เวรกรรมมีจริงกับทุกคนมั้ย?!!

เราสงสัยเรื่องที่เคยถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่า "คนเราทำดีก็ได้ดี ใครทำไม่มีดีก็จะได้อย่างนั้น เวรกรรมมีจริง!!"
แต่ยิ่งโตยิ่งใช้ชีวิต ทำไมเวรกรรมมันดูเหมือนไม่ทำงานกับคนเลวๆ เห็นมีความสุข สุขสบายใจกัน ทั้งที่ทำไม่ดีกับคนอื่น
เรื่องของเรามีอยู่ว่า ตลอดการใช้ชีวิตของเรา เรามีแฟนมาสี่คน เราก็ไม่ได้เป็นคนที่แสนดีอะไรกับแฟนเรามากทุกคนหรอก สองคนแรก เราเป็นคนทิ้งเค้าเพราะเรานอกใจแอบคุยกับคนอื่น แต่แฟนคนที่สามและสี่เค้าทิ้งเรา เราก็คิดเอาเองว่าแฟนคนที่สามเราคงทิ้งเราไป ให้เราได้เจ็บปวดใจคงเป็นเวรกรรมจากที่เราทำแฟนคนแรกไว้ ส่วนคนที่สี่เราคิดว่าเราอยากจะจริงจังกับเค้ากว่าทุกคน อยากจะคบกันไปนาน ด้วยวัยและด้วยเรื่องราวที่เราเคยเจอผ่านมาที่ได้แชร์ประสบการณ์กัน อยากเป็นสิ่งดีๆในชีวิตเค้า อยากทำเรื่องราวดีๆให้เกิดขึ้นระหว่างเรา อยากดูแลกันไปนานๆ เราจริงใจและซื่อสัตย์กับเค้าตลอดมา แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างหวัง เราก็คิดว่าคงเป็นเพราะเราทำไว้กับแฟนคนที่สองของเรา ที่เค้าก็เคยเจ็บนาน และทรมานในการเคยตั้งความหวังในความสัมพันธ์ของเรา แต่มันพังลงไป

เรามองว่า เราก็เป็นคนทำบุญนะ วันพระชวนแม่เข้าวัด สอนหลานให้ทำบุญ นั่งสมาธิ สวดมนต์ก่อนนอน  ไปวัดฟังเทศน์ทุกวันพระใหญ่ ใส่บาตรเกือบทุกเช้าวันเสาร์ บริจาคเงินและสิ่งของให้กับมูลนิธิ โรงพยาบาลและผู้ยากไร้ เราทำบุญเพื่อความสบายใจของตนเอง ไม่ได้ตั้งหวังว่าทำบุญแล้ว เราต้องได้โชคลาภ ต้องได้นั่นโน้นนี่ ขอแค่เราได้พบเจอแต่คนดีๆ มีสติที่ดี เพราะจริงๆเราเป็นคนที่มีโทสะง่ายมาก เลยภาวนาหลังทำบุญแค่นี้พอ ก็พยายามพัฒนาการควบคุมจิตใจตนเอง

