EP.4 ของ The Planners - เที่ยวนอกแพลน
ได้ยินมาแสนนานว่าถ้ามีโอกาสไป ไทเป หามพลาดเมืองเล็กๆ
ที่ตั้งอยู่ห่างไปไม่ไกล เป็นเมืองเล็กๆที่เงียบสงบ
และยังคงรักษาวัฒนธรรมเก่าๆ ที่ผสมผสานก้ับความทันสมัยได้อย่างลงตัว
Jiu Fen
ติดตาม EP. ที่ผ่านๆมาของเราได้ตาม Link ด้านล่างครับ
EP.0: รวมสถานที่ท่องเที่ยวในไต้หวัน -
https://ppantip.com/topic/36539261
EP.1: เราพาทุกคนไปเยือน Alishan -
https://ppantip.com/topic/36544600
EP.2: ท่องเที่ยวทะเลสาบสุริยันจันทรา Sun Moon Lake -
https://ppantip.com/topic/36559520
EP.3: ทาสแมวพลาดไม่ได้ที่ Hou Tong หมู่บ้านแมว -
https://ppantip.com/topic/36585722
สามารถติดตามเราสองคนได้ที่ Fan Page
https://web.facebook.com/pg/theplannersbytsst/posts/
เรายังคงอยู่บนแพลน ไต้หวัน 5 วัน 4 คืน กัน
โดยครั้งก่อนๆ เราได้พาทุกคนไปบุกตะลุย
- Alishan
- Sun Moon Lake
- Hou Tong (หมู่บ้านแมว)
กันไปแล้ว ซึ่งหลังจากจบหมู่บ้านแมว
เราสองคนลาจากน้องเหมียวทั้งหลาย
เพื่อมาอีก 1 สถานที่ ไฮไลท์ ของทริปนี้
ที่เจ้าหมูเรียกร้องมา นั่นก็ หมู่บ้าน จิ่วเฟิ่น ครับ
------------------------------------------------
แต่ด้วยความเป็นเราสองคน ในอัลบั้มนี้เราพูดเลย
99.68% เป็นเรื่อง กิน... กิน..... และก็ กิน!!!
เอ้า!!! ใครหิวกระหาย ทั้งอาหาร และบรรยากาศ
ไป ลุย กัน เล้ยยยยยยยยย
"จิ่วเฟิ่นเป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนภูเขา บ้านเรือนที่นี่ดูค่อนไปทางวินเทจ บรรยากาศออกไปทางแนวเมืองเก่า ที่รักษาสภาพไว้ได้อย่างดีเลยครับ
ชื่อเสียงของจิ่วเฟิ่น คือ ถนนคนเดินที่มีขายอาหารขายมากมาย แม้อยู่บนเขาแต่ก็มีอาหารทะเลขาย
หลายคนที่มาเที่ยวไต้หวันต้องใส่จิ่วเฟิ่นไว้ในโปรแกรม และมีน้อยคนนักที่จะพักที่นี่เพราะสามารถเดินทาง ไปเช้า เย็นกลับ จากไปเทได้ไม่ยากครับ"
หลังจากเราสองคนเดินทางด้วยพี่แท็กซี่ ราคา 300TWD จากหมู่บ้านแมวมาถึง จิ่วเฟิ่น ก็รีบตรงดิ่งไปที่จุด checkpoint สำคัญ
Jiufen Old Street กันเลยครับ
แม้วันที่เราเดินทางไปจะเป็นวันจันทร์ ที่คนก็เนืองแน่นตลอดถนนสายเก่าแห่งนี้จริงๆ
จากที่สังเกตก็จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยครับ
บ่ายๆแบบนี้ คนแน่นๆ บวกกับอากาศที่ไม่ต่างจากไทย
ทำให้แอดหมูเริ่มจะเกิดอาการท้องโครกครากๆ
เราจึงเริ่มปฏิบัติการชิ้นสำคัญของเรากัน
นั่นคือ!!!
