มาต่อจากกระทู้ด้านบนนี้นะคะ ใครอยากรู้ว่าแอมไปไหน ไปทำอะไรมาบ้าง ย้อนไปอ่านกันได้เลย
มาตั้งอีกกระทู้นึง เพราะอยากตั้งแท็กใหม่ให้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ค่ะ
หลังจากงานปีใหม่ผ่านไป แอมก็ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ (บอกก่อนว่า มาวีซ่าเยี่ยมก็คือเยี่ยม ไม่มีสิทธิ์ไปทำงาน เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด ถ้าโดนจับได้นี่ติดคุกเลยนะคะ) เลยเกิดความคิดอยากเรียนทำขนมอะไรสักอย่าง เผื่อกลับไทยจะได้ทำเป็นอาชีพเสริม
แอมตัดสินใจไปเรียนทำคุกกี้ โดยเพื่อนแม่สอนให้ฟรีๆ แถมซื้อเตาอบให้ (ใจดีสุด)
เรียนเสร็จ มาทำแจกให้พี่ๆ ป้าๆ ลุงๆ คนไทยได้ชิมกัน เขาเลยอยากช่วยอุดหนุน ก็เลยทำสิคะ ทำมันทั้งวันทั้งคืน
ที่เห็นคือคุกกี้อินทผลัม ที่เลือกใช้อินทผลัม เพราะเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของตะวันออกกลาง เราก็ใช้ของในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์นะ
เวลาผ่านไป ก็สนุกสนานกับการทำคุกกี้ จนวันที่ 30 มกราคม 2560...
ตอนเช้ามืดรู้สึกเจ็บแปลบที่ขา อธิบายไม่ถูกว่ามันเรียกว่าอะไร มันไม่ได้ปวด แต่มันเจ็บ เจ็บจนทนไม่ไหว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อาการแบบนี้แอมเป็นเรื้อรังมานาน ตั้งแต่ตอนที่ทำงานออฟฟิศ เริ่มจากเจ็บที่แผ่นหลัง ร้าวลงแขน บางทีก็เป็นที่ก้นกบ เคยถามหมอ หมอบอกเป็นโรคกระเพาะ 555 งงอยู่เหมือนกันเด้อ
พอเจ็บ แอมเลยลุกขึ้นทายา ยาที่ว่าก็จำพวกยาแก้เคล็ด ขัด ยอก ทานวดๆไป ปกตินั่งสักพักก็จะหายไปเอง แต่นี่ไม่หาย แถมรู้สึกจะเป็นลมขึ้นมา แอมเลยลุกจากเตียงไปหายาดมข้างนอกห้อง ความจริงยาดมจะต้องอยู่ข้างตัวตลอด แต่คืนนั้นลืมไว้ในเสื้อแจ็กเก็ต
เนี่ย ยาพวกเนี้ย ต้องอยู่ข้างตัวตลอดๆ ขาดไม่ได้
เดินออกมาถึงเสื้อแล้ว ตะเกียกตะกายหายาดม ยังไม่ทันหาเจอ ล้มลงไปกองกับพื้นซะก่อน ลืมตาขึ้นเห็นข้างหน้าเป็นห้องครัว ตอนนั้นยังมีสตินะ ใจคิดว่า ชั้นจะต้องเดินไปบอกแม่ว่าไม่ไหวแล้ว จะเป็นลม แต่ได้แค่คิด เพราะหลังจากนั้น แอมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย รู้ตัวอีกที ตอนแม่มาเรียก
"แอมมานอนอะไรตรงนี้ ทำไมปล่อยให้ตัวเองเป็นขนาดนี้ ยาดมอยู่ไหน"
แอมได้ยินที่แม่พูดนะ แต่ทำได้แค่พยักหน้า ตอนนั้นแม่ทำไรไม่ถูก ควักวิกที่วางอยู่แถวนั้นมาป้ายๆจมูกไปก่อน 555 จากนั้นก็วิ่งวุ่นหาคนช่วย ระหว่างที่วิ่งไปวิ่งมา แม่เล่าว่า แอมตาเหลือก ตัวเกร็งไปหมด
ได้พี่ข้างห้องมาช่วยนวด แอมก็เริ่มดีขึ้นๆ แต่เจ็บแขนขวามาก ยกขึ้นไม่ได้ (เพราะตอนล้ม หัวและตัวไปฟาดกับจักรยานออกกำลังกาย)
