7)
[หนังโรงเรื่องที่ 191] Before I Fall - หยั่งกะโฆษนาประกันชีวิต ; (Ry Russo-Young, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B (จากสเกล D-A)
**มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญเล็กน้อย
เรื่องย่อ : วันที่ 12 กุมภาพันธ์ก็คงเป็นแค่อีกวันหนึ่งในชีวิตของสาวไฮสคูลวัยสะพรั่งอย่าง "แซม-ซาแมนธา คิงสตัน" (Zoey Deutch) ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนสาวแสนสนิทและแฟนหนุ่มสุดป๊อปของโรงเรียน ... แต่หารู้ไม่ว่าวันนี้จะเป็นวันที่เธอจะเสียชีวิต แล้วเธอก็พบว่าเธอ 'กำลังติด' อยู่ในวังวนของวันที่ 12 กุมภาอย่างไม่จบสิ้น ทุกๆครั้งที่หลับผลอยไปเมื่อไรเธอก็จะลืมตื่นขึ้นมาในเช้าวันเดิมเสมอ ดังนั้นเพื่อที่จะทำลายวังวนที่ไม่จบสิ้นนี้ แซมจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองและคนรอบข้าง
.
.
จริงๆพล็อตจำพวก Loop แบบนี้นี่ค่อนข้างน่าสนใจนะ เพราะเป็นการเล่าเรื่องที่ท้าทายมากๆว่าจะทำยังไงไม่ให้มันออกมาน่าเบื่อ (ยกตัวอย่างหนังที่ประสบความสำเร็จอย่าง Edge of Tomorrow, Source Code เป็นต้น) ซึ่งสำหรับ Before I Fall ก็ต้องบอกว่าผู้กำกับนั้นเอาตัวรอดได้แบบ 'หวุดหวิด' น่าดูเลยล่ะ คือมันปริ่มอยู่ในเส้นที่ว่าหนังจะล่มแล้วหากไม่รีบเดินเรื่องเข้าสู่ช่วงไคลแม็กซ์ไวๆ
โดยใจความสำคัญของเรื่องก็จะวนเวียนอยู่กับทอปิคยอดนิยมของหนังวัยรุ่นสไตล์ Mean Girls แบบอเมริกันจ๋าๆเลย ไม่ว่าจะเป็น มิตรภาพหักเหลี่ยมโหดในกลุ่มเพื่อนสาว, การรังแก (bully) ในโรงเรียน และสุดท้ายคือเรื่องผู้ชาย--ครบสูตรเป๊ะ ซึ่งหนังมันก็ถ่ายทอดเรื่องความโหดร้ายในสังคมไฮสคูลอเมริกันออกมาได้ดีพอสมควรกับตัวละคร "จูเลียต" (Elena Kampouris) ที่ถูกบุลลี่จากกลุ่มเพื่อนของนางเอกทั้งหนักทั้งเบาเป็นประจำ ... แต่ดันตกม้าตายในฐานะปมส่วนตัวของตัวละคร "จูเลียต" นี่แหละ โดยส่วนตัวคิดว่าหนังยังให้เวลาน้อยไปในการนำเสนอความยากลำบากและทุกข์ทรมานที่เธอได้รับจากการถูกรังแกตลอดหลายๆปี จนสุดท้ายแล้วการตัดสินใจของตัวละครนั้นในภายหลังมันก็เลยดู 'ด่วนสรุป' ไปอย่างน่าเสียดาย
กลับมาพูดถึงนางเอกบ้าง คือในเรื่องเนี่ยเขาวาดภาพตัวเอกอย่าง "แซม" ให้ออกมาในลักษณะ super-average-girl มากๆ คือเป็นเด็กสาวที่มีครอบครัวที่อบอุ่น-ฐานะดี มีพ่อแม่และน้องสาวที่น่ารัก เรียกง่ายๆเอาแค่นี้ชีวิตนางก็ชนะเลิศหนักหนาแล้ว--แซมตกเป็นหนึ่งใน 'ผู้สมรู้ร่วมคิด' ของการบุลลี่ไปโดยไม่รู้ตัว คือเธอไม่ได้รังเกียจหรือโกรธเกลียดอะไรกับคนที่ถูกรังแกหรอก "แต่ในเมื่อคนอื่นๆเขาโห่ฮาล้อเลียนนังนั่นกัน ถ้าเราทำๆตามไปบ้างก็คงไม่ผิดอะไรหรอกมั้ง?" ซึ่งก็ถือว่าหนังจับปัญหาหลักข้อของการบุลลี่นี้ออกมาได้แม่นยำดี
