ด้วยความที่ว่าช่วงนี้ จขกท.ปิดเทอม อยู่บ้านก็เหงาๆ ชวนเพื่อนไปเที่ยว เพื่อนก็ติดเรียน ติดฝึกงาน ติดทำงาน บ้านไกล ขี้เกียจ ไม่มีใครไปเที่ยวด้วยซักคน สุดท้ายก็เลยลงเอยด้วยการออกไปผจญภัยใช้ชีวิตตามวิถีคนเหงาจริงๆค่ะ
ทริปนี้ไม่ใช่ทริปกระทันหันเพราะวางแผนที่จะไปหลายรอบแล้ว แต่ จขกท.ดันป่วยก็เลยต้องเลื่อนจนกว่าสภาพร่างกายจะกลับมาดีแล้วมาลุยกับทริปนี้ เพราะต้องไปคนเดียว เดี๋ยวไปเป็นลมแล้วจะยุ่งเอา5555
ข้อแนะนำในการเที่ยวในฝั่งพระนครนี้ ควรมาวันธรรมดานะคะ เพราะลำพังวันธรรมดา เราก็ต้องฝ่าฟันกับทัวร์จีนพอสมควรอยู่แล้ว ถ้ามาวันเสาร์อาทิตย์น่าจะต้องฝ่าทั้งทัวร์จีนและคนไทยด้วยกันเองนี่แหละค่ะ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้มาเช้าๆนะคะ คนจะยังน้อยอยู่
เริ่มออกเดินทางกันที่แรกเลยค่ะ จขกท.บ้านอยู่ฝั่งธน ก็เลยนั่งรถเมล์สาย 82 มาลงวัดโพธิ์ ตอนประมาณ 7.50 น. วัดเพิ่งเปิดพอดีเลยค่ะ เรียกได้ว่าแทบไม่มีคนเลย
แต่ว่าเหมือนเราจะมาเช้าไป พระอุโบสถใหญ่ยังไม่เปิด จขกท.เลยเดินไปไหว้พระนอนด้านข้างค่ะ แล้วก็เดินถ่ายรูปเล่นไปพรางๆค่ะ
นอกจากที่วัดโพธิ์จะมีพระให้เราได้กราบไหว้บูชาแล้ว ยังมีเหล่านายท่านสำหรับทาสแมวทั้งหลายค่ะ คือแทบจะต้องเรียกว่า วัดโพธิ์เมืองแมว เพราะเจอแมวเยอะมาก เดินไปทางไหนก็เจอแต่แมว จริงๆเจอเยอะกว่าที่ลงนะคะ แต่กลัวถ้าลงเยอะไปกว่านี้จะกลายเป็นกระทู้ดูแมว
หลังจากที่ได้ไหว้พระเรียบร้อย จขกท.ก็ออกเดิน เดินต่อไปที่วัดพระแก้วค่ะ พอไปถึงตอน 8.30 ประตูก็เปิดพอดี เลยเป็นกลุ่มแรกที่ได้เข้าไปในวัด เป็นอะไรที่รู้สึกดีมากค่ะ เนื่องจากเราเป็นคนไทย เข้าวัดพระแก้วฟรี ไม่ต้องรอซื้อบัตรเข้าชมเลยได้เดินเข้าไปข้างในก่อน คนก็เลยน้อย มีทำเลให้ถ่ายรูปเพียบเลยค่ะ ถึงแนะนำให้ไปเช้าๆนะคะ
ตอนแรก จขกท.ตั้งใจจะไปวัดมหาธาตุด้วยค่ะ แต่ถนนตรงหน้าวัดฝั่งที่ติดสนามหลวงปิด ไม่สามารถเดินตรงไปได้ ต้องอ้อมสนามหลวงไปหรือไม่ก็ต้องถนนอีกเส้นเลย จขกท.ก็เลยต้องตัดใจค่ะ ก็เลยข้ามไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแทน แต่ก็ต้องเดินอ้อมสนามหลวงเหมือนกันนะคะ แต่แค่ว่าอ้อมน้อยกว่าวัดมหาธาตุ ค่าเข้าที่นี่ คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท เปิดเวลา 9.00 น. หยุดทุกวันอังคารและพุธและวันหยุกนักขัตฤกษ์ ข้างในอนุญาตให้ถ่ายรูปได้แต่งดใช้แฟลตกับถ่ายวีดีโอนะคะ
