รามเกียรติ์ Remake ตอนสุครีพหักฉัตร (เนื่องในวันสุนทรภู่)

กระทู้คำถาม
เมื่อนั้น                                                      ทศพักตร์ยักษ์ใหญ่ใจหาญ
เดินตามแถวฉัตรแก้วสุรกานต์                          หน้าพระลานพหลพลชัย
แล้วจึงมีดำรัสตรัสสั่ง                                     ให้ยกฉัตรขึ้นตั้งบังไว้
จะได้เปรียบแก่พหลพลไกร                           ตามตำราพิชัยสงคราม
ว่าแล้วพลโยธาพญายักษ์                                ก็ช่วยผลักแกนเสาเข้าหาม
ทั้งเช้าเที่ยงบ่ายเย็นไม่เว้นยาม                         ก็เสร็จตามประสงค์องค์มาร
แล้วร่ายมนตร์เมฆดำคล้ำฟ้า                           เป็นแสงมืดแรงกล้ามหาศาล
ดั่งโลกันตร์ครอบงำจักรวาล                           คลุมทุกย่านบ้านเมืองนัครา
สิ้นพิธีบรวงสรวงปลุกเสก                                ประทับจารฤทธิ์เลขเลขา
ด้วยพระเวทย์ศักสิทธิ์ฤทธา                           ทั้งโลกาก็มืดคลุ้มกลุ้มไป
     บัดนั้น                                                   ลูกอาทิตย์ฤทธิรงค์สงสัย
เห็นนภาสลัวทั่วไป                                     ก็ลัดเลาะเหาะไล่กลับมา
กราบบังคมพระรามเรืองเดช                           เห็นเป็นเหตุนิมิตปริศนา
แสงพระกาฬคลุมม่านนภา                               มิรู้ว่าร้ายดีประการใด
     บัดนั้น                                                   พิเภกผู้มีอัชฌาสัย
ได้สดับรับฟังความใน                                     ขุนกระบี่ว่องไวกล่าวมา
อันว่าท่านเห็นเป็นเมฆก้อน                           บดยิ้มนกรเวหา
นั่นคือฤทธิ์จ้าวกรุงลงกา                                ด้วยยักษานั้นยกฉัตรชัย
เหตุที่ตั้งบังโลกโสฬส                                    คงกำหนดขบคิดการใหญ่
หากมิแก้กลนี้เร็วไว                                     กุมภัณฑ์คงมีชัยชำนะ
     เมื่อนั้น                                               พระรามนึกตรึกตรองลองกะ
ถึงหนทางซึ่งชัยชนะ                                     ทำอย่างไรจึงจะได้มา
ก็ให้คิดงวยงงสงสัย                                     จะแก้ทางอย่างไรนั่นหนา
ขอพิเภกผู้มีวิชา                                          อย่ารอช้าเร่งแถลงแจ้งความ
     บัดนั้น                                                   โหรายักษ์ผู้น่าเกรงขาม
ได้ยินคำดำรัสพระราม                                     ก็ตอบตามความจริงทุกสิ่งไป
อันซึ่งการจะหาทางแก้                                     ก็เพียงแค่เปิดทางแสงใส
คงมิพ้นต้องหักฉัตรชัย                                     แล้วแต่ใครจะอาสางาน
     บัดนั้น                                                    สุครีพฤทธิไกรใจหาญ
กราบบังคมน้อมประณตบทมาลย์                     อ้ายสาธารณ์ยกฉัตรขึ้นขัดใจ
ตัวข้านี้มิพักจะหักลง                                     ขอพระองค์ทรงสั่งว่าอย่างไหน
จักทะยานลัดเลาะเหาะไป                                ช่วงชิงชัยเอาชำนะอันธพาล
     เมื่อนั้น                                                    องค์พระรามจอมพลทวยหาญ
เห็นเป็นเกียรติแก่กระบี่มีฌาน                           ไม่ทัดทานข้องขัดตัดรอน
อันตัวท่านขันอาสาทำหน้าที่                           ขอการณ์นี้จงสำเร็จเสร็จสมร
ดำรัสแล้วก็อวยชัยให้พร                                ขุนกระบี่ฤทธิ์รอนก็จรไป