แต่!! แต่ถึงแม้หนังจะจับประเด็นออกมาได้ดี แต่พอลงภาคปฏิบัติแล้วมันดันให้ความรู้สึก 'ไม่นำพา' คือในช่วงท้ายของเรื่องที่แซมเริ่มมุ่งมั่นที่จะยื่นมือออกไปช่วยเหลือเหยื่อของการบุลลี่อย่างจูเลียตนั้นถูกถ่ายทอดออกมาได้ไม่น่าสนใจมากๆ คือตัวเอกเราก็พูดจาทำนองว่าเข้าใจหัวอกของจูเลียตดี แต่ทุกอย่างมันต้องดีขึ้นได้นะขอแค่ให้เธอคิดบวกก็พอ! ... ฮัลโหล ถ้ามันง่ายขนาดนั้นจิตแพทย์ก็คงตกงานกันหมดแล้วล่ะที่รัก คือวิธีที่หนังเสนอทางแก้ออกมานั้นมันดูตื้นเขินมักง่ายไปหน่อย เป็นการมองแบบเอาทัศนคติตัวเองเป็นใหญ่โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงเจ้าตัวเลย ซึ่งในข้อบกพร่องนี้ก็คงต้องติไปทางบทที่เทเวลามากมายไปให้พาร์ทรักๆใคร่ๆ จนเวลาเหลือไม่พอที่จะมาขับเน้นในหัวข้อหลัก
พูดถึงส่วนรักๆใคร่ๆนี่ก็ขัดใจพอสมควร คือเริ่มเรื่องมานั้นหนังก็ชี้ให้เห็นว่าแซมนั้นกำลังคบอยู่กับหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนในมาดแบ๊ดบอยผู้ฟันหญิงเป็นอาชีพหลัก (ซึ่งมันแบ๊ดมากๆจนรู้สึกว่าตัวละครลุคนี้มันล้าสมัยไปแล้วรึเปล่า?) แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีราชานก/กู้ดกายอย่าง "เคนท์" (Logan Miller) แอบชอบเธออยู่ห่างๆ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นแซมเองก็ตั้งใจจะเสียตัวให้แฟนหนุ่มรูปหล่อในคืนวันที่ 12 อยู่นี้อยู่แล้ว แต่เธอก็ดันมาติดอยู่ในลูปนี้เสียก่อนจนทำให้เธอค่อยๆมองเห็นความดีของกู้ดกายและเปลี่ยนใจไปรักเขาในที่สุด ... ในส่วนนี้ผู้เขียนคิดว่ามันค่อนข้างฟุ่มเฟือยไปหน่อย ในความรักใหม่ของตัวละครสองตัวยังเป็นตาชั่งที่ไม่ค่อยสมดุลเท่าไร คือฝ่ายชายนั้นมีความชื่นชอบฝ่ายหญิงมาตั้งแต่นานนมแล้วก็ไม่แปลกอะไรที่ความรักจะก่อตัวได้ไม่ยาก แต่ตัวฝ่ายหญิงเนี่ยยังขาด 'เหตุผลของความรัก' ไปเยอะเลย--โอเคเข้าใจว่าแซมอาจจะ appreciate กับสิ่งดีๆที่เคนท์ทำให้ในช่วงเวลาที่เธออ่อนแอได้ แต่ถึงกับรักหรอ? ไม่ม้าง
ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นฉากไดอะล็อกสั้นๆของแซมกับตัวละคร "แอนนา" (Liv Hewson) ที่ถูกกลั่นแกล้งด้วยเหตุผลทีว่า "เธอเป็นทอม" (หรือเลสเบี้ยนเฉยๆอันนี้ไม่แน่ใจ) ซึ่งแม้จะเป็นฉากพูดคุยสั้นๆที่หนังไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่ แต่ด้วยการส่งอารมณ์ของทั้งสองตัวละครที่ประสานกันได้สวยงามก็เลยทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในฉากที่น่าสนใจที่สุด เป็นส่วนผสมที่ปนกันระหว่างความเกรี้ยวกราดที่เยือกเย็นของแอนนา ที่มาปะทะกับความไม่เชื่อถือในตัวเองของแซม กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่สุด
เพลงประกอบค่อนข้างติดหูพอสมควร เป็นลูกผสมระหว่างสไตล์ของ Interstellar+Steve Jobs ที่ให้ความรู้สึกฟุ้งนิดๆ ไซไฟหน่อยๆ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจดี ไปดูในโรงก็อย่าลืมเงี่ยหูฟังกันนะจ๊ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากชื่นชอบรีวิวรบกวนช่วยไลค์ช่วยแชร์เพื่อให้กำลังใจหรือติดตามผลงานได้ที่เพจ https://www.facebook.com/expensivemovie/ นะครับ!
