลังจากนั้น ก็ได้ยินเหมือนเสียงไกล ดัง
มาอีกที แต่มันกลับไม่เหมือนเสียง คอมเพรสเซอร์ แอร์ ที่มีน้ำหยดใส่ แต่กลับเป็นเสียงเหมือนคนเราเอามือไปตีอยู่ด้านบน คอมเพรสเซอร์ แอร์
ดัง ปึ่งๆ รัวๆ แล้วเสียงมันก็เหมือนใกล้
(ตอนเช้ามานั่งคิดดูคิดเอาเองว่าเสียงนั้นอาจเริ่มจากห้องขวาสุดจนมาหยุดสุดท้ายที่ห้องของเราเองหรือเปล่า)
พอเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นก็ได้ยินเสียงดังชัดเจนมากขึ้น แต่เพิ่มเติมคือเสียงเหมือนคนที่กำลังบิดลูกบิดประตู พยายามจะเข้ามาในห้องให้ได้
ดังใกล้มาเรื่อยๆ พร้อมๆกับเสียงกระแทกลงที่ คอมเพรสเซอร์ แอร์ จากส่วนพื้นที่ระเบียง และเสียงฝนสาด บอกตามตรงตอนนั้นสิ่งแรกที่คิด
คือ ประตูด้านหน้าเป็นคนล็อกเอง คนเข้าไม่ได้แน่นอน และ บานสไลท์ก็เป็นคนล็อกเองกับมือ
จนเสียงทั้งหมด ดังมาถึงห้องที่เราพักอยู่มันดังมาก และเหมือนคนกำลังจะพยายามเข้ามาในห้อง พร้อมๆกับคนเอามือตี คอมเพรสเซอร์ แอร์
ด้านนอกที่ระเบียง เสียงฝนกับลมดังจนเหมือนว่าข้างนอกลมแรงมาก
และแล้วเราก็ตัดสินใจลืมตา
..
..
ตาที่ยังปรับไม่เข้ากับความมืดยังคงมีรอยวาวๆ และมองไม่ชัด และแสงไฟด้านนอกสาดเข้ามาในห้องได้แค่ลางๆผ่านผ้าม่านเท่านั้น ทุกอย่าง
เงียบ เงียบจนได้ยินเสียงลม ของ แอร์คอนดิชั่น ไม่รู้ทำไม ตอนนั้นเลยคือว่าอาจฝันไปเองก็ได้ พอมองไปรอบๆที่เงียบและตาปรับเข้ากับที่มืด
ได้แล้ว ก็เลยค่อยๆหายใจแล้วก็หลับตาเตรียมตัวนอนอีกครั้ง
ไม่น่าถึง 10 วินาทีเพราะมันเร็วมาก เสียงทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ทั้งเสียงคนที่พยายามบิดลูกบิดเข้ามาในห้อง เสียงเหมือนมีอะไรตีที่
คอมเพรสเซอร์ แอร์ ด้านนอก หรือแม้กระทั่งเสียงฝนสาด ใส่บานสไลท์ อาการสั่นอย่างบอกไม่ถูกเกิดขึ้นเองอย่างอัตโนมัติรู้ตัวอีกทีเรา
ก็หายใจแรงและเร็วมาก แขนขาอ่อนแรงไปหมด แล้วสิ่งที่นึกขึ้นทันทีคือหน้าแม่
แล้วก็ท่องกับตัวเองในใจว่า
"แม่ช่วยหนูด้วย หนูอยากกลับบ้าน..แม่ช่วยหนูด้วย หนูอยากกลับบ้าน"
เราท่องอย่างนั้นไปมา ใจหนึ่งก็อยากลืมตาให้รู้ไปเลย แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าลืมตารอบนี้ คงโดนแน่ๆ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างนั้น จนสุดท้าย
ร่างกายคนเหนื่อยมาก แล้วก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้อีกทีคือ เพื่อนมาปลุกให้ไปอาบน้ำเตรียมตัว ไปสนามบินได้แล้ว
เราจัดการธุระ ทุกอย่าง ขนกระเป๋าลงมา ด้วยความที่เช้ามากเลยได้แค่ย่อนกุญแจห้องกับล็อกเกอร์ไว้ในกล่องเท่านั้น
จนเดินทางมาถึงสนามบิน สิ่งแรกที่เราถามเพื่อนเลย คือเมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรไหม สิ่งตอบกลับมาคือใบหน้าที่แสน งง กับคำพูดที่ชวนให้
เข่าอ่อนตรงนั้นเลยคือ ไม่ได้ยินไรเลย หลับสนิทมาก
แล้วเราก็เล่าเรื่องที่เจอเมื่อคืนให้เพื่อนฟังพร้อมกับบอกว่า แสดงว่าเมื่อคืนคงโดนแน่ๆ เพราะเช้านี้อากาศร้อนและแดดออกแรงมาก และที่ถนน
หรือ คอมเพรสเซอร์ แอร์ ด้านนอกไม่มีรอยน้ำหรือรอยฝนตกเลยแม้แต่หยดเดียว นั่นคือครั้งแรกที่เจอเรื่องแปลกๆ กับการไปพัก เกสเฮ้าส์ที่
ญี่ปุ่น เพราะปกติเราจะพักโรงแรมหรือไม่ก็ อพาร์ทเม้นท์ ไปเลย
จบไว้ที่เรื่องแรกก่อนจะคะไว้จะมาต่อเรื่องสองให้ฟังอีกที ^^
**ขอยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่ได้ประสบเองกับตัวที่ญี่ปุ่นค่ะ
เรื่องราวชวนขนลุก ที่เจอที่ญี่ปุ่น