ข้างในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติได้จัดแสดงโบราณวัตถุไว้มากมาย ตั้งแต่สมัยก่อนยุคสุโขทัยอีกค่ะ ลองถามพี่ๆพนักงานเขาบอกว่าเป็นของจริงทั้งหมดค่ะ เข้าในนี่รู้สึกขลังมาก ของบางอย่างอายุเยอะจนน่าตกใจเลยค่ะ แต่ที่เราชอบที่สุดก็ต้องศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงค่ะ เรามีโอกาสมาที่นี่หลายครั้ง แต่เวลามาทุกครั้ง เราจะไปยืนดูศิลาจารึกนี้นานมากกก เพราะเราได้แต่เคยได้ยินจากในตำราเรียน พอได้มาเห็นของจริงมันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากเพราะมันเก่าแก่มากจริงๆค่ะ
ส่วนต่อไปของพิพิธภัณฑ์ ข้างๆตึกจัดแสดงโบราณวัตถุจะมีพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ ข้างในจะประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ สามารถเข้าไปกราบสักการะได้ค่ะ
ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติยังมีอีกหลายๆส่วนด้วยกัน แต่ที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้คือ โรงราชรถค่ะ เพราะเป็นที่เก็บรักษาและซ่อมบำรุงพระมหาพิชัยราชรถที่จะใช้งานเชิญพระบรมโกศประกอบพระบรมราชอิสริยยศอีกครั้งในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สามารถเข้าชมได้ด้วยค่ะ นับว่าได้เห็นใกล้ๆเป็นบุญตาซักครั้ง
เมื่อเดินชมรอบๆพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว แต่เวลายังเหลือเฟือเกินกว่าจะกินข้าวกลางวัน จขกท.เลยดั้นด้นเดินต่อไปค่ะ ไปที่วัดราชนัดดาซึ่งเป็นวัดที่มีโลหะปราสาทที่เดียวในไทยและที่เดียวในโลก เพราะที่ต่างประเทศพังหมดแล้วค่ะ สมัยก่อนตอนเด็กๆ จขกท.เคยมาทำรายงานเกี่ยวกับวัดนี้กับเพื่อนๆ องค์โลหะปราสาทยังเป็นสีดำอยู่เลยค่ะ แต่ตอนนี้ได้มีการบรูณะใหม่ให้เป็นสีทองก็สวยไปอีกแบบนึงนะคะ
ด้านบนโลหะปราสาทสามารถขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและชมวิวได้นะคะ แต่แนะนำพกน้ำและยาดมสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ฟิตร่างกายค่ะ เพราะบันได้ขึ้นที่นี่เป็นบันไดเวียน ไม่ได้เวียนรอบใหญ่ๆเหมือนเจดีย์ภูเขาทองนะคะ เป็นบันไดเวียนไม้ วนๆๆขึ้นไปเจ็ดชั้นค่ะ คือสำหรับ จขกท. ไม่ได้เหนื่อยมากนะคะ แต่เวียนหัวมากก มันวนเกิน ต้องนั่งตั้งสติซักพักเลยค่ะ55555
วิวที่มิงมาจากด้านบนค่ะ จริงๆมันมีหลายมุมนะคะ ฝั่งซ้ายจะมีนิทรรศรัตนโกสินทร์ ข้ามถนนทางขวาก็จะมีเจดีย์ภูเขาทองและป้อมมหากาฬ ด้านหน้าเป็นลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ค่ะ
หลังจากไปสำหรับบันไดวนกันแล้ว ท้องก็เริ่มหิวแต่ก็ยังสาแก่ใจในการเดิน จขกท.เลยเดินไปวัดสุทัศน์ก่อนค่ะ เข้าไปให้ลึกๆแล้วค่อยออกมากินทีเดียว ช่วงนี้วัดสุทัศน์กำลังบรูณะพระอุโบสถใหญ่แต่สามารถเข้าไปไหว้พระด้านในได้เหมือนเดิมค่ะ