กินนนนนนนนนนนนนน
ตลอดข้างสองทางของ Jiufen Old Street จะมีร้านขายอาหารเยอะแยะมากมายให้เราเลือกสรรกัน
มีทั้งอาหารที่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับที่บ้านเรา ไปจนถึงสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
จนเราเดินมาสะดุดกับร้านๆนี้เข้าครับ
สิ่งที่ดึงดูดให้เราผู้หิวโหยสองคนหยุดกึกได้นั่นก็คือ.......
กลิ่นนั่นเอง!!! แต่มันเป็นกลิ่นที่สำหรับบางคนไม่น่าพึงประสงค์สักเท่าไร
ด้วยความที่ผมเรียนภาษาจีนมา เลยเหลือบขึ้นไปมองที่ชื่อร้าน
แล้วจึงพบว่ามันคือ!!!!!!!
เต้าหู้เหม็นนั่นเอง!!!! (คนจีนเรียกว่า Chou Dou Fu = โช้วโต้วฟุ)
โอ้ววววว เจอแล้ว ของขึ้นชื่อที่เหล่านักชิมจากประเทศไทย มาเสาะหากันถึงถิ่นของคนจีน และไต้หวัน
ปอลิง ถ้าเป็นเต้าหู้เหม็น ที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เลย แอดหมีเคยกินที่ปักกิ่ง รุ่นที่กลิ่นแรงที่สุดเนื้อเต้าหู้ก่อนทอดจะเป็นสีดำเลยครับ (ใช่ครับ ที่จีนส่วนใหญ่ทอดเอา แต่ที่นี่เหมือนกึ่งๆต้มในน้ำ) ซึ่งกลิ่นของมันจะเกิดขึ้นเมื่อโดนน้ำมันร้อนๆทอดให้กรอบ ทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่ บอกได้เลยว่าถ้าใครไม่ชอบกลิ่น คุณจะเกลียดรถขายเต้าหู้เหม็นพอๆกับรถขยะเวลาขับผ่าน 555555555+
แต่สำหรับคนที่สามารถกินอาหารมีกลิ่นได้ ไม่ว่าจะเป็น กะปิ ปลาร้า แอนโชวี่ บอกเลยว่าเมนูนี้นี่มันแรร์ไอเท็มจริงๆ
แต่!!! เจ้าหมูผู้ไม่เคยลองกินอะไรแปลกๆแบบนี้ วันนี้นางจะมาเป็นหนูทดลองให้เรากันครับ
เราไปดูหน้าเจ้าหมูหลังจากกินของกลิ่นแรงที่ต่างแดนครั้งแรกกัน!!
..................
55555555555555555555555555+
ผมนี่ยืนขำจนคนแถวนั้นหันมามอง
คือนางบรรยายได้อารมณ์มาก ว่าปกตินางกลิ่นของมีกลิ่นได้นะ
แต่นางขมวดคิ้วแล้วหันมาถามผมว่า
"ตัว.... นี่มันของที่คนกินได้จริงๆหรอ"
55555555+ ไม่รู้จักของอร่อยซะแล้วเจ้าหมู
หลังจากเมนูแรกที่แสนทรหดของเจ้าหมู
ก็เดินมาเจอสิ่งที่หน้าตาดูเซ้ฟเซฟ
เป็นเค้กหน้าตาเหมือนเค้กกล้วยหอมบ้านเราที่มีไส้
แต่ชิ้นนิดนึง เราเลยเลือกไส้ชีสมาลองกินกัน
และหลังจากได้ลองกิน!!!!
........................
เจ้าหมูก็หน้าแบบนี้อีกครั้ง 55555555555+
(แต่ดีขึ้นกว่าเต้าหู้เหม็นนะ)
เราเลยพอจะจับได้แล้ว
ว่ามันน่าจะเป็น 'เค้กข้าว' ที่มีไส้
และที่เป็นสีนี้อาจเพราะใส่น้ำตาลทรายแดงลงไปด้วย
ซึ่งหลังจากผ่านไปสองเมนู เจ้าหมูเริ่มมีคำถามอีกครั้ง
"ตัวๆ อาหารไต้หวันมันมีที่กินได้บ้างมั้นอ่า"
55555555+ น่าฉงฉาน
แต่อ้าวเห้ย!!!