หลังจากวันนั้น แอมก็พยายามระวังตัวเองมากขึ้น พยายามที่จะไม่อยู่คนเดียว เพราะเกิดสลบไปอีก ไม่มีคนเห็นแล้วจะยุ่ง
เวลาไปข้างนอกก็จะพกน้ำแดงไปด้วย กินอะไรหวานๆ เข้าไปก็ช่วยได้บ้าง
9 ก.พ. 2560 ทำคุกกี้ชาเขียว คือลองเอาผงชาเขียวหลายๆยี่ห้อมาทำ มาเทสต์ดูว่าตัวไหนจะอร่อยสุด (ทุ่มทุนสร้างมาก 555)
ทำคุกกี้เสร็จน้องสาวชวนไปเดินห้างบูลิวาร์ด
ยังไม่ทันเดินถึงประตูห้าง เกิดอาการเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้เจ็บที่หลังด้านซ้าย ร้าวลงแขน เลยบอกแม่กับน้องว่า ขอเข้าห้องน้ำไปทายาก่อน
ทายาเสร็จออกมานั่ง ก็ไม่ดีขึ้น เลยบอกแม่ว่าแอมนั่งแท็กซี่กลับก่อนก็ได้ คือมันไม่ไหวแล้วจริงๆ ร้องไห้กลางห้างเลย ไม่องไม่อายมันแล้ว
สรุปคือกลับมาบ้านพร้อมกันหมด แอมก็นั่งพัก มันดีขึ้นๆ ไม่เจ็บแล้ว กินข้าวกินปลาเรียบร้อย ประมาณ 2 ทุ่ม ใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ แถมเกิดอาการหายใจไม่ออกขึ้นมาอีก นั่งสักพักอาการไม่ดีขึ้น ยังคงใจเต้นแรง และหายใจไม่ออก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แอมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ขอเล่าย้อนว่าตอนเด็กๆแอมเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แต่ก็ไม่ได้มีอาการแบบนี้ อาการแอมคือจะเป็นลม แค่ปีละครั้ง-2 ครั้ง ซึ่งเป็นอาการปกติของโรค ที่เรารู้และคอยระวังอยู่แล้ว แต่ไออาการใจเต้นแรง หายใจไม่ออก ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต และอย่างที่เป็นลมหมดสติตอนต้นก็ไม่เคยเป็นมาก่อนเหมือนกัน ครั้งนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสที่สุดในชีวิตแล้ว
แอมรู้สึกไม่ไหว เลยถามแม่ว่าไปโรงบาลแพงไหม แม่บอกว่าไม่แพง จ่ายได้ๆ เลยตัดสินใจไปโรงบาลตอนนั้นเลย เพราะถ้าดึกกว่านี้เป็นอะไรไปจะลำบาก การไปโรงบาลครั้งนี้ แม่ชวนเพื่อนที่เก่งภาษาอารบิกไปด้วย (ซึ่งก็คือคนที่สอนแอมทำคุกกี้นั่นแหละ) ความจริงแม่พูดได้นะ แต่อันนี้มันทางการ แกกลัวว่าจะพูดไม่ถูก 555
ระหว่างทางที่ไปโรงบาล แอมต้องดมยาดมตลอด เพราะมันหายใจไม่ออก จะเป็นลม ใจก็เต้นแรงไม่หยุด ความรู้สึกตอนนั้นคือกลัวตาย บอกตรงๆว่ากลัวตาย คือที่นั่นไม่ใช่บ้านเรา ไม่ใช่เมืองไทย เราไม่อยากฝังที่นั่นนะเว้ย คือกลัวตายมาก ยังไม่ได้ร่ำลาใครเลย คิดไปสารพัดว่าชีวิตตัวเองจะจบแค่นี้เหรอวะ
ในที่สุดก็ถึงโรงบาลแรก เป็นโรงบาลเอกชน ไม่รับจ้าาา บอกว่าไม่มีหมอโรคหัวใจ ตอนนั้นแอมใจไม่ดีเลย คือชั้นต้องการหมอ ต้องการหายจากอาการที่เป็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้ตรวจ เซ็งเลย
น้าเลยพาไปอีกโรงบาลนึงที่ไกลออกไป เป็นโรงบาลรัฐบาล....