แต่เป้าหมายในการกินวันนี้คือหาของกินที่ถนนดินสอค่ะ เห็นเป็นที่เลื่องลือว่าของกินแถวๆนี้อร่อยเยอะก็เลยตามกระทู้ในพันทิปไปลองค่ะ
จากการเดินวนๆไปหลายรอบก็มาลงเอยกับร้านชวนชิม เย็นตาโฟลูกชิ้นแคระค่ะ อร่อยนะคะ ทำเป็นเย็นตาโฟแซ่บๆ ถึงเครื่องถึงรสมากค่ะ
พออิ่มได้ที่ เราก็ไปต่อกันค่ะ แต่ตอนนี้ขาเริ่มล้า เดินไม่ไหวแล้วว ที่ต่อไปก็ไกลถ้าจะเดินก้น่าจะถึงเย็นๆเลย ก็เลยตัดสินใจนั่งแท๊กซี่ไปพระที่นั่งอนันตสมาคมกันค่ะ หลายๆคนอาจไม่ค่อยรู้ว่า พระที่นั่งอนันตสมาคมสามารถเข้าชมได้ คนไทยเลยค่อนข้างน้อยมากๆๆจนไม่เจอใครซักคนเลยค่ะ เจอแต่ทัวร์จีนหลังไหลกันมาแแบบไม่ขาดสาย ถ้าใครจะมาแนะนำให้มาช่วงเช้า พระที่นั่งจะเปิด 10.00 น.ค่ะ คนไทยหรือชาวต่างชาติที่ไม่ได้มากับทัวร์จะได้เข้าไวกว่านะคะ จะมีอีกช่องทางเพื่อซื้อบัตรเข้าชม ราคาทั่วไป คนไทย 150 บาท ชาวต่างชาติ 350 บาท นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ 75 บาท(ต้องแสดงบัตรประจำตัว) สำหรับคุณผู้หญิง ข้างในพระที่นั่งอนันตสมาคมต้องในกระโปรงเท่านั้นนะคะ ถ้าไม่ได้ใส่มา ทางเจ้าหน้าที่จะมีบริการขายผ้าโสร่งผืนละ 50 บาทค่ะ
ด้านในไม่สามารถถ่ายรูปได้นะคะ ทุกอย่างต้องฝากเจ้าหน้าที่ไว้หมดค่ะ ยกเว้นกระเป๋าสตางค์เท่านั้นที่สามารถนำเข้าไปได้ ช่วงนี้ด้านล่างของพระที่นั่งมีงานศิลป์แผ่นดิน จัดแสดงงานหัตกรรมต่างค่ะ สวยมากๆ นอกจากประทับใจสถานที่แล้ว ยังประทับใจเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ จขกท.เข้าไปงงๆ ถามจนท.ไปเรื่อยๆ ทุคนก็ชี้ทางและแนะนำอย่างดี อธิบายให้ฟังอย่างดี น่ารักมากๆเลยค่ะ แล้วก็ใครที่เข้าไปแล้วกลัวไม่มีไกด์นำ ไม่ต้องห่วงนะคะ ทางพระที่นั่งมี audio guide ได้เราติดตัวไว้ฟังด้วยค่ะ อ้ออ ที่สำคัญเช็ควันให้ดีๆด้วยนะคะ เพราะพระที่นั่งอาจปิดถ้ามีการรับเสด็จด้วย หรือใกล้ๆเทศกาลที่สำคัญค่ะ จขกท.แห้วไปตั้งสองรอบก่อนจะได้เข้ารอบนี้ รอบแรกติดรับเสด็จ อีกรอบติดใกล้ปีใหม่ค่ะ
พระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นที่สุดในวันนี้ที่ จขกท. แนะนำให้ทุกคนได้มานะคะ การที่เราเป็นคนไทยตัวเล็กๆ ได้เข้ามาในสถานที่ที่สำคัญ มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายในสถานที่แห่งนี้และเราได้รับรู้จากแค่เพียงในโทรทัศน์ แต่การได้เขาไปยืนในพระที่นั่งอนันสมาคมด้วยขาและเห็นด้วยตาของตัวเองซักครั้ง รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ สิ่งล้ำค่ามากมายที่อยู่ในนั้นบอกเรื่องราวความเป็นไปของประเทศได้เป็นอย่างดี จขกท.อยากให้คนไทยทุกๆคนได้เห็นและภูมิใจในความเป็นไทยของเรามากยิ่งขึ้นค่ะ