กับเรื่องแปลกๆ ถึง สองรอบในเมืองเดียวกัน
เรื่องแรกเลยคือ ตอนนั้นไปงานคอนเสิร์ต ที่จังหวัดฟุกูโอกะ โดยงานจัดที่ฟุกูโอกะ โดม เลยหาที่พักไม่ไกลมากนักจากที่
จัดงาน จนมาได้พักที่ เกสเฮ้าส์หลังหนึ่ง ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชั้น น่าจะชั้น 5 ห้องโดยห้อง ที่ได้เข้าพักเป็น เตียงสองชั้น จำนวน 3 คู่
เราเดินทางรอบนี้ไปกับเพื่อน 2 คนและไปพบกับเพื่อนอีก 2 คนที่เดินทางท่องเที่ยวก่อนหน้านี้แล้ว ที่เกสเฮ้าส์นี้เช่นกัน
การเข้าพักดำเนินไปอย่างปกติ โดยเดินทางไปดูคอนเสิร์ต จำนวน 2 วันและท่องเที่ยวอีก 2 วัน แต่เรื่องแปลกมันเกิดขึ้นใน
คืนสุดท้ายก่อนเดินทางกลับไทย คืนนั้นเรากับเพื่อนอีกคนที่เดินทางมาพร้อมกัน ก็นั่งจัดของ สังสรรค กันตามปกติ โดยวันนี้
ไม่มีโฮส คนไหนอยู่ในห้องเลย ถึงแม้จะมีทั้งหมด 6 เตียง แม้หลายวันที่ผ่านมาจะมีนักท่องเที่ยวเวียนมาพักตลอดแต่ก็พักกัน
อย่างมากแค่ 2 คืนเท่านั้น จนคืนก่อนที่เราจะกลับไทย ก็เหลือกันแค่สองคน กับเพื่อนเรา
เก็บของกินขนมกันจนถึงเกือบๆ ห้าทุ่มตามเวลาญี่ปุ่น เพื่อนอาบน้ำเสร็จแล้วก็ขอตัวไปนอน โดยเพื่อนนอนด้านบน ส่วนเราเอง
นอนด้านล่าง จริงๆสมควรเหนื่อยกับการไปเที่ยวและช็อปปิ้งวันสุดท้าย แม้จะปิดไฟแล้ว เราก็ยังหยิบมือถือมาจิ้มเล่น ก่อนจะเริ่ม
แพ้ความง่วงของตัวเอง และแล้วไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงฝนสาดที่กระจกระเบียง
(โดยห้องของเรานั้นอยู่ด้านซ้ายสุด เมื่อเดินขึ้นบันไดมาชั้น 2 แจงลักษณะของห้อง เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยเมื่อเปิดประตูเข้ามา
ในห้องกับเตียงก่อน 1 คู่ตรงหน้าและถัดไปด้านบนหัวเตียงเป็นล็อกเกอร์ประจำห้องของแต่ละเตียงเอาไว้เก็บของ หรือแม้กระทั่งกระเป๋า
พอเดินเข้ามา ขวามือจะเจอกับห้องน้ำ โดยประตูห้องน้ำจะหันไปด้านกระจกบานสไลท์ระเบียง และเยื้องประตูห้องน้ำไปทางขวาจะ
เป็นเตียง 2 ชั้น จำนวน 2 คู่ วางเรียงกันยาวไปจนถึงกระจกบานสไลท์ระเบียง โดยเรากับเพื่อนได้นอนเตียงในสุดที่ต้องหันหัวไปทาง
กระจกบานสไลท์ระเบียง)
เมื่อได้ยินเสียงฝนสาด ก็คิดในใจคิดว่าฝนตกหนักหน้าดู เพราะช่วงที่ไปเป็นเดือนมิถุนายน ฝนจะตกเยอะกว่าทุกๆเดือน แต่สิ่งที่
เริ่มทำให้เอะใจคือ เสียงคอมเพรสเซอร์ แอร์ ดังเหมือนหยดน้ำกระแทกลงบนเหล็ก หลังจากนั้น ก็ได้ยินเหมือนเสียงไกล ดัง
มาอีกที แต่มันกลับไม่เหมือนเสียง คอมเพรสเซอร์ แอร์ ที่มีน้ำหยดใส่ แต่กลับเป็นเสียงเหมือนคนเราเอามือไปตีอยู่ด้านบน คอมเพรสเซอร์ แอร์
ดัง ปึ่งๆ รัวๆ แล้วเสียงมันก็เหมือนใกล้
(ตอนเช้ามานั่งคิดดูคิดเอาเองว่าเสียงนั้นอาจเริ่มจากห้องขวาสุดจนมาหยุดสุดท้ายที่ห้องของเราเองหรือเปล่า)
พอเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นก็ได้ยินเสียงดังชัดเจนมากขึ้น แต่เพิ่มเติมคือเสียงเหมือนคนที่กำลังบิดลูกบิดประตู พยายามจะเข้ามาในห้องให้ได้
ดังใกล้มาเรื่อยๆ พร้อมๆกับเสียงกระแทกลงที่ คอมเพรสเซอร์ แอร์ จากส่วนพื้นที่ระเบียง และเสียงฝนสาด บอกตามตรงตอนนั้นสิ่งแรกที่คิด
คือ ประตูด้านหน้าเป็นคนล็อกเอง คนเข้าไม่ได้แน่นอน และ บานสไลท์ก็เป็นคนล็อกเองกับมือ
จนเสียงทั้งหมด ดังมาถึงห้องที่เราพักอยู่มันดังมาก และเหมือนคนกำลังจะพยายามเข้ามาในห้อง พร้อมๆกับคนเอามือตี คอมเพรสเซอร์ แอร์
ด้านนอกที่ระเบียง เสียงฝนกับลมดังจนเหมือนว่าข้างนอกลมแรงมาก
และแล้วเราก็ตัดสินใจลืมตา
..