*ต่อค่ะ
ไปถึงโรงบาลเดินไม่ไหว ต้องนั่งรถเข็น ซึ่งมีพนักงานเข็นให้ เราไม่ต้องเข็นเอง พอเข้าไปข้างใน โอ้โห แผนกฉุกเฉินค่ะ คนล้านแปดมาก (ใจนี่แป้วเลย จะได้ตรวจไหมอ่ะแกรร)
ด่านแรกต้องไปพบกับบุรุษพยาบาลเพื่อทำบัตร ประเมินอาการเบื้องต้น และรับบัตรคิว จุดนี้จุดเดียว คนมหาศาลมาก
บอกก่อนว่านิสัยของคนที่นี่คือไม่รอ รอไม่ได้ มันก็จะดูชุลมุนเล็กน้อย
บุรุษพยาบาลจะขอบัตรประชาชน (civil id) บัตรนี้ถ้าเป็นคนคูเวต หรือคนที่มีวีซ่างาน วีซ่าfamily จะมีทุกคน แต่ถ้าเป็นวีซ่าเยี่ยมแบบแอม ใช้พาสปอร์ตแทน ตอนนี้เขาก็จะถามชื่อสปอนเซอร์ที่พาแอมมา ทำบัตรเสร็จ ถามอาการเบื้องต้น น้าก็ช่วยแอมได้เยอะเลย ช่วยพูด ช่วยไฟท์ให้ คือจะไปพูดนิ่มๆ เรียบๆ งามอย่างไทย ยูไม่ได้ตรวจหรอกค่ะ 555 ต้องสู้มากๆ ต้องพูดว่าจะไม่ไหวแล้ว
จากนั้นก็ไปวัดความดัน ตรวจคลื่นหัวใจ แล้วก็นั่งรออีก 150 คิว (พระเจ้า นี่แน่ใจเหรอว่า Emergency)
หน้าห้องตรวจจะมียามเฝ้าทุกห้อง ระหว่างที่รอก็จะมีประเภทที่พูดอารบิกได้ ไปใส่ภาษากับยามเพื่อจะลัดคิวแล้วเข้าไปตรวจ แล้วอียามก็ให้เข้าไปจ้า บางคนก็เล่นละครมาเลยเจ็บปลอมมาก ร้องลั่นมาเลย (เอาจริงๆคนที่เขาเจ็บจริง เขาไม่มีกำลังมาแหกปากร้องจ้ะ แอมเองยังพูดไม่ค่อยออกเลย)
ถึงจุดนึงน้าทนไม่ไหว เลยพูดขึ้นว่า แอมไม่ไหวแล้วนะ ชีหายใจไม่ออก ยูให้เขาแซงไปได้ไง ทำแบบนี้ได้ไง จบด้วย ชินูฮาด้า (แปลว่า What is this?)
ยังไงก็ต้องรอ รอไปค่ะ ร้อยคิวก็ร้อยคิว พอเจอหมอ หมอถามว่า กินคาเฟอีนมาไหม น้าตอบให้ว่าเปล่า แต่แอมพูดว่า แอมทำคุกกี้หลายอย่างเลย ทั้งชา กาแฟ ทำแล้วชิมๆเยอะมาก มันเกี่ยวมั้ย หมอก็ไม่ได้ให้คำตอบไร แค่ให้ไปเอกซเรย์ปอดกะเจาะเลือด
ตอนนั้นตีหนึ่ง ตีสองแล้ว นอนรอผลเลือดอีก 3 ชม.ค่ะ
แล้วหมอก็มาตรวจที่เตียงเลย หัวใจก็ปกติ แต่เขาสงสัยว่ามีประวัติโรคอะไรเกี่ยวกับคอไหม เลยบอกว่าไม่มี ไม่เคยตรวจ แต่เคยเป็นโรคหัวใจตอนเด็กๆ หมอก็ทำอะไรให้ไม่ได้มาก เพราะเราไม่มีประวัติเก่าให้เขาดู (จุดนี้ก็เข้าใจนะ)
ผลนี้ก็อ่านไม่เข้าใจ แต่หมอบอกว่าปกติ เราก็เออปกติก็ปกติค่ะ
รับผลแล้ว ก็รับยาค่ะ
มันเกี่ยวกับอาการที่เป็นไหมอ่ะ
คือที่นี่นะ ให้ยาอยู่แค่นี้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรหนักหนา มียาแค่พารา พานาดอล ให้แค่นี้ค่ะ (อาจเป็นเพราะเราเป็นต่างชาติด้วยละมั้ง เขาเลยให้แค่นี้)
