Hallstatt Austria เมืองมรดกโลก ริมทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก ปลายฤดูใบไม้ร่วง

ตอนอยู่ที่เวียนนา เรามีโอกาสได้พูดคุยกับพนักงานร้านขายหนังสือคนหนึ่ง เขาก็ถามเราว่า จะไปที่ไหนต่อในออสเตรียบ้าง เราก็บอกว่าจะไปฮัลล์ชตัทท์ เขาเลยตอบมาว่า อ๋อ นั่นมันแถวบ้านเกิดผมเองล่ะ
เขาเล่าให้เราฟังต่อว่า ในช่วงปีหลังๆมีนักท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังฮัลล์ชตัทท์มากขึ้นในชนิดที่เขาเองก็ประหลาดใจ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย อาจเป็นเพราะเขาเกิดและเติบโตมาจนคุ้นเคยกับมัน เขาจึงไม่ค่อยตื่นเต้นกับวิว (และย้ายไปอยู่เวียนนา) แต่สำหรับพวกเราแล้ว ฮัลล์ชตัทท์มีหลายๆอย่างที่ต่างจากกรุงเทพมากๆ (ทุกอย่าง)
เช่นเดียวกับหลายๆที่ในยุโรป เราเดินทางไปฮัลล์ชตัทท์ด้วยรถไฟเมื่อไปถึงป้ายรถไฟ Hallstatt Bahnhof แล้วเราก็มาต่อเรือข้าม Hallstätter See ไปยังตัวเมืองที่ฝั่งตรงข้าม (Hallstatt Markt) โดยจะซื้อ round trip หรือไม่ก็ได้ (round trip ราคาเท่า single สองรอบ) พวกเราจะนั่งบัสออกจาก Hallstatt Lahn ซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับ Markt จึงซื้อตั๋วแค่เที่ยวเดียว
วิวของบริเวณ Hallstatt Markt เห็นเมืองที่ทอดตัวลงมาบนผืนน้ำ สามารถสังเกตเห็นเรือกำลังเข้าท่า เข้าท่าได้ในภาพ
ยอดของ Hallstatt Lutheran Church ที่ส่งเสริมเอกลักษณ์ให้กับเมืองเล็กๆเมืองนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ ในเมืองเล็กๆแห่งนี้มีโบสถ์ของทั้งสองนิกาย(โปรเตสแตนท์และคาธอลิก)อยู่ข้างๆกัน แม้ว่าคนออสเตรียมีประวัติศาสตร์การนับถือคาธอลิกเป็นหลัก
โฟกัสที่วิว
โฟกัสที่ราวกันตก
โฟกัสที่คฤหาสน์
การย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านในเมืองเล็กๆ ที่เฟอร์นิเจอร์ใหญ่กว่าประตูบ้าน
ธรรมชาติและการวางตัวที่เหมาะเจาะของชุมชนทำให้ที่นี่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม
สวยงามแบบที่เหมาะกับการเป็นโปสการ์ด
ฮัลล์ชตัทท์ก่อตัวจากชุมชนเหมืองเกลือ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มีการสร้างเมืองบนพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชันแห่งนี้
ทิวทัศน์ของฮัลล์ชตัทท์มีความสวยงามอย่างไม่มีที่ไหนเหมือน จนกระทั่งมีบริษัทในประเทศจีนได้พยายามจำลองทั้งเมืองไว้ในมณฑลกวางตุ้ง (เล่าให้ฟังเฉยๆ ในภาพคือฮัลล์ชตัทท์ของจริง)
ด้วยความโรแมนติกนี้เองจึงทำให้เหมาะกับการเป็นสถานที่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง
พวกเราจึงได้มีโอกาสไปช่วยเดินประกอบฉากให้คู่บ่าวสาวที่กำลังถ่ายภาพแต่งงานกันที่นั่นด้วย
เราไม่ได้พักที่นี่ จึงต้องหาที่ฝากกระเป๋าเพื่อให้เดินเที่ยวในเมืองได้อย่างสะดวก แต่ปรากฎว่าเนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ Tourist information Centre ที่พวกเราตั้งใจจะฝากกระเป๋าไว้จึงไม่เปิด เราจึงหาคำแนะนำเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ทและตัดสินใจวางกระเป๋าไว้แถวๆนั้นเฉยๆเลย ถ้าใครพกสายล็อกจักรยานไปด้วยก็จะสามารถอุ่นใจได้มากขึ้นในสถานการณ์แบบนี้
นอกจากวิวบนทางเดินริมน้ำแล้ว นักท่องเที่ยว(ที่มีแรง)สามารถเดินขึ้นเขาเพื่อชมวิวจากด้านบนได้ และมีจุดชมวิวจากบนบริเวณลานจอดรถระหว่างถนน Kirchenweg และ Hallstättersee Landesstraße
ไม้เก่าและไม้ใหม่
มองจากระดับเดียวกับหอระฆัง
ทางเดินขึ้นเขา
ทางเดินลงเขา
สีของปลายฤดูใบไม้ร่วง
ริ้วน้ำ
ก่อนจะออกจากที่นี่เราก็เดินไปเอากระเป๋าที่ Tourist information Centre แล้วก็เดินไปรอบัสที่ป้าย Hallstatt Lahn เราได้พบกับนักท่องเที่ยวสามคนจากประเทศมาเลเซียที่ดูอัธยาศัยดีมากๆ เราขึ้นรถบัสไปยังซาลสบวร์กด้วยกัน จนกระทั่งมีคนหนึ่งในสามคนรู้ตัวว่าลืมมือถือไว้ เราจึงต้องแยกทางกันไปอย่างน่าเสียดาย
ขอบคุณสำหรับการติดตามและพบกันใหม่เร็วๆนี้ครับ

ฝากเพจด้วยครับ https://www.facebook.com/decidedtolivefulltimeinahotel
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่