[CR] Before I Fall : ตื่นมา ทุกวัน ฉันตาย (ตายจากการเป็นคนเดิมๆ) After I Aware : ตื่นมา ทุกวัน ฉันตื่น/ตระหนักรู้

SPOILED



ในขณะที่ตื่นอยู่
มนุษย์นั้นหลงลืมและเลินเล่อ
ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
เช่นเดียวกับในขณะที่หลับ
คนโง่ ถึงแม้จะได้ยิน
ก็เหมือนหูหนวก
สำหรับคนโง่แล้ว ว่ากันว่า
ถึงแม้ตัวจะอยู่
ก็ราวกับไม่อยู่
เราไม่ควรกระทำหรือพูดสิ่งใด
ราวกับว่ากำลังหลับใหล
ผู้ตื่นแล้วมีโลกหนึ่งที่เหมือนกัน
ผู้หลับใหลมีโลกส่วนตัวของตนเอง
สิ่งใดก็ตามที่เราเห็นเมื่อตื่นคือความตาย
สิ่งที่เห็นเมื่อหลับคือความฝัน
#ตื่นรู้ #Awareness #Osho


“Maybe you can afford to wait. Maybe for you there's a tomorrow. Maybe for you there's one thousand tomorrows, or three thousand, or ten, so much time you can bathe in it, roll around it, let it slide like coins through you fingers. So much time you can waste it. But for some of us there's only today. And the truth is, you never really know.”

"คนบางคนอาจจะมีเวลารอได้ คนบางคนอาจจะมีวันพรุ่งนี้
คนบางคนอาจจะมีวันพรุ่งนี้อีกหนึ่งพันหรือสามพัน หรือหมื่นวัน มากเท่าที่คุณจะมีได้ มีเวลาไปใช้ด้วยความสนุกสนาน หรือปล่อยให้มันผ่านง่ามมือไปเหมือนกับเหรียญ มีเวลาที่จะเสียไปเท่าไรก็ได้ แต่คนบางคนมีเพียงแค่วันนี้เท่านั้น และข้อเท็จจริงก็คือคุณไม่มีทางรู้ว่าคุณมีเวลาเหลือเท่าไร"

รีวิวนี้อยากจะมาตามหาคนที่มีแนวคิดใกล้เคียงกัน
ไม่ขอรีวิวเรื่องรายละเอียดในแต่ละช่วงละตอนของหนัง
แต่อยากจะมาแตกประเด็นด้านนามธรรมที่นางเอกต้องตื่นวนลูปไปเรื่อยๆ

ส่วนตัวคิดว่านางเอกคือคนที่ต้องตายตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
เป็นเพียงตัวแทนของคนที่ต้องตายโดยไม่เข้าใจชีวิต
ไม่รู้สาเหตุที่มาที่ไป ก็จะจากไปอย่างไม่สงบสุขนัก
แต่เป็นคนเดียวที่สามารถใช้เวลาเท่าไรก็ได้เพื่อมาเข้าใจชีวิตและสถานการณ์เดิมๆ
จนกระทั้งค้นพบความหมายของการตายของตัวเอง


เริ่มเรื่องด้วยการที่เราต้องตื่นซ้ำๆ พยายามแก้ไขเรื่องราวของทุกๆ วัน
วันละเล็กละน้อย เพื่อว่าให้วันพรุ่งนี้ดำเนินต่อไป
แต่ปรากฏว่าไม่ว่าจะเพิ่มความพยายามสักเท่าไร
ก็ยังต้องตื่นมาเจอกับสภาพของวันเดิมก่อนที่เราจะเสียชีวิต

หากมองย้อนเอาตัวเองลงไปในเรื่องราวการวนลูปเหล่านั้น
เราก็คงจะทำอะไรไม่ต่างไปจากที่นางเอกทำเท่าไร
แต่รู้สึกชอบที่หนังแสดงออกมาให้เราเห็นว่า หากเราได้มีโอกาสเข้าไปในเหตุการณ์เดิม
โดยที่สติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์และเรารู้ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
เราไม่มีทางที่จะทำอะไรที่กระทบกระทั่งคนอื่น
หรือทำไปตามอำเภอใจของตัวเอง
เหมือนการมองเห็นผลกระทบและเห็นตัวเองชัดเจนว่าพฤติกรรมของเราเป็นเช่นไร


ซึ่งบางครั้งกลุ่มคนที่เป็นอันธพาลหรือหัวโจกในสังคม
ก็ค่อนข้างที่จะน่าสงสารเพราะเค้าไม่ได้ออกมายืนดูพฤติกรรมตัวเองข้างนอกว่าสิ่งที่ทำไปนั้นน่ารังเกียจและงี่เง่าเพียงใด
เขาแค่สนองอารมณ์ ณ ตอนนั้นให้ได้มากที่สุด

“I shiver, thinking how easy it is to be totally wrong about people — to see one tiny part of them and confuse it for the whole, to see the cause and think it's the effect or vice versa”