จากนั้นก็กลับบ้านค่ะ กินยา นอน ต้องนอนหมอนสูงๆเข้าไว้ กลางดึกชอบตื่นขึ้นมาเอง ใจเต้นแรง ตัวสั่น หายใจไม่ออก ทำให้แอมไม่ได้นอน ต้องนั่งตลอด ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้มอะไรร้อนๆกิน
วันรุ่งขึ้นแม่เลยติดต่อเพื่อนที่เป็นหมอ ช่วยหาทางให้ได้ตรวจเอคโค่ (เพราะโรคลิ้นหัวใจรั่ว ต้องตรวจเอคโค่ถึงจะเห็น บางทีตรวจธรรมดาๆก็ไม่พบว่าเป็นนะ)
ตอนนั้นเรามุ่งประเด็นเรื่องโรคเก่าคือโรคหัวใจ เลยอยากจะตรวจว่ามันเป็นอะไร ใจถึงเต้นแรง นอนไม่ได้ขนาดนี้
ไปโรงบาลเดิมค่ะ แต่ไปหาหมอหัวใจโดยตรง เพื่อตรวจเบื้องต้น ก่อนทำเอคโค่
หน้าแบบแย่มาก ปลงมาก แอมหายใจไม่ออก แต่มันก็ไม่มีทางแก้ หมอที่เป็นเพื่อนแม่บอกว่า แอมคิดไปเอง แอมเครียด มันเลยเป็นแบบนี้
เจอหมอหัวใจ เขาก็ถามอาการตอนนี้ ถามประวัติโรคหัวใจที่เคยเป็น แล้วก็นัดทำเอคโค่ วันที่ 16 ก.พ. (เป็นวันเกิดอายุครบ 25 ปีพอดี เบิร์ธเดย์ที่รพ. เก๋จังเลย)
ออกจากห้องตรวจ เพื่อนแม่เห็นแอมอิดโรยมาก เลยจะพาไปคลินิกเขาเพื่อให้น้ำเกลือ
สภาพแย่มากนะ ระหว่างให้น้ำเกลือใจก็เต้นแรงขึ้นๆ แอมก็ยิ่งกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไหม
ตลอดเวลาจะมีพยาบาลเดินมาดูตลอดว่าโอเคไหม แต่แอมรู้สึกไม่โอเคเลย แต่ก็นอนให้น้ำเกลือจนหมดขวด
ให้น้ำเกลือเสร็จไปพบหมอ หมอถามว่าดีขึ้นไหม แอมตอบว่าไม่ดี ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ หมอเลยบอกให้ถือใบไปโรงบาลใหญ่ แล้วก็ให้ยากลับมากินกรุบกริบ
ยาที่ได้ก็จะเป็นพวกยาลดกรด ยาแก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย เพราะตอนนั้นแอมท้องเสียอยู่ด้วย สรุปคือเป็นอะไรคะ งงไปหมดดด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เท้าความว่า นอกจากโรคหัวใจ แอมเป็น IBS คือลำไส้แปรปรวนด้วย แต่สองเดือนที่ผ่านมาที่มาอยู่คูเวตคือชิลมาก ไม่ปวดท้องเลย แต่กลับประเดประดังมาพร้อมกันทุกโรค ก็ตอนนี้แหละค่ะคุณผู้ช้มมม
กลับจากคลินิก อาการก็ยังไม่ดีขึ้น มันเหมือนมีอะไรหมุนๆวนๆในตัวเรา บอกไม่ถูกอ่ะ อาจจะเป็นลม หรืออะไรเราก็ไม่รู้ สับสนกับชีวิตมาก เป็นอะไรเนี่ย
ตอนกลางคืน นอนไปได้แปบเดียว แล้วก็ตื่น เพราะมันหายใจไม่ออก และอะไรที่วนๆในตัวก็ยังวนตลอดทั้งคืน แอมไม่ได้นอนเลย เพราะถ้าล้มตัวนอนปุ๊บ ลมมันจะขึ้น เลยต้องนั่งหลับ แม่ก็ไม่ได้นอนไปด้วย ต้องมาคอยดูแอม เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้มอะไรร้อนๆ กิน พวกน้ำมะตูม น้ำขิง ยาหอมบ้าง สลับๆกันไป