..
ตาที่ยังปรับไม่เข้ากับความมืดยังคงมีรอยวาวๆ และมองไม่ชัด และแสงไฟด้านนอกสาดเข้ามาในห้องได้แค่ลางๆผ่านผ้าม่านเท่านั้น ทุกอย่าง
เงียบ เงียบจนได้ยินเสียงลม ของ แอร์คอนดิชั่น ไม่รู้ทำไม ตอนนั้นเลยคือว่าอาจฝันไปเองก็ได้ พอมองไปรอบๆที่เงียบและตาปรับเข้ากับที่มืด
ได้แล้ว ก็เลยค่อยๆหายใจแล้วก็หลับตาเตรียมตัวนอนอีกครั้ง
ไม่น่าถึง 10 วินาทีเพราะมันเร็วมาก เสียงทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ทั้งเสียงคนที่พยายามบิดลูกบิดเข้ามาในห้อง เสียงเหมือนมีอะไรตีที่
คอมเพรสเซอร์ แอร์ ด้านนอก หรือแม้กระทั่งเสียงฝนสาด ใส่บานสไลท์ อาการสั่นอย่างบอกไม่ถูกเกิดขึ้นเองอย่างอัตโนมัติรู้ตัวอีกทีเรา
ก็หายใจแรงและเร็วมาก แขนขาอ่อนแรงไปหมด แล้วสิ่งที่นึกขึ้นทันทีคือหน้าแม่
แล้วก็ท่องกับตัวเองในใจว่า
"แม่ช่วยหนูด้วย หนูอยากกลับบ้าน..แม่ช่วยหนูด้วย หนูอยากกลับบ้าน"
เราท่องอย่างนั้นไปมา ใจหนึ่งก็อยากลืมตาให้รู้ไปเลย แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าลืมตารอบนี้ คงโดนแน่ๆ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างนั้น จนสุดท้าย
ร่างกายคนเหนื่อยมาก แล้วก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้อีกทีคือ เพื่อนมาปลุกให้ไปอาบน้ำเตรียมตัว ไปสนามบินได้แล้ว
เราจัดการธุระ ทุกอย่าง ขนกระเป๋าลงมา ด้วยความที่เช้ามากเลยได้แค่ย่อนกุญแจห้องกับล็อกเกอร์ไว้ในกล่องเท่านั้น
จนเดินทางมาถึงสนามบิน สิ่งแรกที่เราถามเพื่อนเลย คือเมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรไหม สิ่งตอบกลับมาคือใบหน้าที่แสน งง กับคำพูดที่ชวนให้
เข่าอ่อนตรงนั้นเลยคือ ไม่ได้ยินไรเลย หลับสนิทมาก
แล้วเราก็เล่าเรื่องที่เจอเมื่อคืนให้เพื่อนฟังพร้อมกับบอกว่า แสดงว่าเมื่อคืนคงโดนแน่ๆ เพราะเช้านี้อากาศร้อนและแดดออกแรงมาก และที่ถนน
หรือ คอมเพรสเซอร์ แอร์ ด้านนอกไม่มีรอยน้ำหรือรอยฝนตกเลยแม้แต่หยดเดียว นั่นคือครั้งแรกที่เจอเรื่องแปลกๆ กับการไปพัก เกสเฮ้าส์ที่
ญี่ปุ่น เพราะปกติเราจะพักโรงแรมหรือไม่ก็ อพาร์ทเม้นท์ ไปเลย
จบไว้ที่เรื่องแรกก่อนจะคะไว้จะมาต่อเรื่องสองให้ฟังอีกที ^^
**ขอยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่ได้ประสบเองกับตัวที่ญี่ปุ่นค่ะ