เผลอแปปเดียว นางไปคว้าสิ่งที่หน้าตาเหมือนไส้กรอกมาถือเฉย
แถมในมือยังมีนมอัลมอนด์อีกแก้วนึง (ซึ่งนมอัลมอนด์ ผ่านนะ แต่กลิ่นปลายๆเหมือนสารเคมีนิดๆ แต่ถือว่าดีกว่าสองอันแรก)
ด้วยความที่ผมสงสัยสงสัย เลยทำให้เกิดบทสนทนาขึ้น
หมี: "ตัวจะกินจริงๆหรอ เดี๋ยวก็หน้าแบบเมื่อกี้อีก"
หมู: "...... ไม่เป็นไร เรามาเราต้องลอง ......เนอะ"
หมี: " อ่ะ โอเค ลองๆๆ"
ซึ่งเจ้าไส้กรอกนี้ วางเรียงกันเยอะมาก
และดูจากบริมาณในการย่างแล้ว น่าจะขายดีใช่ย่อย
ไม่งั้นคงวางเป็นจำนวนน้อยๆ (หรือเราคิดไปเองวะ -"- เพราะไอ้เต้าหู้เหม็นเมื่อกี้ก็วางเต็มแรงไปหมด)
ก่อนจะเป็นหนูทดลองเมนูที่ 4 ถ่ายชัดๆอีกสักที
หมับ!!!
เห้ยยยย อันนี้ผ่านว่ะ รสชาติเหมือนกุนเชียงบ้านเราครับ คือมันไปทางกุนเชียงมากกว่าไส้กรอกแหะ มีมันๆเคลือบนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับเลี่ยน
อันนี้ผ่านครับ
และเราก็ดำเนินมาถึงเมนูที่ 5 กัน
ซึ่งเป็นขนมหวานที่หลายคนชื่นชอบ ถ้าได้มาไต้หวัน
(ซึ่งตอนนี้บ้านเรา มีมาขายแล้ว ถ้าแอดจำไม่ผิดน่าจะที่เซ็นทรัลเวิร์ล ร้านข้างๆ โอโตยะ)
เป็นน้ำแข็งใสที่กระกอบไปด้วย ถั่วแดง เฉาก๊วย และบัวลอยเผือกกับมันหวาน
เรามาดูกัน ว่าเมนูนี้เจ้าหมูจะเป็นอย่างไร!!!!!???
ฉุดยอดดดดดดดดดดดดด
ปรากฎว่าเจ้าหมูโหวตให้เมนูนี้ชนะเลิศ (ด้วยการโหวตอยู่คนเดียว = smile emoticon= )
ซึ่งเมนูนี้ราคาเพียง 50TWD เท่านั้น
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว เราก็เดินต่อมาตามทางของ Old Street เรื่อยๆ จนมาเจอกล้องส่องวิวเมืองอันนี้ แล้วเจ้าหมูก็มีท่าทีตื่นเต้นอยากลองส่องดู
เราเลยคว้าหาเหรียญ 10TWD เพื่อหยอดเข้าไป
วิวที่ได้ก็เป็นเช่นนี้ครับ
เป็นวิวของชุมชนจิ่วเฟิ่น ที่ดูเรียบง่าย
และเป็นการวางสิ่งปลูกสร้าง ไว้ท่ามกลางธรรมชาติที่ลงตัวมากๆเลย
สีเขียวของธรรมชาติ ที่สลับกับตึดสีต่างๆ ซึ่งไม่น่าจะเข้ากัน
แต่แปลกมากที่บรรยากาศของจิ่วเฟิ่น ทำให้มันเข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี และนับเป็นเมืองๆนึงที่น่ารักมากๆ
สวยๆสักรูปหน่อยทริปนี้
เจ้าหมูบอกให้หมีลงรูปตัวเองมั่งสิ่
มีแต่รูปหมู
รอบนี้ขออนุญาตลงตัวเองแซมบ้างครับ แหะๆ
เมื่อเห็นเวลาอันสมควร เราก็เริ่มเดินทางย้อนกลับทางเดิม เพื่อไปขึ้นรถบัสกลับไทเปกันครับ
แต่ระหว่างนั้น เราเจอมุมๆนึงที่น่าจะถ่ายรูปได้สวยมากๆ สำหรับจิ่วเฟิ่น