     บัดนั้น                                                     สุรีย์บุตรจ้าวอาทิตย์ฤทธิ์ใหญ่                                                   
พุ่งเหาะเหินสำเร็จเร็วไว                                    เล็ดลอดผ่านนภาลัยลงกา                                                      
ร่ายพระเวทย์เป่ามนต์ต้องพลยักษ์                     เพียงสักพักก็ล้มหลับไม่นับหน้า                               
ส่องช่องทางแอบดูช้าช้า                                ก็หลบเร้นกายาลอบไป
     เมื่อนั้น                                                     ทศกัณฑ์ผู้มีอัชฌาสัย
ขึ้นพระยานผ่านฟ้ามุ่งหน้าไป                           ยังฉัตรชัยโมลีที่ดำเนิน
เคียงข้างคู่แก้วใจไว้ด้านขวา                               อสุรากอดกกเมื่อหกเหิน
นางมณโฑงามขำจำเริญ                                    ว่าแล้วเหินข้ามฟ้าเมฆาคินทร์
มาถึงแถวแนวหน้าอาณาเขต                               ชำเลืองเนตรส่องแลกระแสสินธุ์
มองตรวจตราอารามรัฐปถพิน                           ทัพเทวินทร์ยั้งอยู่ภูคีรี
     บัดนั้น                                                      นางมณโฑโสภามารศรี
กราบบังคมทูล ธ สวามี                                     ถึงไพรีที่ยกมาปกแดน
ด้วยตระหนักต่อหน้านัยน์ตาจ้อง                           ทูลขอร้องแทนพหลพลยักษ์แสน
ต้องต่อกรขุ่นเคืองกับเมืองแมน                           อีกมั่นแม่นรามลักษณ์ผู้ศักดา
     เมื่อนั้น                                                      ทศกัณฑ์ผู้ทรงฤทธิ์คิดกังขา
แล้วจ้องมองน้องแก้วในแววตา                           ฤๅกานดานึกพรั่นหวั่นกลัว
ตัวเราก็พญายักษ์ศักดาเดช                                ทั่วประเทศน้อมประนมต้องก้มหัว
เจ้าเป็นนางข้างกายอย่าได้กลัว                           เราผู้ผัวจักป้องคุ้มครองภัย
ชายชำเลืองพลมารฝ่ายต้านทัพ                           ชาญรุกรับไม่ย่อท้อพออาศัย
แม้นไพรีมาคุกคามหยามน้ำใจ                               ยักษ์พลไพร่จักขยี้ผู้บีฑา
สั่งพหลพลมารทะยานเหาะ                                พุ่งลัดเลาะหลีกเลี้ยวเกี้ยวเวหา
ถลกเพลาก้าวสืบกระทืบบาทา                                สะเทือนฟ้าสุธาธารสะท้านไป
     เมื่อนั้น                                                       พระน้องยาลักษณ์ฤทธิ์พิสมัย                                              
ยินสำเนียงเสียงสนั่นก็พรั่นใจ                                รีบเข้าไปกราบก้มบังคมทูล                                                   
ว่าสุครีพเข้าไปใกล้แถวฉัตร                                ประหนึ่งอยู่ในเงื้อมหัตถ์จอมอสูร                                         
อันตรายร้ายดีทวีคูณ                                          ด้วยเพิ่มพูนปัจจามิตรฤทธิ์รอน
     เมื่อนั้น                                                       อวตารรามณรงค์พระทรงศร
ดำรัสผ่านสีหบัญชร                                               ด้วยภูธรสดับรับฟัง
แล้วว่าเจ้าอย่าได้ใคร่วิตก                                     ไพร่พลเราเก้าแสนหกขึงขัง
ทั้งเสนาอาจองทรงพลัง                                          ขุนเวียงวังคลังนาพร้อมหน้ากัน
หนุมานชาญชัยก็ใจกล้า                                          ทัพวานรโยธาแข็งขัน
ทั้งสิบแปดมงกุฎยุทธ์ยัน                                          มิเคยครั่นคร้ามไพรซักทีเลย
