[CR] 4 วัน 3 คืนที่ Santa Cruz trekking, Peru 🇵🇪

เกริ่นนิดนึงนะครับ Santa cruz trekking เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเทรคที่มีชื่อเสียงและเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสีขาว Cordillera Blanca ซึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอด และมีกิจกรรมสำหรับคนรักการเดินป่า ปีนเขา มากมาย เรียกว่าเป็นสวรรค์ของกลุ่มคนเหล่านี้เลยล่ะ

Huaraz ประตูสู่ Cordillera Blanca
เราเริ่มต้นเดินทางจาก Lima ขึ้นเหนือไปยังเมืองที่ชื่อว่า Huaraz โดยรถบัสโดยสารในราคา 70 soles ( 730 บาท) ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง
เรามาถึง Huaraz ตอนกลางคืนพยามนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ เพราะต้องตื่นตอนตี 4 เพื่อเตรียมตัวออกจากที่พักตอน ตีสี่ครึ่ง เพื่อเดินไปขึ้นรถตู้หรือที่คนที่นี่เรียกว่า collectivo ตอนเวลาตี 5 เพื่อที่จะไปเมืองทางตอนเหนือห่างออกไป 56 กิโลเมตร ชื่อว่า Yungay

ตอนเช้าเวลาประมาณ 6:30 รถตู้มาส่งที่เมือง Yungay ในราคา 5 soles หรือ 52 บาท ซึ่งสำหรับเราถือว่าไม่แพงนักกับระยะทาง 56 กิโลเมตร
จาก Yungay เราต้องต่อรถตู้ไปอีกในราคา 20 Soles หรือ 208 บาท เพื่อไปในตัวอุทยานและ สถานที่เริ่มต้นการเดินเทรคกิ้งที่ชื่อว่า Vaqueria
จากคำแนะนำของไกด์ที่เมือง Huaraz และเว็บไซต์ต่างๆสำหรับผู้ที่ต้องการเดิน Trekking คนเดียวแนะนำการเดินทางดังนี้

Day 1 Vaqueria to Paria ระยะทาง 10 กิโลเมตร
Day 2 Paria to Punto Union ระยะทาง 8 กิโลเมตร จุดที่สูงที่สุด 4750 เมตรจากระดับน้ำทะเล
Day 3 Punto Union to llamacoral ระยะทาง 12 กิโลเมตร
Day 4 llamacoral to Cashapampa ระยะทาง 9.6 กิโลเมตร

นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงปากทางเข้าอุทยาน ซึ่งค่าเข้าอยู่ที่ 65 soles ( 678 บาท )ซึ่งสามารถอยู่ได้ 21 วันในตัวอุทยาน
จากทางเข้าอุทยาน สองข้างทางก็จะเป็นหน้าผาสูงชันทั้งสองข้าง ไม่นานหลังหน้าผาก็เป็น ลากูนสีฟ้า ชื่อว่า Llanganuco รอบๆลากูนก็จะเห็นม้า ลา และวัวอยู่เรื่อยๆ เราต้องนั่งรถไปอีกทั้งขึ้นไปบนสุดและลงไปอีกด้านหลังของเขา สองข้างทางก็จะเจอไม้กางเขนริมทางปักเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้ตกหน้าผาตายตลอดทาง
อีกสามชั่วโมงรถก็จอดและตะโกนบอกว่า Vaqueria  นั่นหมายถึงเวลาเราต้องลงรถหลังจากเดินทางตั้งแต่ตี 5 มาถึงต้นทางของการเดินทางแล้ว

จุดที่รถจอดเป็นร้านเล็กๆขายกาแฟและขนม เรานั่งทานกาแฟและทบทวนแผนที่อีกครั้งใน iPad สิ่งที่เราจะต้องจำคือสถานที่ปลายทางของวันแรกนี้ โดยเราไม่สามารถกลับมาดูแผนที่ได้อีกเพราะคงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ โดยเชื่อว่าจะเดินไปเรื่อยๆและคอยถามทางคนที่ผ่านไปมา

สักพักก็มีอีกรถอีกคันนึงจอดพร้อมผู้โดยสารอีกสามคน ขณะเราถามทางกับเจ้าของร้านกาแฟ ผู้โดยสารมาใหม่อีกสามคนก็เริ่มถามทางบ้าง สุดท้ายเจ้าของร้านก็พูดว่าก็ไปด้วยกันเลยสิ เราจึงเข้าไปแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ทั้งสามคน คนแรกแอนดี้จากสก็อตแลนด์ คนที่สองเป็นคู่รักของแอนดี้คือโซเฟียจากฝรั่งเศส และสุดท้ายเป็นหนุ่มที่กวนบาทามากๆคือ เฟลิกซ์จากเยอรมัน