ใกล้ๆเช้ามืดแอมจะเพลียและหลับไปเอง
*อ่านต่อที่เม้นท์ 6-7 ค่ะ
[CR] รีวิวคูเวต (ภาคต่อ) ตอน วันที่ฉันต้องผจญโรคใหม่
หลังจากงานปีใหม่ผ่านไป แอมก็ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ (บอกก่อนว่า มาวีซ่าเยี่ยมก็คือเยี่ยม ไม่มีสิทธิ์ไปทำงาน เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด ถ้าโดนจับได้นี่ติดคุกเลยนะคะ) เลยเกิดความคิดอยากเรียนทำขนมอะไรสักอย่าง เผื่อกลับไทยจะได้ทำเป็นอาชีพเสริม
แอมตัดสินใจไปเรียนทำคุกกี้ โดยเพื่อนแม่สอนให้ฟรีๆ แถมซื้อเตาอบให้ (ใจดีสุด)
ตอนเช้ามืดรู้สึกเจ็บแปลบที่ขา อธิบายไม่ถูกว่ามันเรียกว่าอะไร มันไม่ได้ปวด แต่มันเจ็บ เจ็บจนทนไม่ไหว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเจ็บ แอมเลยลุกขึ้นทายา ยาที่ว่าก็จำพวกยาแก้เคล็ด ขัด ยอก ทานวดๆไป ปกตินั่งสักพักก็จะหายไปเอง แต่นี่ไม่หาย แถมรู้สึกจะเป็นลมขึ้นมา แอมเลยลุกจากเตียงไปหายาดมข้างนอกห้อง ความจริงยาดมจะต้องอยู่ข้างตัวตลอด แต่คืนนั้นลืมไว้ในเสื้อแจ็กเก็ต
เดินออกมาถึงเสื้อแล้ว ตะเกียกตะกายหายาดม ยังไม่ทันหาเจอ ล้มลงไปกองกับพื้นซะก่อน ลืมตาขึ้นเห็นข้างหน้าเป็นห้องครัว ตอนนั้นยังมีสตินะ ใจคิดว่า ชั้นจะต้องเดินไปบอกแม่ว่าไม่ไหวแล้ว จะเป็นลม แต่ได้แค่คิด เพราะหลังจากนั้น แอมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย รู้ตัวอีกที ตอนแม่มาเรียก
แอมได้ยินที่แม่พูดนะ แต่ทำได้แค่พยักหน้า ตอนนั้นแม่ทำไรไม่ถูก ควักวิกที่วางอยู่แถวนั้นมาป้ายๆจมูกไปก่อน 555 จากนั้นก็วิ่งวุ่นหาคนช่วย ระหว่างที่วิ่งไปวิ่งมา แม่เล่าว่า แอมตาเหลือก ตัวเกร็งไปหมด
ได้พี่ข้างห้องมาช่วยนวด แอมก็เริ่มดีขึ้นๆ แต่เจ็บแขนขวามาก ยกขึ้นไม่ได้ (เพราะตอนล้ม หัวและตัวไปฟาดกับจักรยานออกกำลังกาย)
หลังจากวันนั้น แอมก็พยายามระวังตัวเองมากขึ้น พยายามที่จะไม่อยู่คนเดียว เพราะเกิดสลบไปอีก ไม่มีคนเห็นแล้วจะยุ่ง
ยังไม่ทันเดินถึงประตูห้าง เกิดอาการเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้เจ็บที่หลังด้านซ้าย ร้าวลงแขน เลยบอกแม่กับน้องว่า ขอเข้าห้องน้ำไปทายาก่อน
ทายาเสร็จออกมานั่ง ก็ไม่ดีขึ้น เลยบอกแม่ว่าแอมนั่งแท็กซี่กลับก่อนก็ได้ คือมันไม่ไหวแล้วจริงๆ ร้องไห้กลางห้างเลย ไม่องไม่อายมันแล้ว