[หนังโรงเรื่องที่ 191] Before I Fall - หยั่งกะโฆษนาประกันชีวิต by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 191] Before I Fall - หยั่งกะโฆษนาประกันชีวิต ; (Ry Russo-Young, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B (จากสเกล D-A)
**มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญเล็กน้อย
เรื่องย่อ : วันที่ 12 กุมภาพันธ์ก็คงเป็นแค่อีกวันหนึ่งในชีวิตของสาวไฮสคูลวัยสะพรั่งอย่าง "แซม-ซาแมนธา คิงสตัน" (Zoey Deutch) ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนสาวแสนสนิทและแฟนหนุ่มสุดป๊อปของโรงเรียน ... แต่หารู้ไม่ว่าวันนี้จะเป็นวันที่เธอจะเสียชีวิต แล้วเธอก็พบว่าเธอ 'กำลังติด' อยู่ในวังวนของวันที่ 12 กุมภาอย่างไม่จบสิ้น ทุกๆครั้งที่หลับผลอยไปเมื่อไรเธอก็จะลืมตื่นขึ้นมาในเช้าวันเดิมเสมอ ดังนั้นเพื่อที่จะทำลายวังวนที่ไม่จบสิ้นนี้ แซมจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองและคนรอบข้าง
.
จริงๆพล็อตจำพวก Loop แบบนี้นี่ค่อนข้างน่าสนใจนะ เพราะเป็นการเล่าเรื่องที่ท้าทายมากๆว่าจะทำยังไงไม่ให้มันออกมาน่าเบื่อ (ยกตัวอย่างหนังที่ประสบความสำเร็จอย่าง Edge of Tomorrow, Source Code เป็นต้น) ซึ่งสำหรับ Before I Fall ก็ต้องบอกว่าผู้กำกับนั้นเอาตัวรอดได้แบบ 'หวุดหวิด' น่าดูเลยล่ะ คือมันปริ่มอยู่ในเส้นที่ว่าหนังจะล่มแล้วหากไม่รีบเดินเรื่องเข้าสู่ช่วงไคลแม็กซ์ไวๆ
โดยใจความสำคัญของเรื่องก็จะวนเวียนอยู่กับทอปิคยอดนิยมของหนังวัยรุ่นสไตล์ Mean Girls แบบอเมริกันจ๋าๆเลย ไม่ว่าจะเป็น มิตรภาพหักเหลี่ยมโหดในกลุ่มเพื่อนสาว, การรังแก (bully) ในโรงเรียน และสุดท้ายคือเรื่องผู้ชาย--ครบสูตรเป๊ะ ซึ่งหนังมันก็ถ่ายทอดเรื่องความโหดร้ายในสังคมไฮสคูลอเมริกันออกมาได้ดีพอสมควรกับตัวละคร "จูเลียต" (Elena Kampouris) ที่ถูกบุลลี่จากกลุ่มเพื่อนของนางเอกทั้งหนักทั้งเบาเป็นประจำ ... แต่ดันตกม้าตายในฐานะปมส่วนตัวของตัวละคร "จูเลียต" นี่แหละ โดยส่วนตัวคิดว่าหนังยังให้เวลาน้อยไปในการนำเสนอความยากลำบากและทุกข์ทรมานที่เธอได้รับจากการถูกรังแกตลอดหลายๆปี จนสุดท้ายแล้วการตัดสินใจของตัวละครนั้นในภายหลังมันก็เลยดู 'ด่วนสรุป' ไปอย่างน่าเสียดาย
กลับมาพูดถึงนางเอกบ้าง คือในเรื่องเนี่ยเขาวาดภาพตัวเอกอย่าง "แซม" ให้ออกมาในลักษณะ super-average-girl มากๆ คือเป็นเด็กสาวที่มีครอบครัวที่อบอุ่น-ฐานะดี มีพ่อแม่และน้องสาวที่น่ารัก เรียกง่ายๆเอาแค่นี้ชีวิตนางก็ชนะเลิศหนักหนาแล้ว--แซมตกเป็นหนึ่งใน 'ผู้สมรู้ร่วมคิด' ของการบุลลี่ไปโดยไม่รู้ตัว คือเธอไม่ได้รังเกียจหรือโกรธเกลียดอะไรกับคนที่ถูกรังแกหรอก "แต่ในเมื่อคนอื่นๆเขาโห่ฮาล้อเลียนนังนั่นกัน ถ้าเราทำๆตามไปบ้างก็คงไม่ผิดอะไรหรอกมั้ง?" ซึ่งก็ถือว่าหนังจับปัญหาหลักข้อของการบุลลี่นี้ออกมาได้แม่นยำดี