ซึ่งเป็นบันไดซ่อนอยู่หลืบๆทางลงจาก Old Street ครับ
และเราก็ได้วิวที่สวยงามจริงๆด้วยยยยยยยย
ฮ้าววววววววววววววววววว
สำหรับวันนี้ เราสองคน ก็ขอลาจากจิ่วเฟิ่นอย่างน่าเสียดาย
ที่ไม่ได้อยู่ดูโคมไฟแดงแห่งเมืองจิ่วเฟิ่นที่แสนขึ้นชื่อ
เพราะเรายังมีภารกิจไปถ่ายรูป ไทเป 101 กันบนยอดเขา เซี้ยงซาน อีก (แถมเจ้าหมูก็ง่วงแย้วด้วย)
เราจึงมาขึ้นรถบัสที่ท่ารถ ถัดจากทางเข้า Old Street กันครับ
โดยรถบัสกลับไทเปสามารถใช้ บัตร MRT ตี๊ด ขึ้นไปได้โดยไม่ต้องใช้เงินสดกันเลยล่ะครับ
หลังจากนั้นเราสองคนก็หลับกันเกือบทั้งทาง
โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1:30 ชั่วโมง ก็ถึงไทเปครับ
ครั้งหน้า
เราสองคนจะพาทุกคนไปนั่งกระเช้า ขึ้นไปชมไร่ชาที่
Mao Kong ภูเขาที่มีไร่ชาแห่งเทเปอยู่กันครับ
อย่าลืมรอชม รอติดตามวิธีการเที่ยวในสไตล์ของเรากันนะครับ^^
ขอบคุณครับ//ค่ะ
#theplanners
#เที่ยวนอกแพลน
[CR] [The Planners] เที่ยวนอกแพลน EP.4 :: "จิ่วเฟิ่น - Jiu Fen" เมืองน่ารักๆ ไ่ม่ไกลจาก ไทเป
EP.4 ของ The Planners - เที่ยวนอกแพลน
ได้ยินมาแสนนานว่าถ้ามีโอกาสไป ไทเป หามพลาดเมืองเล็กๆ
ที่ตั้งอยู่ห่างไปไม่ไกล เป็นเมืองเล็กๆที่เงียบสงบ
และยังคงรักษาวัฒนธรรมเก่าๆ ที่ผสมผสานก้ับความทันสมัยได้อย่างลงตัว
Jiu Fen
ติดตาม EP. ที่ผ่านๆมาของเราได้ตาม Link ด้านล่างครับ
EP.0: รวมสถานที่ท่องเที่ยวในไต้หวัน - https://ppantip.com/topic/36539261
EP.1: เราพาทุกคนไปเยือน Alishan - https://ppantip.com/topic/36544600
EP.2: ท่องเที่ยวทะเลสาบสุริยันจันทรา Sun Moon Lake - https://ppantip.com/topic/36559520
EP.3: ทาสแมวพลาดไม่ได้ที่ Hou Tong หมู่บ้านแมว - https://ppantip.com/topic/36585722
สามารถติดตามเราสองคนได้ที่ Fan Page
https://web.facebook.com/pg/theplannersbytsst/posts/
เรายังคงอยู่บนแพลน ไต้หวัน 5 วัน 4 คืน กัน
โดยครั้งก่อนๆ เราได้พาทุกคนไปบุกตะลุย
- Alishan
- Sun Moon Lake
- Hou Tong (หมู่บ้านแมว)
กันไปแล้ว ซึ่งหลังจากจบหมู่บ้านแมว
เราสองคนลาจากน้องเหมียวทั้งหลาย
เพื่อมาอีก 1 สถานที่ ไฮไลท์ ของทริปนี้
ที่เจ้าหมูเรียกร้องมา นั่นก็ หมู่บ้าน จิ่วเฟิ่น ครับ
------------------------------------------------
แต่ด้วยความเป็นเราสองคน ในอัลบั้มนี้เราพูดเลย
99.68% เป็นเรื่อง กิน... กิน..... และก็ กิน!!!
