แนวโน้มอนาคตของธุรกิจขนส่ง หรือโลจิสติกส์ในไทย เป็นอย่างไรบ้างครับ

มีใครอยู่ในวงการนี้มั่งครับ  ช่วยให้ความเห็นหรือภาพรวมของธุรกิจนี้สักหน่อยสิครับว่ามีแนวโน้มหรือนาคตทีสดใสหรือเปล่า

หรือว่าเป็นธุรกิจตะวันตกดิน
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ความเห็นส่วนตัวนะ อย่าเชื่อมากจนเอาไปอ้างอิงละกัน   คำว่าโลจิสติกส์มันกว้างมากกก (ก.ไก่ล้านตัว) คิดว่าจขกท.คงหมายถึงพวก 3PL  ดังนั้นเราก็จะตัดพวกขนส่งขั้นต้นอย่าง สายเรือ รถบรรทุก แอร์คาร์โก้ ออกไปเลยละกันเนอะ

เมื่อซัก 15-20 ปีที่แล้วต้องเรียกว่า 3PL นี่เป็นธุรกิจนี้มีดีมานด์สูงมาก  บริษัทโลจิสติกส์ต่างชาติระดับทัอปๆของโลกอย่าง คูเน่ เชงเกอร์ พาลนาพิน่า ยูทีไอ ก็เข้ามาบ้านเราในช่วงที่อุตสาหกรรมเบากำลังบูม  พวกเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน ห้างสรรพสินค้า เช่น แก๊ป ไนกี้ อดิดาส วอลมาร์ท ทาร์เกต หรือแม้กระทั่งไอเกีย (ถึงจะพึ่งเปิดสาขาในไทย แต่ของไอเกียเมื่อก่อนหลายอย่างก็ผลิตในไทยเนี่ยแหล่ะ) เรียกว่าธุรกิจพวกนี้เป็นตัวพาโลจิสติกส์ต่างชาติมาบ้านเราดีๆเนี่ยแหล่ะ  ช่วงบูมๆเห็นพวก document คีย์ b/l กันสองสามทุ่ม   แต่เค้กก้อนใหญ่เนี่ย ถ้าดูข้างใน เค้าก็แบ่งๆกันโต บางบริษัทจับตลาดส่งออกทางเรือไปยุโรป  บางที่ก็เน้นพวกลูกค้าทำชิ้นส่วน PCB ส่งทางแอร์เฟรท  บางที่ก็จับลูกค้าผู้ส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง  

ในยุคหลังมานี่ต้องเรียกว่าตลาดพวกนี้อิ่มตัวกันมากแล้ว  บางทีพวกเซลส์เก่งๆที่เคยอยู่บริษัทต่างชาติ พอลูกค้าติดก็โดนซื้อตัว บางคนก็ลาออกมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง  พวกบริษัทโลจิสติกส์ไทยก็โตผุดกันเป็นดอกเห็ดในช่วงนี้  แต่พอบริษัทตัวเองโตพวกเซลส์ที่เก่ง ก็แยกไปเปิดบริษัทอีกที  เป็นวงจรกันแบบนี้มาซักพักแล้ว พอแข่งขันกันเยอะก็ต้องตัดราคาบ้างอะไรบ้าง  ประกอบกับการย้ายฐานผลิตไปจีนและเวียดนามทำให้บริษัทโลจิสติกส์หลายแห่งที่ปรับตัวไม่ทันก็ล้มหายตายจากกันไปมากมาย

บริษัทต่างชาติยังอยู่ได้เพราะจับแต่ลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการบริการที่เชื่อถือได้ไปทั่วโลกซึ่งบริษัทพวกนี้มีสาขาหรือตัวแทนอยู่แทบทุกประเทศ  หรือบางบริษัทก็หันไปจับงานยากที่ต้องมีการลงทุนสูงแต่ก็เซ็นต์สัญญากับหลายปี เช่นขนน้ำมัน สินค้าอันตราย สร้างโกดังสินค้า เป็นต้น  หรือกลุ่มโรงงานญึ่ปุ่นก็จะใช้แต่บริษัทโลจิสติกส์ญึ่ปุ่นด้วยกันเท่านั้น

ซักสองสามปีที่ผ่านมา ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือกลุ่มทุนจีนเข้ามาในอาเซียนรวมทั้งบ้านเราเยอะขึ้น  แต่ส่วนตัวก็ยังมอง strategy ไม่ค่อยออกว่าจะทำอะไรกันเพราะเค้าไม่ได้มาแพ็คกันเป็นกลุ่มก้อนเหมือนกับบริษัทยุโรปหรือญึ่ปุ่น  แต่ที่น่าจะมาแรงแซงทางโค้งเราว่าน่าจะเป็นอาลีบาบา ซึ่งมีบริษัทลูกที่ทำโลจิสติกส์เอง   บางบริษัทก็แตกไลน์อย่างเช่น Kerry, DHL แล้วหันมาเน้น e-commerce
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่