ประเด็นมันอยู่ที่แฟนคนที่สี่ของเราที่นี่แหละ ที่เราสงสัยว่า เวรกรรมมีจริงมั้ย? ทำไมเค้าเคยทำกับใครๆมาหลายคนแต่เค้าก็มีความสุข สบายดีอยู่ตลอด ทั้งที่ตลอดเวลาเค้าก็ทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวดใจทั้งนั้น แล้วเค้าเป็นอะไรที่เวลาเราชวนไปตักบาตร เค้าก็จะชอบตื่นสาย พอไปวัดไปทำบุญก็อิดออด แล้วที่บ้านของเค้าก็ไม่ชอบเข้าวัด วันทำบุญวันพระใหญ่ก็ไม่ไปวัดกัน การทำบุญทำทานรูปแบบอื่นเราก็ไม่เคยเห็นว่าจะทำ
แต่พอเค้าเลิกกับแฟนคนที่หนึ่งของเค้า ด้วยการนอกใจแฟนตัวเองที่คบกันมาเป็นทั้งเพื่อนทั้งแฟนมาตั้งแต่ม.1 พอม.ปลายชวนแฟนไปต่างจังหวัดไปเที่ยวนอกลู่นอกทางสายตาผู้ใหญ่ แฟนคนแรกของแฟนเก่าเราไม่ไปด้วย (แฟนเก่าเราคงไม่อยากจิ้น เพื่อนๆก็ไม่จิ้น) ก็เลิกกับแฟนคนแรกไปคบกับแฟนคนที่สอง ซึ่งสองคนนี้เค้าก็เป็นเพื่อนรู้จักกันกับแฟนคนแรกของแฟนเก่าเรา เพราะแฟนคนที่สองของแฟนเก่าเราให้ในสิ่งที่เค้าต้องการได้ พอคบกับแฟนคนที่สองก็นอกใจไปมีกิ๊ก แล้วก็กลับมาหาแฟนคนที่สองนี้อีกที พอถึงตอนนั้นเค้าก็ไม่เอาแล้ว แต่ก็เอาตัวเองเค้าแลก จนเค้าอยู่ด้วยแค่ตัวแต่ไม่มีใจ จนจบมหาวิทยาลัยก็ได้ทำงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานจนได้มาเจอกับเรา หลอกคบกับเรามาสามปี พ่อแม่เค้าก็ดีกับเรา จนเราเองก็คิดว่าคงจะดี แต่มารู้ทีหลังตอนเลิกนี่แหละว่าใครมีประโยชน์กับลูกเค้า เค้าก็จะทำดีด้วยหมด ที่ว่าประโยชน์เรามีประโยชน์แน่นอน เราเป็นคนในพื้นที่ เค้าใช้ชีวิตทำงานในต่างจังหวัดโดยที่มีเราและครอบครัวเราคอยให้ความสะดวกสบาย ดูแลเค้าเป็นอย่างดี เราออกรถยนต์เพื่อที่จะได้มีสมบัติอะไรเป็นของตัวเอง และได้ขับพาเค้าไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่เราออกรถไม่นาน พ่อเค้าก็เอารถกลับ จากที่เคยเอารถมาให้ลูกใช้ บอกว่าจะเอารถขึ้นไปซ่อม รถอะไรซ่อมอยู่เกือบสองปี เวลาที่เค้าไปอยู่กับครอบครัวเรา พ่อเค้าก็ชอบถามว่าไปบ้านเราต้องเสียอะไรมั้ย (แปลกดีเนอะทั้งๆที่เป็นพ่อแม่คนอื่นคงจะบอกว่า ไปอยู่บ้านเค้ามีไรติดไม้ติดมือไปบ้างนะลูก) ทั้งๆที่ทุกวันหยุดที่เค้าไปอยู่กับครอบครัวเราเค้าแทบจะไม่ต้องเสียอะไรสักบาท จนปลายปีที่สามที่เราคบกัน เค้าก็เจอเป้าหมายใหม่ เป็นพนักงานบรรจุใหม่ เค้าก็เปลี่ยนจากคนที่รักกันดีๆ บอกรักกันทุกวัน กลายเป็นอีกคน ทำตัวเหินห่างทั้งที่เราก็อยู่บ้านเดียวกันแล้ว สุดท้ายเค้าก็ไปกับเป้าหมายใหม่ของเค้า บอกเลิกเราไม่ถึงชั่วโมง ก็ไปอยู่กับแฟนใหม่ทันที

เรื่องราวร้ายๆ ธาตุแท้ของเค้าได้เห็นกันตอนหลังเลิกกันนี่แหละ มันเป็นสงครามน้ำลายกันชัด แต่เค้าเป็นคนที่นิ่งกว่า สร้างภาพได้ดีกว่าเค้าเลยกลายเป็นคนไม่ผิดอะไร ทั้งที่นอกจากเรา คบซ้อนกับไอ้แฟนใหม่ จู่ๆเราก็เป็นผิดเฉยเลย กลายเป็นคนยื้อฉุดรั้งเค้า กลายเป็นคนที่เกาะเค้า เค้ากล่าวหาว่าตลอดเวลาที่เค้าได้ใช้รถของเรา เค้าช่วยผ่อนรถ ช่วยค่าใช้จ่ายบำรุงรักษารถ ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย เรารับผิดชอบของเราเองมาตลอด เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจมาก เราก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมเค้าถึงกลายเป็นคนที่ร้ายได้ขนาดนี้ จนเราก็ได้คุยกับพ่อแม่ของเค้า เราเลยได้รู้ว่าที่เค้าว่า "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น มันเป็นแบบนี้นี่เอง.." เรามารู้ความจริงทีหลังจากแม่ของเค้าว่าบ้านเค้ามีแต่หนี้สิน พอเลิกกันเราลูกเค้าก็ลำบากไม่มีรถใช้ที่นี่ เค้าก็ให้แฟนใหม่ออกรถมาให้ลูกตัวเองใช้ ลงทุนลางานขับรถจากกรุงเทพเอารถมาส่งให้ถึงกระบี่ จนอื่นเค้าใจว่านั่นเป็นรถของลูกตัวเอง ทั้งๆที่เป็นรถของแฟนใหม่ แฟนใหม่อุตส่าใช้เงินเก็บมาดาวน์รถทั้งที่ตัวเองยังขับรถไม่เป็น ดูเค้ามีความสุขแฮปปี้กันเหลือเกิน