เอ้า!!! ใครหิวกระหาย ทั้งอาหาร และบรรยากาศ
ไป ลุย กัน เล้ยยยยยยยยย
"จิ่วเฟิ่นเป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนภูเขา บ้านเรือนที่นี่ดูค่อนไปทางวินเทจ บรรยากาศออกไปทางแนวเมืองเก่า ที่รักษาสภาพไว้ได้อย่างดีเลยครับ
ชื่อเสียงของจิ่วเฟิ่น คือ ถนนคนเดินที่มีขายอาหารขายมากมาย แม้อยู่บนเขาแต่ก็มีอาหารทะเลขาย
หลายคนที่มาเที่ยวไต้หวันต้องใส่จิ่วเฟิ่นไว้ในโปรแกรม และมีน้อยคนนักที่จะพักที่นี่เพราะสามารถเดินทาง ไปเช้า เย็นกลับ จากไปเทได้ไม่ยากครับ"
หลังจากเราสองคนเดินทางด้วยพี่แท็กซี่ ราคา 300TWD จากหมู่บ้านแมวมาถึง จิ่วเฟิ่น ก็รีบตรงดิ่งไปที่จุด checkpoint สำคัญ
Jiufen Old Street กันเลยครับ
แม้วันที่เราเดินทางไปจะเป็นวันจันทร์ ที่คนก็เนืองแน่นตลอดถนนสายเก่าแห่งนี้จริงๆ
จากที่สังเกตก็จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยครับ
บ่ายๆแบบนี้ คนแน่นๆ บวกกับอากาศที่ไม่ต่างจากไทย
ทำให้แอดหมูเริ่มจะเกิดอาการท้องโครกครากๆ
เราจึงเริ่มปฏิบัติการชิ้นสำคัญของเรากัน
นั่นคือ!!!
กินนนนนนนนนนนนนน
ตลอดข้างสองทางของ Jiufen Old Street จะมีร้านขายอาหารเยอะแยะมากมายให้เราเลือกสรรกัน
มีทั้งอาหารที่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับที่บ้านเรา ไปจนถึงสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
จนเราเดินมาสะดุดกับร้านๆนี้เข้าครับ
สิ่งที่ดึงดูดให้เราผู้หิวโหยสองคนหยุดกึกได้นั่นก็คือ.......
กลิ่นนั่นเอง!!! แต่มันเป็นกลิ่นที่สำหรับบางคนไม่น่าพึงประสงค์สักเท่าไร
ด้วยความที่ผมเรียนภาษาจีนมา เลยเหลือบขึ้นไปมองที่ชื่อร้าน
แล้วจึงพบว่ามันคือ!!!!!!!
เต้าหู้เหม็นนั่นเอง!!!! (คนจีนเรียกว่า Chou Dou Fu = โช้วโต้วฟุ)
โอ้ววววว เจอแล้ว ของขึ้นชื่อที่เหล่านักชิมจากประเทศไทย มาเสาะหากันถึงถิ่นของคนจีน และไต้หวัน
ปอลิง ถ้าเป็นเต้าหู้เหม็น ที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เลย แอดหมีเคยกินที่ปักกิ่ง รุ่นที่กลิ่นแรงที่สุดเนื้อเต้าหู้ก่อนทอดจะเป็นสีดำเลยครับ (ใช่ครับ ที่จีนส่วนใหญ่ทอดเอา แต่ที่นี่เหมือนกึ่งๆต้มในน้ำ) ซึ่งกลิ่นของมันจะเกิดขึ้นเมื่อโดนน้ำมันร้อนๆทอดให้กรอบ ทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่ บอกได้เลยว่าถ้าใครไม่ชอบกลิ่น คุณจะเกลียดรถขายเต้าหู้เหม็นพอๆกับรถขยะเวลาขับผ่าน 555555555+
แต่สำหรับคนที่สามารถกินอาหารมีกลิ่นได้ ไม่ว่าจะเป็น กะปิ ปลาร้า แอนโชวี่ บอกเลยว่าเมนูนี้นี่มันแรร์ไอเท็มจริงๆ
แต่!!! เจ้าหมูผู้ไม่เคยลองกินอะไรแปลกๆแบบนี้ วันนี้นางจะมาเป็นหนูทดลองให้เรากันครับ
เราไปดูหน้าเจ้าหมูหลังจากกินของกลิ่นแรงที่ต่างแดนครั้งแรกกัน!!
