▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่ายทิวทัศน์
เที่ยวภูเขา
เที่ยวน้ำตก
ประเทศเวียดนาม
[CR] พิชิตยอดเขา Fansipan และน้ำตก Ban Gioc ที่เมือง Cao Bằng (26 May-1 June 2017)
แต่จบลงด้วยการตกลงไปปีนเขา Fansipan และไปน้ำตก Ban Gioc ที่ Cao Bằng
DAY 1: Hanoi
วันแรกในเมืองฮานอยเป็นเพียงการหาอะไรทำเพื่อรอให้เวลา 21.30 น. มาถึง (เราทั้งคู่เคยมาฮานอยแล้ว)
ร้านอาหารหรูร้านแรกตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ เห็นหน้าตาอาหารพอได้ มีที่วางกระเป๋า(ที่ตอนหลังขวางทางการกินพี่เวียดคนอื่นพอสมควร)
Bánh xèo — ขนมเบื้องญวน ที่ร้านแจกแผ่นแป้งให้เราห่อชิ้นขนมเบื้องญวน(แป้งห่อแป้งทอด) จิ้มน้ำจิ้มเข้าปากอร่อยใช้ได้
Bột Lọc Tôm Thịt — แป้งหนาไป ไม่ผ่าน
เดินไปเรื่อยๆ
ไปนั่งรอ จิบกาแฟยามบ่าย
นั่งดูรถราเมืองฮานอย
แล้วก็กินอีก
21.30 น. ถึงเวลารถไฟออก จากฮานอย มุ่งหน้าสู่ Lao Cai เพื่อไปซาปารีเวิลด์ (ซาปาน่ะแหละ)
รถไฟตู้นอนโบกี้หนึ่งแบ่งออกเป็นหลายห้อง โดยห้องหนึ่งนอนได้ 4 คน เพื่อนเรานอนล่าง ส่วนเราอาสานอนบน คิดว่าคงอารมณ์เหมือนตู้นอนรถไฟไทยเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ไม่นะ สำหรับเราเตียงก็นุ่มดีหรอกแต่มันอึดอัดไปหน่อย บวกกับมีคนมาเคาะห้องเป็นระยะ ทำให้หลับๆตื่นๆตลอดคืน
DAY 2: SAPA Town
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...เฮียประจำโบกี้เราเคาะเรียกอรุณสวัสดิ์ตอนตี 5 ให้รู้ว่าอีกครึ่งชม.จะถึงแล้วนะ
เราต่อรถตู้จากสถานีรถไฟไปถึงโฮสเทลในราคาคนละ 50.000 VND ระยะทางสามสิบโลขึ้นเขาทำให้เรานึกถึงแม่ฮ่องสอนที่ไปช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน วิ่งช้าๆ เลี้ยวไปมาชวนอ้วกนิดๆ แต่วิวข้างทางมันดีเหลือเกินลงรถ เก็บของ พวกเราเริ่มเดินสำรวจเมือง เดินได้ซักพักก็เริ่มไม่ค่อยถูกชะตากับฝุ่นควันและการก่อสร้างทั่วเมืองซักเท่าไหร่
โชคดีที่มีมุมธรรมชาติให้นั่งจิบกาแฟลืมฝุ่นในเมืองไปบ้าง
Thác Bạc (Silver Waterfall)
ได้ข่าวว่ามีน้ำตก พวกเราก็เช่ามอเตอร์ไซค์ขับขึ้นเขาไปชม ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
Thác Tình Yêu (Love Waterfall)
ขับขึ้นเขาต่อมาเรื่อยๆไม่ไกล จะถึงทางเข้าน้ำตกอีกที่ จากทางเข้าขอเตือนว่าเดินไกลพอสมควรกว่าจะถึงตัวน้ำตก ขากลับก็ต้องเดินกลับทางเดิม ใช้เวลาเยอะหน่อยแต่สวยคุ้มค่า
Cát Cát Village
ลงเขามาต่อที่หมู่บ้านของหมู่ม้ง ใหญ่โตโอฬาร เปิดให้เข้าชมวิถีชีวิตพี่น้องชาวม้ง
DAY 3: Hike up FANSIPAN
คนมารับเลทไปชั่วโมงนึง เราเริ่มออกเดินประมาณ 10 โมง โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่ทางเข้าน้ำตก Love ที่พึ่งมาเมื่อวาน แต่เข้ากันคนละฝั่ง
สมาชิกในกรุ๊ปตอนแรกมี 5 คน ประกอบด้วยชาวไทยหน้าตาดี 2 คน แคนาดา 1 อังกฤษ 1 และไกด์ชาวเวียดนาม 1 คน ตอนหลังกลายมาเป็น 7 คน มีหนุ่มสิงคโปร์ที่จ้างไกด์เดี่ยวมารวมด้วย