อ่อ ความร้ายกาจของแฟนเก่าเราอีกอย่าง ที่เราไม่เคยเห็นแววว่าเค้าจะเป็นคนแบบนี้ไปได้ คือ เพื่อนในหน่วยงานที่ทำงานกับเค้า เป็นชู้กับคู่หมั้นคนอื่น โดยที่คู่หมั้นคู่นั้นเค้าก็อยู่ในบ้านพักพนักงานด้วยกัน ตอนสมัยที่ยังคบกับเรา เค้าก็บอกว่าเค้าไม่ชอบพฤติกรรมของเพื่อนคนนั้นเลยที่ไม่ตัดใจจากผู้ชายที่มีคู่หมั้นแล้ว พอเลิกกับเราเค้าก็ไปสนิทอยู่กับเพื่อนคนนั้น เป็นว่าอยู่คบหาไปไหนมาไหนกันแค่สี่คน แฟนเก่าเรา แฟนใหม่แฟนเก่าเรา เพื่อนที่แย่งคู่หมั้นคนอื่น ผู้ชายที่มีคู่หมั้นแล้ว แรกๆที่เลิกกับเราก็เอารถที่เพื่อนที่แย่งคู่หมั้นคนอื่นมาใช้กับแฟนใหม่สักระยะ (มีความใช้รถคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่คิดที่จะออกเป็นของตัวเอง) ด้วยความที่มีผลประโยชน์ต่อกัน แฟนเก่าเราได้มีรถใช้(ทั้งที่แต่ก่อนว่าเพื่อนผู้หญิงที่แย่งคู่หมั้นคนอื่นให้เราฟังอยู่บ่อยๆแต่ตอนนี้แทบจะจับจูบปากกันเลยทีเดียว มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ เพราะตอนที่แฟนเก่าเราแอบคบกับแฟนใหม่ของแฟนเก่าเรา โดยที่เราไว้วางใจว่าทุกคนก็คือเพื่อนกันทั้งนั้น แต่คอยร่วมด้วยช่วยกันแทงข้างหลังเราอยู่ราวเดือนกว่าๆโดยไม่รู้ตัวเลยว่าแฟนเรามีชู้) ผู้หญิงคนที่แย่งคู่หมั้นคนอื่นมาเค้าก็เป็นคนเฟรนลี่ และคงคิดว่าการอยู่รวมกันหลายๆคน มันจะดูไม่น่าเกลียดเวลาไปไหนมาไหนกับคู่หมั้นคนอื่น สุดท้ายความร้ายกาจของแฟนเก่าเรานี่แหละ ที่คอยอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าการจะเปิดบ้านพักมาขลุกกันอยู่สองคู่ เฮฮาปาร์ตี้กันอยู่สองคู่ ออกไปไหนมาไหนกันสองคู่ ด้วยรถสองคันแล้วไปแยกคู่เอาข้างนอก ทำให้คู่หมั้นของผู้ชายคนที่คู่หมั้นอยู่แล้วทนไม่ไหว ต้องออกไปจากบ้านพัก เพราะการร่วมมือช่วยเหลือกันรู้เห็นเป็นใจของแฟนเก่าเรานี่แหละ (เค้าตัวคนเดียวจะสู้อะไรกับการทำงานเป็นทีมแย่งแฟนคนอื่นขนาดนั้นได้) คู่หมั้นของผู้ชายที่มีคู่หมั้นแล้วเค้าก็สุดทน พยายามพูดดีๆกับเพื่อนแฟนเก่าเราที่แย่งคู่หมั้นคนอื่นมาก็แล้ว แต่มาเจอทีมงานแย่งคู่หมั้นที่เป็นแฟนเก่าเราต้องยอมถอนตัวออกไป ที่แรกเราก็งงทำไมรู้แล้วยังอยู่กับผู้ชายที่หน้าตัวเ_ียไม่แมนแบบนี้ เพราะเค้าบอกกับเพื่อนแฟนเก่าที่แย่งคู่หมั้นคนอื่นว่า ไม่อยากอยู่กับคู่หมั้นตัวเองแล้ว คงไปด้วยกันไม่ได้แล้ว แต่พอเข้าบ้านก็บอกกับคู่หมั้นตัวเองว่า พี่กับผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรเกินเลย เป็นแค่เพื่อนในกลุ่ม ก็น่าเห็นใจผู้หญิงทั้งสองฝั่งที่โดนผู้ชายเจ้าชู้หน้าตัวเ_ียไม่ยอมเลือกใคร จนคู่หมั้นตัวเองต้องยอมออกไปเอง ในที่สุดเพื่อนของแฟนเก่าเราก็เอาผู้ชายที่เห็นแก่ตัวหน้าตัวเ_ียแบบนั้นไปได้สำเร็จ พอมาถึงตอนนี้ต่างคู่ต่างก็มีรถต่างก็แยกย้ายกันไป อยู่คู่ใครคู่มัน อย่างแฮปปี้มีความสุข

ทำไมคนที่ทำตัวแบบนี้ นอกใจแฟน แย่งแฟนคนอื่น แย่งคู่หมั้นคนอื่น เค้าถึงดูโคตรๆแฮปปี้ เหมือนไม่ต้องรับเวรกรรมอะไรเลย เหมือนว่ายิ่งทำเลวไม่ละอายใจแก่บาปยิ่งได้ดี งั้นคนเราจะรักดี รักเดียวไปทำไมกัน!!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่