ทั้งสามคนเที่ยวกันมาแล้วหกเดือนและค่อนข้างตกใจที่เห็นคนไทยที่อเมริกาใต้ เพราะ ทุกคนเคยเดินทางไปไทยกันมาแล้วและรู้สึกว่าคนไทยไม่ค่อยชอบเที่ยวจากประสบการณ์ที่พวกเค้าเห็น เราก็บอกว่ามีนะแต่คุณคงโชคร้ายที่มาเจอชั้นที่นี่ นี่คงเป็นความฝันของเราละมั้งที่จะมาเหยียบดินแดนไกลบ้านขนาดนี้
เราเริ่มต้นเดินทางโดยมีเจ้าของร้านกาแฟมาส่ง ทางเริ่มต้นเทรลไม่มีป้ายใดๆบอกทั้งสิ้น เป็นทางลงตรงไหล่ทางของทางเดินรถสองเลน เราทั้งสี่เริ่มเดินทางจากจุดนั้น เป็นทางลงไปเรื่อยโดยมีชุมชนเกษตรเล็กๆตั้งอยู่

ไม่นานก็ถึงชุมชนหรือภาษาสเปนเรียกกันว่า Pueblo หรือ ปวยโบล เป็นชุมชนเล็กๆที่เลี้ยงหมู เลี้ยงแพะ และลาใช้โดยสาร ชุมชนแรกเรียกว่า Huaripampa

จากนั้นเราก็เดินกันต่อ จนมาถึงที่โล่งกว้างใหญ่มีเขาล้อมรอบและมองเห็นยอดเขาที่มี หิมะปกคลุมเป็นปลายทาง มีคณะทัวร์นั่งพักกันเต็มไปหมด ถึงเวลาของพวกเราบ้างแล้วที่จะพักกลางวัน เวลานี้เราเพิ่งรู้ตัวว่าเลือดออกจมูกมากมายยยย


ไม่นานจากที่โล่งพวกเราก็เจอป้ายแคมป์ไซต์ ในเวลา 4 โมงเย็น เราพักผ่อนในคืนแรก


วันที่ 2 จาก Paria ไป Punta Union
เราเริ่มออกจากแคมป์ตั้งแต่ 8:30 รู้ตัวว่าวันนี้ต้องแย่แน่ๆ เพราะเคยอ่านบล็อคของสาวคนนึงที่ต้องทิ้งกระเป๋าเพื่อเดินขึ้นไปที่ Punta Union หรือจุดสูงสุดของ trek นี้ เริ่มเดินประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็รู้สึกตัวแล้วว่า อากาศบางๆเริ่มทำร้าย หายใจไม่ค่อยทันและทางชันๆไม่รู้จบสิ้น


วันที่สองนี้เป็นวันที่ทรมานที่สุด เพราะต้องตั้งหน้าตั้งตาเดินขึ้นไม่รู้จักจบสิ้น ถามในใจตัวเองว่า "ทำเพื่ออะไรวะ" "แบกกระเป๋าหนักๆเดินขึ้นเขาทำไมวะ" ไม่นานแอนดี้ก็สบถกับตัวเอง Why the f im doing this? ไม่ใช่เราคนเดียวที่คิดว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน


ประมาณบ่ายสามครึ่งเราถึงจุดพัก เป็นลากูนใหญ่ๆ เรียกว่า Morococha เราคิดว่าเฟลิกซ์จะตั้งแคมป์ที่นี่ เราถึงจุดพักขอนอนหลับตาทันที สิ่งที่เห็นก่อนหลับตาคือก้อนเมฆรูปต่างๆ นานกี่ปีแล้วนะ ที่จินตนาการวัยเด็กมันหายไป ตอนเด็กๆแค่เห็นก้อนเมฆก็มีความสุขแล้ว

ไม่ใช่อันนี้นะครับ อันนี้เป็นรูปหัวใจ

4 โมง เฟลิกซ์บอกเราจะไปต่อ อีกไม่กี่กิโลเมตร แต่บนยอดเขานั้น!
ทางขึ้นเขาบนยอดช่างมหาโหด ไม่มีทางเดิน เป็นหินลาดๆ ให้ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ สักพักจะเห็นทางเดินและบนยอดนั้นเป็นประตูหินนำไปสู่อีกฝั่งของยอดเขา เราใช้เวลากัน 45 นาที ที่เหมือนครึ่งวันขึ้นไปบนยอด ถึงแล้วก็อดที่จะสบถไม่ได้


หลังจากชมความสวยงามบนยอดเขา และฟังเสียงหิมะถล่มจากอีกฝั่งของยอดเขา (เสียงมันช่างเหมือนปืนที่ยิงแบบไม่เจาะจงเป้าหมายเหลือเกิน)
เรารีบเดินลงเขาเพื่อจะหาที่แคมป์


จบวันที่สอง ณ เวลา ประมาณ 6 โมงเย็น อากาศบนความสูงขนาดนี้ช่างทำร้ายชายจากที่ราบลุ่มเหลือเกิน
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อครับ เน็ทเปรูช้าเหลือเกิน 😭
ชื่อสินค้า:   Cordillera Blanca, Peru
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่