สรุปคือกลับมาบ้านพร้อมกันหมด แอมก็นั่งพัก มันดีขึ้นๆ ไม่เจ็บแล้ว กินข้าวกินปลาเรียบร้อย ประมาณ 2 ทุ่ม ใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ แถมเกิดอาการหายใจไม่ออกขึ้นมาอีก นั่งสักพักอาการไม่ดีขึ้น ยังคงใจเต้นแรง และหายใจไม่ออก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แอมรู้สึกไม่ไหว เลยถามแม่ว่าไปโรงบาลแพงไหม แม่บอกว่าไม่แพง จ่ายได้ๆ เลยตัดสินใจไปโรงบาลตอนนั้นเลย เพราะถ้าดึกกว่านี้เป็นอะไรไปจะลำบาก การไปโรงบาลครั้งนี้ แม่ชวนเพื่อนที่เก่งภาษาอารบิกไปด้วย (ซึ่งก็คือคนที่สอนแอมทำคุกกี้นั่นแหละ) ความจริงแม่พูดได้นะ แต่อันนี้มันทางการ แกกลัวว่าจะพูดไม่ถูก 555
ระหว่างทางที่ไปโรงบาล แอมต้องดมยาดมตลอด เพราะมันหายใจไม่ออก จะเป็นลม ใจก็เต้นแรงไม่หยุด ความรู้สึกตอนนั้นคือกลัวตาย บอกตรงๆว่ากลัวตาย คือที่นั่นไม่ใช่บ้านเรา ไม่ใช่เมืองไทย เราไม่อยากฝังที่นั่นนะเว้ย คือกลัวตายมาก ยังไม่ได้ร่ำลาใครเลย คิดไปสารพัดว่าชีวิตตัวเองจะจบแค่นี้เหรอวะ
ในที่สุดก็ถึงโรงบาลแรก เป็นโรงบาลเอกชน ไม่รับจ้าาา บอกว่าไม่มีหมอโรคหัวใจ ตอนนั้นแอมใจไม่ดีเลย คือชั้นต้องการหมอ ต้องการหายจากอาการที่เป็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้ตรวจ เซ็งเลย
*ต่อค่ะ
ไปถึงโรงบาลเดินไม่ไหว ต้องนั่งรถเข็น ซึ่งมีพนักงานเข็นให้ เราไม่ต้องเข็นเอง พอเข้าไปข้างใน โอ้โห แผนกฉุกเฉินค่ะ คนล้านแปดมาก (ใจนี่แป้วเลย จะได้ตรวจไหมอ่ะแกรร)
ด่านแรกต้องไปพบกับบุรุษพยาบาลเพื่อทำบัตร ประเมินอาการเบื้องต้น และรับบัตรคิว จุดนี้จุดเดียว คนมหาศาลมาก
บอกก่อนว่านิสัยของคนที่นี่คือไม่รอ รอไม่ได้ มันก็จะดูชุลมุนเล็กน้อย
บุรุษพยาบาลจะขอบัตรประชาชน (civil id) บัตรนี้ถ้าเป็นคนคูเวต หรือคนที่มีวีซ่างาน วีซ่าfamily จะมีทุกคน แต่ถ้าเป็นวีซ่าเยี่ยมแบบแอม ใช้พาสปอร์ตแทน ตอนนี้เขาก็จะถามชื่อสปอนเซอร์ที่พาแอมมา ทำบัตรเสร็จ ถามอาการเบื้องต้น น้าก็ช่วยแอมได้เยอะเลย ช่วยพูด ช่วยไฟท์ให้ คือจะไปพูดนิ่มๆ เรียบๆ งามอย่างไทย ยูไม่ได้ตรวจหรอกค่ะ 555 ต้องสู้มากๆ ต้องพูดว่าจะไม่ไหวแล้ว
หน้าห้องตรวจจะมียามเฝ้าทุกห้อง ระหว่างที่รอก็จะมีประเภทที่พูดอารบิกได้ ไปใส่ภาษากับยามเพื่อจะลัดคิวแล้วเข้าไปตรวจ แล้วอียามก็ให้เข้าไปจ้า บางคนก็เล่นละครมาเลยเจ็บปลอมมาก ร้องลั่นมาเลย (เอาจริงๆคนที่เขาเจ็บจริง เขาไม่มีกำลังมาแหกปากร้องจ้ะ แอมเองยังพูดไม่ค่อยออกเลย)
ถึงจุดนึงน้าทนไม่ไหว เลยพูดขึ้นว่า แอมไม่ไหวแล้วนะ ชีหายใจไม่ออก ยูให้เขาแซงไปได้ไง ทำแบบนี้ได้ไง จบด้วย ชินูฮาด้า (แปลว่า What is this?)