ตอนแรก จขกท.ตั้งใจจะไปพระที่นั่งอภิเศกดุสิต่อ ซึ่งอยู่ด้านหลังพระที่นั่งอนันตสมาคมนิดเดียวเองค่ะ แต่เหมือนช่วงนี้จะปิดปรับปรุงทางเข้าตรงนั้น ถ้าใครยังอยากไปอาจต้องไปซื้อตั๋วที่พระที่นั่งวิมานเมฆ จขกท.ก็ขอแนะนำพระที่นั่งวิมานเมฆด้วยเหมือนกันนะคะ สวยและดีเหมือนกัน เคยไปมาก่อนหน้านี้ค่ะ แต่ตอนนี้เหนื่อยมากค่ะ เลยเดินข้ามฝั่งเข้าเขาดินนั่งรถรางเล่นเลย
แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปในเขาดินเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะร้อน เหล่าสัตว์น้อยใหญ่เลยหลับใส่กล้องกันหมดเลย
จบแล้วคร้าา สำหรับทริปคนเหงาที่อยากจะทำลายร่างกายตัวเองเพื่อประทังความเหงา555 กลับมานี่ปวดขาเดินไม่สมประกอบไปสองวันเลยค่ะ ใครไม่อยากต้องเดินนั่งรถก็ได้นะคะ มีรถโดยสารเยอะมากค่ะแถวๆนั้น หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยทุกๆคนในการหาที่เที่ยวไม่ไกล ใช้เวลาแค่วันเดียวได้นะคะ
ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าตอนที่เรายังมีแรงเหลือๆ ก่อนจะต้องมาบ่นเสียดายตอนแรงหมดแล้วนะคะ
รีวิว เที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์ ฉบับคนเหงา2017
ด้วยความที่ว่าช่วงนี้ จขกท.ปิดเทอม อยู่บ้านก็เหงาๆ ชวนเพื่อนไปเที่ยว เพื่อนก็ติดเรียน ติดฝึกงาน ติดทำงาน บ้านไกล ขี้เกียจ ไม่มีใครไปเที่ยวด้วยซักคน สุดท้ายก็เลยลงเอยด้วยการออกไปผจญภัยใช้ชีวิตตามวิถีคนเหงาจริงๆค่ะ
ทริปนี้ไม่ใช่ทริปกระทันหันเพราะวางแผนที่จะไปหลายรอบแล้ว แต่ จขกท.ดันป่วยก็เลยต้องเลื่อนจนกว่าสภาพร่างกายจะกลับมาดีแล้วมาลุยกับทริปนี้ เพราะต้องไปคนเดียว เดี๋ยวไปเป็นลมแล้วจะยุ่งเอา5555
ข้อแนะนำในการเที่ยวในฝั่งพระนครนี้ ควรมาวันธรรมดานะคะ เพราะลำพังวันธรรมดา เราก็ต้องฝ่าฟันกับทัวร์จีนพอสมควรอยู่แล้ว ถ้ามาวันเสาร์อาทิตย์น่าจะต้องฝ่าทั้งทัวร์จีนและคนไทยด้วยกันเองนี่แหละค่ะ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้มาเช้าๆนะคะ คนจะยังน้อยอยู่
เริ่มออกเดินทางกันที่แรกเลยค่ะ จขกท.บ้านอยู่ฝั่งธน ก็เลยนั่งรถเมล์สาย 82 มาลงวัดโพธิ์ ตอนประมาณ 7.50 น. วัดเพิ่งเปิดพอดีเลยค่ะ เรียกได้ว่าแทบไม่มีคนเลย
แต่ว่าเหมือนเราจะมาเช้าไป พระอุโบสถใหญ่ยังไม่เปิด จขกท.เลยเดินไปไหว้พระนอนด้านข้างค่ะ แล้วก็เดินถ่ายรูปเล่นไปพรางๆค่ะ