..................
55555555555555555555555555+
ผมนี่ยืนขำจนคนแถวนั้นหันมามอง
คือนางบรรยายได้อารมณ์มาก ว่าปกตินางกลิ่นของมีกลิ่นได้นะ
แต่นางขมวดคิ้วแล้วหันมาถามผมว่า
"ตัว.... นี่มันของที่คนกินได้จริงๆหรอ"
55555555+ ไม่รู้จักของอร่อยซะแล้วเจ้าหมู
หลังจากเมนูแรกที่แสนทรหดของเจ้าหมู
ก็เดินมาเจอสิ่งที่หน้าตาดูเซ้ฟเซฟ
เป็นเค้กหน้าตาเหมือนเค้กกล้วยหอมบ้านเราที่มีไส้
แต่ชิ้นนิดนึง เราเลยเลือกไส้ชีสมาลองกินกัน
และหลังจากได้ลองกิน!!!!
........................
เจ้าหมูก็หน้าแบบนี้อีกครั้ง 55555555555+
(แต่ดีขึ้นกว่าเต้าหู้เหม็นนะ)
เราเลยพอจะจับได้แล้ว
ว่ามันน่าจะเป็น 'เค้กข้าว' ที่มีไส้
และที่เป็นสีนี้อาจเพราะใส่น้ำตาลทรายแดงลงไปด้วย
ซึ่งหลังจากผ่านไปสองเมนู เจ้าหมูเริ่มมีคำถามอีกครั้ง
"ตัวๆ อาหารไต้หวันมันมีที่กินได้บ้างมั้นอ่า"
55555555+ น่าฉงฉาน
แต่อ้าวเห้ย!!!
เผลอแปปเดียว นางไปคว้าสิ่งที่หน้าตาเหมือนไส้กรอกมาถือเฉย
แถมในมือยังมีนมอัลมอนด์อีกแก้วนึง (ซึ่งนมอัลมอนด์ ผ่านนะ แต่กลิ่นปลายๆเหมือนสารเคมีนิดๆ แต่ถือว่าดีกว่าสองอันแรก)
ด้วยความที่ผมสงสัยสงสัย เลยทำให้เกิดบทสนทนาขึ้น
หมี: "ตัวจะกินจริงๆหรอ เดี๋ยวก็หน้าแบบเมื่อกี้อีก"
หมู: "...... ไม่เป็นไร เรามาเราต้องลอง ......เนอะ"
หมี: " อ่ะ โอเค ลองๆๆ"
ซึ่งเจ้าไส้กรอกนี้ วางเรียงกันเยอะมาก
และดูจากบริมาณในการย่างแล้ว น่าจะขายดีใช่ย่อย
ไม่งั้นคงวางเป็นจำนวนน้อยๆ (หรือเราคิดไปเองวะ -"- เพราะไอ้เต้าหู้เหม็นเมื่อกี้ก็วางเต็มแรงไปหมด)
ก่อนจะเป็นหนูทดลองเมนูที่ 4 ถ่ายชัดๆอีกสักที
หมับ!!!
เห้ยยยย อันนี้ผ่านว่ะ รสชาติเหมือนกุนเชียงบ้านเราครับ คือมันไปทางกุนเชียงมากกว่าไส้กรอกแหะ มีมันๆเคลือบนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับเลี่ยน
อันนี้ผ่านครับ
และเราก็ดำเนินมาถึงเมนูที่ 5 กัน
ซึ่งเป็นขนมหวานที่หลายคนชื่นชอบ ถ้าได้มาไต้หวัน
(ซึ่งตอนนี้บ้านเรา มีมาขายแล้ว ถ้าแอดจำไม่ผิดน่าจะที่เซ็นทรัลเวิร์ล ร้านข้างๆ โอโตยะ)
เป็นน้ำแข็งใสที่กระกอบไปด้วย ถั่วแดง เฉาก๊วย และบัวลอยเผือกกับมันหวาน
เรามาดูกัน ว่าเมนูนี้เจ้าหมูจะเป็นอย่างไร!!!!!???