"ฉันรู้สึกสั่นเมื่อคิดว่ามันง่ายเพียงใดที่เราจะเข้าใจผิดคนๆ หนึ่ง แค่เราเห็นจุดเล็กมากๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเขา เราก็สับสนและเหมารวมไปว่าทั้งหมดที่เราเห็นคือบุคคลนั้น  แต่เมื่อเราเห็นและตื่นรู้ถึงผลของการเข้าใจผิด เราจะเห็นผลกระทบหรือสิ่งที่อยู่ในทางตรงกันข้าม"

หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์เรื่องความสำคัญของสติสัมปชัญญะและการตื่นรู้อย่างมาก
เนื่องจาก จขทก มีโอกาสได้อ่านหนังสือหลายเล่มของ Osho
และเล่มแรกที่อ่านคือเรื่องตื่นรู้  Awareness
ซึ่งตอนที่ได้อ่านรู้สึกได้พาตัวเองไปยังอีกมุมมองหนึ่งของชีวิตที่ลึกซึ้งกว่าเดิม
อาจจะไม่เข้าใจความหมายครบถ้วนแต่หนังสือเล่มนี้ช่วยดึงสติกลับมาได้มากเวลาฟุ้งซ่าน

ซึ่งตอนดูหนังเรื่องนี้ไปก็คิดว่า
นี่ใช่เลย
นี่คือคำอธิบายทั้งหมดของการตื่นรู้แบบเป็นรูปธรรม

การที่นางเอกมีโอกาสได้วนลูปมาทำให้ได้เห็นพฤติกรรมตัวเองอย่างถ่องแท้
เห็นสถานการณ์โดยรวมชัดเจน ไม่เห็นเฉพาะในมุมของตนเอง

ถึงกระนั้นแล้ว การที่เราตื่นรู้พร้อม ก็ยังไม่ใช่คำตอบ
เพราะต่อให้เราทำตัวแย่มาก ดีมากแค่ไหน เหตุการณ์ก็ยังวนไปในรูปแบบเดิม
จนกลับมาค้นพบว่า รู้อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องประพฤติและปฏิบัติตนไปในแนวทางของผู้ตื่นรู้ด้วย
คือการที่ทำทุกวันให้คุ้มค่า ให้ความรักและแสดงความรักออกไปให้คนที่รักเรา
มันทำให้ชีวิตมีคุณค่าและมีความหมาย

และการเข้าใจเหตุการณ์ตั้งแต่การตายของคนทั้งหมดจนมาถึงที่มาของพฤติกรรมและจุดจบเหล่านั้น
ก็ทำให้ได้เข้าใจว่า หากเราอยู่ในทุกๆ มุม เอาตัวเองไปยืนดูแต่ละจุดของผู้ที่ถูกเรากระทำและผู้ที่กระทำเรา
เราก็จะไม่เกิดการเจ็บแค้นใจหรือทุกข์ใจ
แต่พยายามเข้าใจและทำแต่ละวันนั้นให้ดีขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจ

สิ่งที่ได้มา แม้เราจะตายไป แต่เราก็ตายอย่างมีความหมาย
ตายอย่างตื่นรู้และน้อมรับต่อการตายนั้น
เหมือนมีสติ ระลึกและเข้าใจถึงทุกเรื่องราวในชีวิต
เข้าใจในกรรมและวาระของตัวเอง


ซึ่งถือว่าหนังเรื่องนี้ หากมองลงไปให้ลึกซึ้ง
มันคือชีวิตประจำวันของเราทุกคน ที่ดำเนินไปโดยไม่เคยหันมาสนใจหรือมีความรับผิดชอบต่อการกระทำที่ตัวเองส่งออกไป
และในวันที่ความตายมาเยือน ความไม่เข้าใจในชีวิต
จะนำมาสู่ความกลัว การไม่ยอมรับ และทนทุกข์ทรมานจากการที่ตัวเองต้องตายไป
เหมือนคนที่ยังคงหลับต่อไป

เรื่องราวของเขาทั้งหมดคือความฝัน เพราะในขณะที่เขามีชีวิตอยู่
เขาไม่เคยใช้ชีวิตอย่างผู้ที่ตื่น(รู้)แล้วเลย

“How is it possible, I think, to change so much and not be able to change anything at all?”
― Lauren Oliver, Before I Fall

"มันเป็นไปได้อย่างไร ที่เราจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายขนาดนี้ โดยที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย"

ก็เหมือนการที่เราตื่นรู้ในทุกๆ วัน การกระทำที่เราส่งออกไปจะต่างกัน
จนถึงวันหนึ่งเราเข้าใจความหมายที่แท้จริง ชีวิตของเราก็ยังต้องดำเนินไปยังจุดเดิม
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์อะไรไปมากนัก

แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือตัวเราเอง ที่มีชีวิตอย่างคุ้มค่า
มีความหมายและเกิดประโยชน์มากที่สุด

ว๊าววววววว เขียนดีอะไรเบอร์นี้ 555
ในส่วนของ concept นั้นเข้าใจ แต่ในทางปฏิบัตินั้นยังต้องเจ็บกันอีกเยอะ
ขอให้ทุกคนสนุกและได้ข้อคิดจากหนังเหมือนเรานะ
ผิดพลาดประการใดขออภัย
ชื่อสินค้า:   Before I Fall
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่