นอกจากที่วัดโพธิ์จะมีพระให้เราได้กราบไหว้บูชาแล้ว ยังมีเหล่านายท่านสำหรับทาสแมวทั้งหลายค่ะ คือแทบจะต้องเรียกว่า วัดโพธิ์เมืองแมว เพราะเจอแมวเยอะมาก เดินไปทางไหนก็เจอแต่แมว จริงๆเจอเยอะกว่าที่ลงนะคะ แต่กลัวถ้าลงเยอะไปกว่านี้จะกลายเป็นกระทู้ดูแมว
หลังจากที่ได้ไหว้พระเรียบร้อย จขกท.ก็ออกเดิน เดินต่อไปที่วัดพระแก้วค่ะ พอไปถึงตอน 8.30 ประตูก็เปิดพอดี เลยเป็นกลุ่มแรกที่ได้เข้าไปในวัด เป็นอะไรที่รู้สึกดีมากค่ะ เนื่องจากเราเป็นคนไทย เข้าวัดพระแก้วฟรี ไม่ต้องรอซื้อบัตรเข้าชมเลยได้เดินเข้าไปข้างในก่อน คนก็เลยน้อย มีทำเลให้ถ่ายรูปเพียบเลยค่ะ ถึงแนะนำให้ไปเช้าๆนะคะ
ตอนแรก จขกท.ตั้งใจจะไปวัดมหาธาตุด้วยค่ะ แต่ถนนตรงหน้าวัดฝั่งที่ติดสนามหลวงปิด ไม่สามารถเดินตรงไปได้ ต้องอ้อมสนามหลวงไปหรือไม่ก็ต้องถนนอีกเส้นเลย จขกท.ก็เลยต้องตัดใจค่ะ ก็เลยข้ามไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแทน แต่ก็ต้องเดินอ้อมสนามหลวงเหมือนกันนะคะ แต่แค่ว่าอ้อมน้อยกว่าวัดมหาธาตุ ค่าเข้าที่นี่ คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท เปิดเวลา 9.00 น. หยุดทุกวันอังคารและพุธและวันหยุกนักขัตฤกษ์ ข้างในอนุญาตให้ถ่ายรูปได้แต่งดใช้แฟลตกับถ่ายวีดีโอนะคะ
ข้างในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติได้จัดแสดงโบราณวัตถุไว้มากมาย ตั้งแต่สมัยก่อนยุคสุโขทัยอีกค่ะ ลองถามพี่ๆพนักงานเขาบอกว่าเป็นของจริงทั้งหมดค่ะ เข้าในนี่รู้สึกขลังมาก ของบางอย่างอายุเยอะจนน่าตกใจเลยค่ะ แต่ที่เราชอบที่สุดก็ต้องศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงค่ะ เรามีโอกาสมาที่นี่หลายครั้ง แต่เวลามาทุกครั้ง เราจะไปยืนดูศิลาจารึกนี้นานมากกก เพราะเราได้แต่เคยได้ยินจากในตำราเรียน พอได้มาเห็นของจริงมันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากเพราะมันเก่าแก่มากจริงๆค่ะ
ส่วนต่อไปของพิพิธภัณฑ์ ข้างๆตึกจัดแสดงโบราณวัตถุจะมีพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ ข้างในจะประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ สามารถเข้าไปกราบสักการะได้ค่ะ
ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติยังมีอีกหลายๆส่วนด้วยกัน แต่ที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้คือ โรงราชรถค่ะ เพราะเป็นที่เก็บรักษาและซ่อมบำรุงพระมหาพิชัยราชรถที่จะใช้งานเชิญพระบรมโกศประกอบพระบรมราชอิสริยยศอีกครั้งในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สามารถเข้าชมได้ด้วยค่ะ นับว่าได้เห็นใกล้ๆเป็นบุญตาซักครั้ง