พระลักษณ์ได้ฟังคำดำรัส                                         ก็แจ้งชัดถึงความตามเฉลย
หมู่ไพร่พลย่นย่อก็ไม่เคย                                         หาละเลยซึ่งอาจองความยงยุธ
     บัดนั้น                                                            สุครีพเหาะเลาะลัดฝั่งสมุทร                                                      
เหินมาด้วยฤทธีแรงรุทร                                          ขุนกระบี่ก็หยุดชะเง้อแล                                                           
เสาพิชัยฉัตรธำรงคงไว้                                          ก็มั่นใจที่เห็นเป็นแน่                                                                
ทั้งเครื่องทองระฆังสังข์แตร                                     แท่นเครื่องแห่สมโภชบูชา                                                           
ก็แลมองไปกลางลานกว้าง                                     เห็นพลยักษ์พิทักษ์ขวางแน่นหนา                                              
จึงร่ายเวทย์อาบพระขรรค์ศาสตรา                               วิ่งเข้าไล่เข่นฆ่าโรมรัน
     บัดนั้น                                                            หมู่ยักษาพลตรวจกวดขัน
เห็นวานรวิ่งมาประจัญ                                               ก็ตั้งมั่นครบถ้วนกระบวนยุทธ์
ให้พลโล่ถือหอกออกหน้า                                          ธนูดาบทวนมาเข้าจุด
ตั้งรับเป็นกำแพงแรงรุทร                                          หมายจักหยุดมิให้ผ่านไป
สุครีพชักพระขรรค์สิทธิแสง                                         แล้วฟันฟาดสำแดงเดชให้
ยักษ์นับพันก็ดับดิ้นสิ้นไป                                          แหลกบรรลัยด้วยฤทธิ์สุรีย์
ครั้นแล้วเสร็จสำเร็จหักด่าน                                          ก็ทะยานขึ้นฉัตรชัยศรี
ประจันหน้าจ้าวลงกาธานี                                          ทั้งมณโฑโสภียอดรัก
แล้วจึงว่าเหวยเหวยยักษ์ใหญ่                                     ด้วยเหตุใดไพร่พลก็แน่นหนัก
ข้าจึงฝ่าเข้าได้ง่ายนัก                                               มิทันจักต้องออกกำลัง
แล้วจึงกล่าวเจรจาพาที                                               ว่าภูมีพระองค์ทรงสั่ง
ให้ข้ามาแต่เพียงลำพัง                                               ฝากดำรัสมายังเจ้านี้
ให้คืนแม่สีดาอรอนงค์                                                    อย่าให้ทรงขุ่นข้องหมองศรี
หากแม้เจ้าไม่ทำตามวจี                                               ก็คงได้เห็นดีในศึกจริง
     เมื่อนั้น                                                                 ทศพักตร์ยักษ์ใหญ่ใจสิงห์
ได้ฟังความจากปากพญาลิง                                          เห็นเป็นสิ่งขบขันนั้นไป
จึงเอ่ยออกบอกความถามกลับ                                          นวลสีดามิอาจจับต้องได้
ด้วยโฉมยงองค์ร้อนดั่งไฟ                                               อย่างนี้ใครจะลักพามา
      บัดนั้น                                                                 สุครีพจึงด่ากลับชี้หน้า
ว่าตัวไร้ซึ่งบุญญา                                                       กาลข้างหน้าคงต้องศรราม
ให้ส่ายหน้าท่าทางรังเกียจ                                               สมแล้วที่เขาเหยียดเย้ยหยาม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่