แต่!! แต่ถึงแม้หนังจะจับประเด็นออกมาได้ดี แต่พอลงภาคปฏิบัติแล้วมันดันให้ความรู้สึก 'ไม่นำพา' คือในช่วงท้ายของเรื่องที่แซมเริ่มมุ่งมั่นที่จะยื่นมือออกไปช่วยเหลือเหยื่อของการบุลลี่อย่างจูเลียตนั้นถูกถ่ายทอดออกมาได้ไม่น่าสนใจมากๆ คือตัวเอกเราก็พูดจาทำนองว่าเข้าใจหัวอกของจูเลียตดี แต่ทุกอย่างมันต้องดีขึ้นได้นะขอแค่ให้เธอคิดบวกก็พอ! ... ฮัลโหล ถ้ามันง่ายขนาดนั้นจิตแพทย์ก็คงตกงานกันหมดแล้วล่ะที่รัก คือวิธีที่หนังเสนอทางแก้ออกมานั้นมันดูตื้นเขินมักง่ายไปหน่อย เป็นการมองแบบเอาทัศนคติตัวเองเป็นใหญ่โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงเจ้าตัวเลย ซึ่งในข้อบกพร่องนี้ก็คงต้องติไปทางบทที่เทเวลามากมายไปให้พาร์ทรักๆใคร่ๆ จนเวลาเหลือไม่พอที่จะมาขับเน้นในหัวข้อหลัก
พูดถึงส่วนรักๆใคร่ๆนี่ก็ขัดใจพอสมควร คือเริ่มเรื่องมานั้นหนังก็ชี้ให้เห็นว่าแซมนั้นกำลังคบอยู่กับหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนในมาดแบ๊ดบอยผู้ฟันหญิงเป็นอาชีพหลัก (ซึ่งมันแบ๊ดมากๆจนรู้สึกว่าตัวละครลุคนี้มันล้าสมัยไปแล้วรึเปล่า?) แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีราชานก/กู้ดกายอย่าง "เคนท์" (Logan Miller) แอบชอบเธออยู่ห่างๆ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นแซมเองก็ตั้งใจจะเสียตัวให้แฟนหนุ่มรูปหล่อในคืนวันที่ 12 อยู่นี้อยู่แล้ว แต่เธอก็ดันมาติดอยู่ในลูปนี้เสียก่อนจนทำให้เธอค่อยๆมองเห็นความดีของกู้ดกายและเปลี่ยนใจไปรักเขาในที่สุด ... ในส่วนนี้ผู้เขียนคิดว่ามันค่อนข้างฟุ่มเฟือยไปหน่อย ในความรักใหม่ของตัวละครสองตัวยังเป็นตาชั่งที่ไม่ค่อยสมดุลเท่าไร คือฝ่ายชายนั้นมีความชื่นชอบฝ่ายหญิงมาตั้งแต่นานนมแล้วก็ไม่แปลกอะไรที่ความรักจะก่อตัวได้ไม่ยาก แต่ตัวฝ่ายหญิงเนี่ยยังขาด 'เหตุผลของความรัก' ไปเยอะเลย--โอเคเข้าใจว่าแซมอาจจะ appreciate กับสิ่งดีๆที่เคนท์ทำให้ในช่วงเวลาที่เธออ่อนแอได้ แต่ถึงกับรักหรอ? ไม่ม้าง
ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นฉากไดอะล็อกสั้นๆของแซมกับตัวละคร "แอนนา" (Liv Hewson) ที่ถูกกลั่นแกล้งด้วยเหตุผลทีว่า "เธอเป็นทอม" (หรือเลสเบี้ยนเฉยๆอันนี้ไม่แน่ใจ) ซึ่งแม้จะเป็นฉากพูดคุยสั้นๆที่หนังไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่ แต่ด้วยการส่งอารมณ์ของทั้งสองตัวละครที่ประสานกันได้สวยงามก็เลยทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในฉากที่น่าสนใจที่สุด เป็นส่วนผสมที่ปนกันระหว่างความเกรี้ยวกราดที่เยือกเย็นของแอนนา ที่มาปะทะกับความไม่เชื่อถือในตัวเองของแซม กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่สุด
เพลงประกอบค่อนข้างติดหูพอสมควร เป็นลูกผสมระหว่างสไตล์ของ Interstellar+Steve Jobs ที่ให้ความรู้สึกฟุ้งนิดๆ ไซไฟหน่อยๆ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจดี ไปดูในโรงก็อย่าลืมเงี่ยหูฟังกันนะจ๊ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้