เมื่อเดินชมรอบๆพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว แต่เวลายังเหลือเฟือเกินกว่าจะกินข้าวกลางวัน จขกท.เลยดั้นด้นเดินต่อไปค่ะ ไปที่วัดราชนัดดาซึ่งเป็นวัดที่มีโลหะปราสาทที่เดียวในไทยและที่เดียวในโลก เพราะที่ต่างประเทศพังหมดแล้วค่ะ สมัยก่อนตอนเด็กๆ จขกท.เคยมาทำรายงานเกี่ยวกับวัดนี้กับเพื่อนๆ องค์โลหะปราสาทยังเป็นสีดำอยู่เลยค่ะ แต่ตอนนี้ได้มีการบรูณะใหม่ให้เป็นสีทองก็สวยไปอีกแบบนึงนะคะ
ด้านบนโลหะปราสาทสามารถขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและชมวิวได้นะคะ แต่แนะนำพกน้ำและยาดมสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ฟิตร่างกายค่ะ เพราะบันได้ขึ้นที่นี่เป็นบันไดเวียน ไม่ได้เวียนรอบใหญ่ๆเหมือนเจดีย์ภูเขาทองนะคะ เป็นบันไดเวียนไม้ วนๆๆขึ้นไปเจ็ดชั้นค่ะ คือสำหรับ จขกท. ไม่ได้เหนื่อยมากนะคะ แต่เวียนหัวมากก มันวนเกิน ต้องนั่งตั้งสติซักพักเลยค่ะ55555
วิวที่มิงมาจากด้านบนค่ะ จริงๆมันมีหลายมุมนะคะ ฝั่งซ้ายจะมีนิทรรศรัตนโกสินทร์ ข้ามถนนทางขวาก็จะมีเจดีย์ภูเขาทองและป้อมมหากาฬ ด้านหน้าเป็นลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ค่ะ
หลังจากไปสำหรับบันไดวนกันแล้ว ท้องก็เริ่มหิวแต่ก็ยังสาแก่ใจในการเดิน จขกท.เลยเดินไปวัดสุทัศน์ก่อนค่ะ เข้าไปให้ลึกๆแล้วค่อยออกมากินทีเดียว ช่วงนี้วัดสุทัศน์กำลังบรูณะพระอุโบสถใหญ่แต่สามารถเข้าไปไหว้พระด้านในได้เหมือนเดิมค่ะ
แต่เป้าหมายในการกินวันนี้คือหาของกินที่ถนนดินสอค่ะ เห็นเป็นที่เลื่องลือว่าของกินแถวๆนี้อร่อยเยอะก็เลยตามกระทู้ในพันทิปไปลองค่ะ
จากการเดินวนๆไปหลายรอบก็มาลงเอยกับร้านชวนชิม เย็นตาโฟลูกชิ้นแคระค่ะ อร่อยนะคะ ทำเป็นเย็นตาโฟแซ่บๆ ถึงเครื่องถึงรสมากค่ะ
พออิ่มได้ที่ เราก็ไปต่อกันค่ะ แต่ตอนนี้ขาเริ่มล้า เดินไม่ไหวแล้วว ที่ต่อไปก็ไกลถ้าจะเดินก้น่าจะถึงเย็นๆเลย ก็เลยตัดสินใจนั่งแท๊กซี่ไปพระที่นั่งอนันตสมาคมกันค่ะ หลายๆคนอาจไม่ค่อยรู้ว่า พระที่นั่งอนันตสมาคมสามารถเข้าชมได้ คนไทยเลยค่อนข้างน้อยมากๆๆจนไม่เจอใครซักคนเลยค่ะ เจอแต่ทัวร์จีนหลังไหลกันมาแแบบไม่ขาดสาย ถ้าใครจะมาแนะนำให้มาช่วงเช้า พระที่นั่งจะเปิด 10.00 น.ค่ะ คนไทยหรือชาวต่างชาติที่ไม่ได้มากับทัวร์จะได้เข้าไวกว่านะคะ จะมีอีกช่องทางเพื่อซื้อบัตรเข้าชม ราคาทั่วไป คนไทย 150 บาท ชาวต่างชาติ 350 บาท นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ 75 บาท(ต้องแสดงบัตรประจำตัว) สำหรับคุณผู้หญิง ข้างในพระที่นั่งอนันตสมาคมต้องในกระโปรงเท่านั้นนะคะ ถ้าไม่ได้ใส่มา ทางเจ้าหน้าที่จะมีบริการขายผ้าโสร่งผืนละ 50 บาทค่ะ