ยังไงก็ต้องรอ รอไปค่ะ ร้อยคิวก็ร้อยคิว พอเจอหมอ หมอถามว่า กินคาเฟอีนมาไหม น้าตอบให้ว่าเปล่า แต่แอมพูดว่า แอมทำคุกกี้หลายอย่างเลย ทั้งชา กาแฟ ทำแล้วชิมๆเยอะมาก มันเกี่ยวมั้ย หมอก็ไม่ได้ให้คำตอบไร แค่ให้ไปเอกซเรย์ปอดกะเจาะเลือด
แล้วหมอก็มาตรวจที่เตียงเลย หัวใจก็ปกติ แต่เขาสงสัยว่ามีประวัติโรคอะไรเกี่ยวกับคอไหม เลยบอกว่าไม่มี ไม่เคยตรวจ แต่เคยเป็นโรคหัวใจตอนเด็กๆ หมอก็ทำอะไรให้ไม่ได้มาก เพราะเราไม่มีประวัติเก่าให้เขาดู (จุดนี้ก็เข้าใจนะ)
รับผลแล้ว ก็รับยาค่ะ
คือที่นี่นะ ให้ยาอยู่แค่นี้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรหนักหนา มียาแค่พารา พานาดอล ให้แค่นี้ค่ะ (อาจเป็นเพราะเราเป็นต่างชาติด้วยละมั้ง เขาเลยให้แค่นี้)
จากนั้นก็กลับบ้านค่ะ กินยา นอน ต้องนอนหมอนสูงๆเข้าไว้ กลางดึกชอบตื่นขึ้นมาเอง ใจเต้นแรง ตัวสั่น หายใจไม่ออก ทำให้แอมไม่ได้นอน ต้องนั่งตลอด ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้มอะไรร้อนๆกิน
วันรุ่งขึ้นแม่เลยติดต่อเพื่อนที่เป็นหมอ ช่วยหาทางให้ได้ตรวจเอคโค่ (เพราะโรคลิ้นหัวใจรั่ว ต้องตรวจเอคโค่ถึงจะเห็น บางทีตรวจธรรมดาๆก็ไม่พบว่าเป็นนะ)
ตอนนั้นเรามุ่งประเด็นเรื่องโรคเก่าคือโรคหัวใจ เลยอยากจะตรวจว่ามันเป็นอะไร ใจถึงเต้นแรง นอนไม่ได้ขนาดนี้
เจอหมอหัวใจ เขาก็ถามอาการตอนนี้ ถามประวัติโรคหัวใจที่เคยเป็น แล้วก็นัดทำเอคโค่ วันที่ 16 ก.พ. (เป็นวันเกิดอายุครบ 25 ปีพอดี เบิร์ธเดย์ที่รพ. เก๋จังเลย)
ออกจากห้องตรวจ เพื่อนแม่เห็นแอมอิดโรยมาก เลยจะพาไปคลินิกเขาเพื่อให้น้ำเกลือ
ตลอดเวลาจะมีพยาบาลเดินมาดูตลอดว่าโอเคไหม แต่แอมรู้สึกไม่โอเคเลย แต่ก็นอนให้น้ำเกลือจนหมดขวด
ให้น้ำเกลือเสร็จไปพบหมอ หมอถามว่าดีขึ้นไหม แอมตอบว่าไม่ดี ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ หมอเลยบอกให้ถือใบไปโรงบาลใหญ่ แล้วก็ให้ยากลับมากินกรุบกริบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กลับจากคลินิก อาการก็ยังไม่ดีขึ้น มันเหมือนมีอะไรหมุนๆวนๆในตัวเรา บอกไม่ถูกอ่ะ อาจจะเป็นลม หรืออะไรเราก็ไม่รู้ สับสนกับชีวิตมาก เป็นอะไรเนี่ย
ตอนกลางคืน นอนไปได้แปบเดียว แล้วก็ตื่น เพราะมันหายใจไม่ออก และอะไรที่วนๆในตัวก็ยังวนตลอดทั้งคืน แอมไม่ได้นอนเลย เพราะถ้าล้มตัวนอนปุ๊บ ลมมันจะขึ้น เลยต้องนั่งหลับ แม่ก็ไม่ได้นอนไปด้วย ต้องมาคอยดูแอม เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้มอะไรร้อนๆ กิน พวกน้ำมะตูม น้ำขิง ยาหอมบ้าง สลับๆกันไป