เดินถึงจุดพักแรกเที่ยงตรงพอดี ไกด์ให้เรา 4 คน บวกหนุ่มสิงคโปร์เข้าไปนั่งพักรวมกันในบ้าน(หรือควรเรียกห้องเพราะทั้งหลังไม่มีอะไรเลย) ซักพักใหญ่ไกด์กลับมาพร้อมอาหารเที่ยงสำหรับทุกคน
เริ่มออกเดินอีกที 1.30 pm ระหว่างทางไกด์ให้แวะพักบ่อยและนาน ซึ่งทำให้ทุกครั้งที่เริ่มเดินใหม่รู้สึกเหนื่อยกว่าเดิม
จุดหมายอยู่ตรงนู้น
ไกด์พักเราก็พัก หลังๆไกด์เริ่มปล่อยให้เดินนำกันไปเอง ส่วนไกด์หันไปแวะตัดหน่อไม้ข้างทางแทน
ทางเดินเริ่มชันขึ้น ต้องระวัง มีทั้งพื้นดิน พื้นหิน แถมช่วงเดินผ่านเขาแต่ละลูกแดดงี้เปรี้ยง
ประมาณ 4.30 pm พวกเราก็ถึงที่พักสำหรับคืนนี้ ห้องพักไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเตียง มีก็แต่แผ่นแบนๆแทนฟูกให้สามแผ่นสำหรับห้าคน ถุงนอนอีกคนละอัน ไม่มีไฟไม่เท่าไหร่แต่ดิฉันอยากให้โลกรู้ถึงความหนาวเหน็บ ไม่อยากออกจากถุงนอนเลยจริงๆ
แต่ความหิวก็ชนะความหนาว เรายอมออกจากถุงนอนดักแด้ไปดูชาวเขาทำกับข้าว ถือว่าตัดสินใจถูกมากเพราะในนี้อุ่นมากๆ
ก่อนจะนอนเราแว่บไปแปรงฟัน น้ำเย็นจนอยากจะกรีดร้องให้ดังทั้งเขา พอไปฉี่ ก็กลัวอีก กลัวตัวเองจะฉี่ออกมาเป็นแม่คะนิ้ง สุดท้ายเราก็ทิ้งตัวไปตอนสองทุ่ม
DAY 4: To the Highest Peak of Indochina — Fansipan
นอนหลับๆตื่นๆไปได้ 7 ชั่วโมง ไกด์เข้ามาปลุกตอนตี 3 พร้อมมาม่าไข่เจียวชามโต นั่งคุยไปซดมาม่ากันไป กว่าจะออกกันจริงก็เกือบตีสี่โน่น
เราอาศัยแสงจากheadlampนำทาง จนกระทั่งเริ่มมีแสงที่ขอบฟ้า
สุดท้ายก็ไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์มาตอนที่เราใกล้จะถึงยอด Fansipan เราเริ่มออกเดินกันช้าเกินไป
ในที่สุด! พวกเราก็มาถึงยอดเขาที่สูงที่สุดของอินโดจีน FANSIPAN ที่ระดับ 3,143 เมตร
ไม่นานฟ้าก็สว่างจ้า หมอกค่อยๆจางหายไป ถ้าไม่ได้ปีนเขาขึ้นมาคงไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ เพราะกว่าเคเบิลคาร์จะเปิดรอบแรกให้ขึ้นมาถึงยอดเขาก็ 8 โมงแล้ว
ขาลงเราสองคนยังไงก็ได้เนื่องจากในกลุ่มเสียงแตก คนนึงจะนั่งเคเบิลคาร์กลับเพราะอยากเอาเวลาไปเดินเล่นในเมือง อีกสองรู้สึกว่าถ้าไม่เดินลงเองถือว่าไม่สำเร็จ ส่วนเราไม่เหนื่อยแต่เราง่วง ง่วงถึงขนาดที่นั่งรอแล้วเผลอหลับไปเลย
ตื่นมาอีกทีเพื่อนชวนลงเคเบิลคาร์ไปนั่งจิบกาแฟในเมือง ง่วงมากจริงๆจุดนี้ จะอะไรก็ได้ ถ้าเคเบิลคาร์ก็ดีจะได้ลองนั่งแถมเห็นวิวอีกแบบ
เคเบิลคาร์ที่นี่ได้บันทึก Guinness world records ว่าเป็น longest non-stop three-roped cable car ด้วยนะจ๊ะ
เราได้นั่งลงแบบส่วนตัว มีกันอยู่ 3 คน วิ่งเล่นกันได้เลย เพราะเช้าๆแบบนี้มีแค่กลุ่มคนที่พึ่งปีนเขาขึ้นมา ซึ่งแทบจะไม่มีใครเลย
ไปนั่งกินเฝอในเมืองต่อก่อนกลับไปพักผ่อนที่โฮสเทล
ปฏิบัติการล่าเส้นทางไป Cao Bang
พวกเราพยายามหาข้อมูลว่าจากซาปาไปเมืองกาวบังยังไง ซึ่งไม่ง่ายเลย ข้อมูลในเน็ตแทบไม่มี ข้อมูลจาก tourist center หรือคนแถวนี้เองก็ดูไม่แน่ใจ สุดท้ายเราตัดสินใจกลับไปตั้งต้นที่ฮานอยกัน ยังไงก็ต้องมีรถพาเราไป
เดินเล่นต่อในเมืองซาปา ก่อนกลับไปฮานอยเช้าวันพรุ่งนี้
มีต่อ