ด้านในไม่สามารถถ่ายรูปได้นะคะ ทุกอย่างต้องฝากเจ้าหน้าที่ไว้หมดค่ะ ยกเว้นกระเป๋าสตางค์เท่านั้นที่สามารถนำเข้าไปได้ ช่วงนี้ด้านล่างของพระที่นั่งมีงานศิลป์แผ่นดิน จัดแสดงงานหัตกรรมต่างค่ะ สวยมากๆ นอกจากประทับใจสถานที่แล้ว ยังประทับใจเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ จขกท.เข้าไปงงๆ ถามจนท.ไปเรื่อยๆ ทุคนก็ชี้ทางและแนะนำอย่างดี อธิบายให้ฟังอย่างดี น่ารักมากๆเลยค่ะ แล้วก็ใครที่เข้าไปแล้วกลัวไม่มีไกด์นำ ไม่ต้องห่วงนะคะ ทางพระที่นั่งมี audio guide ได้เราติดตัวไว้ฟังด้วยค่ะ อ้ออ ที่สำคัญเช็ควันให้ดีๆด้วยนะคะ เพราะพระที่นั่งอาจปิดถ้ามีการรับเสด็จด้วย หรือใกล้ๆเทศกาลที่สำคัญค่ะ จขกท.แห้วไปตั้งสองรอบก่อนจะได้เข้ารอบนี้ รอบแรกติดรับเสด็จ อีกรอบติดใกล้ปีใหม่ค่ะ
พระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นที่สุดในวันนี้ที่ จขกท. แนะนำให้ทุกคนได้มานะคะ การที่เราเป็นคนไทยตัวเล็กๆ ได้เข้ามาในสถานที่ที่สำคัญ มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายในสถานที่แห่งนี้และเราได้รับรู้จากแค่เพียงในโทรทัศน์ แต่การได้เขาไปยืนในพระที่นั่งอนันสมาคมด้วยขาและเห็นด้วยตาของตัวเองซักครั้ง รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ สิ่งล้ำค่ามากมายที่อยู่ในนั้นบอกเรื่องราวความเป็นไปของประเทศได้เป็นอย่างดี จขกท.อยากให้คนไทยทุกๆคนได้เห็นและภูมิใจในความเป็นไทยของเรามากยิ่งขึ้นค่ะ
ตอนแรก จขกท.ตั้งใจจะไปพระที่นั่งอภิเศกดุสิต่อ ซึ่งอยู่ด้านหลังพระที่นั่งอนันตสมาคมนิดเดียวเองค่ะ แต่เหมือนช่วงนี้จะปิดปรับปรุงทางเข้าตรงนั้น ถ้าใครยังอยากไปอาจต้องไปซื้อตั๋วที่พระที่นั่งวิมานเมฆ จขกท.ก็ขอแนะนำพระที่นั่งวิมานเมฆด้วยเหมือนกันนะคะ สวยและดีเหมือนกัน เคยไปมาก่อนหน้านี้ค่ะ แต่ตอนนี้เหนื่อยมากค่ะ เลยเดินข้ามฝั่งเข้าเขาดินนั่งรถรางเล่นเลย
แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปในเขาดินเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะร้อน เหล่าสัตว์น้อยใหญ่เลยหลับใส่กล้องกันหมดเลย
จบแล้วคร้าา สำหรับทริปคนเหงาที่อยากจะทำลายร่างกายตัวเองเพื่อประทังความเหงา555 กลับมานี่ปวดขาเดินไม่สมประกอบไปสองวันเลยค่ะ ใครไม่อยากต้องเดินนั่งรถก็ได้นะคะ มีรถโดยสารเยอะมากค่ะแถวๆนั้น หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยทุกๆคนในการหาที่เที่ยวไม่ไกล ใช้เวลาแค่วันเดียวได้นะคะ
ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าตอนที่เรายังมีแรงเหลือๆ ก่อนจะต้องมาบ่นเสียดายตอนแรงหมดแล้วนะคะ