ฉุดยอดดดดดดดดดดดดด
ปรากฎว่าเจ้าหมูโหวตให้เมนูนี้ชนะเลิศ (ด้วยการโหวตอยู่คนเดียว = smile emoticon= )
ซึ่งเมนูนี้ราคาเพียง 50TWD เท่านั้น
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว เราก็เดินต่อมาตามทางของ Old Street เรื่อยๆ จนมาเจอกล้องส่องวิวเมืองอันนี้ แล้วเจ้าหมูก็มีท่าทีตื่นเต้นอยากลองส่องดู
เราเลยคว้าหาเหรียญ 10TWD เพื่อหยอดเข้าไป
วิวที่ได้ก็เป็นเช่นนี้ครับ
เป็นวิวของชุมชนจิ่วเฟิ่น ที่ดูเรียบง่าย
และเป็นการวางสิ่งปลูกสร้าง ไว้ท่ามกลางธรรมชาติที่ลงตัวมากๆเลย
สีเขียวของธรรมชาติ ที่สลับกับตึดสีต่างๆ ซึ่งไม่น่าจะเข้ากัน
แต่แปลกมากที่บรรยากาศของจิ่วเฟิ่น ทำให้มันเข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี และนับเป็นเมืองๆนึงที่น่ารักมากๆ
สวยๆสักรูปหน่อยทริปนี้
เจ้าหมูบอกให้หมีลงรูปตัวเองมั่งสิ่
มีแต่รูปหมู
รอบนี้ขออนุญาตลงตัวเองแซมบ้างครับ แหะๆ
เมื่อเห็นเวลาอันสมควร เราก็เริ่มเดินทางย้อนกลับทางเดิม เพื่อไปขึ้นรถบัสกลับไทเปกันครับ
แต่ระหว่างนั้น เราเจอมุมๆนึงที่น่าจะถ่ายรูปได้สวยมากๆ สำหรับจิ่วเฟิ่น
ซึ่งเป็นบันไดซ่อนอยู่หลืบๆทางลงจาก Old Street ครับ
และเราก็ได้วิวที่สวยงามจริงๆด้วยยยยยยยย
ฮ้าววววววววววววววววววว
สำหรับวันนี้ เราสองคน ก็ขอลาจากจิ่วเฟิ่นอย่างน่าเสียดาย
ที่ไม่ได้อยู่ดูโคมไฟแดงแห่งเมืองจิ่วเฟิ่นที่แสนขึ้นชื่อ
เพราะเรายังมีภารกิจไปถ่ายรูป ไทเป 101 กันบนยอดเขา เซี้ยงซาน อีก (แถมเจ้าหมูก็ง่วงแย้วด้วย)
เราจึงมาขึ้นรถบัสที่ท่ารถ ถัดจากทางเข้า Old Street กันครับ
โดยรถบัสกลับไทเปสามารถใช้ บัตร MRT ตี๊ด ขึ้นไปได้โดยไม่ต้องใช้เงินสดกันเลยล่ะครับ
หลังจากนั้นเราสองคนก็หลับกันเกือบทั้งทาง
โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1:30 ชั่วโมง ก็ถึงไทเปครับ
ครั้งหน้า
เราสองคนจะพาทุกคนไปนั่งกระเช้า ขึ้นไปชมไร่ชาที่
Mao Kong ภูเขาที่มีไร่ชาแห่งเทเปอยู่กันครับ
อย่าลืมรอชม รอติดตามวิธีการเที่ยวในสไตล์ของเรากันนะครับ^^
ขอบคุณครับ//ค่ะ
#theplanners
#เที่ยวนอกแพลน