ที่ผ่านมาเห็นเรียนวิชานั่น วิชานี่ เยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งก็ดีค่ะ เพราะไปต่อยอดทำมาหากินได้
แต่วิชาเอาตัวรอดจากภัยต่างๆในสังคมไทยกลับไม่มีให้เรียน
จึงอยากให้เพิ่มอีกสักวิชานึง เพื่อเป็นยันต์ป้องกันตัวเองจากภัยต่างๆของสังคมไทยที่นับวันจะมากขึ้นและเลือดเย็นยิ่งขึ้น
( อันนี้ไม่ใช่สอนให้เด็กมองประเทศตัวเองในแง่ร้ายนะคะ แค่ให้สามารถรับมือกับภัยสังคมบ้านเราให้ได้ค่ะ ) ไม่ว่าจะเป็น
ปัญหาโจรผู้ร้าย หลอกลวงฉ้อโกงรูปแบบต่างๆ การเอารัดเอาเปรียบกัน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ฯลฯ
ที่สำคัญอย่าไปหวังพึ่งพาคนอื่นเลยค่ะ (โดยเฉพาะตำรวจ) เพราะที่ผ่านมาๆในบางคดีตำรวจร่วมรู้เห็นเป็นใจด้วยซ้ำ
เราจึงควรพึ่งพาตัวเอง ศึกษาวิธีป้องกัน ไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ให้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว น่าจะเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ
ที่ดีกว่าปล่อยให้เรื่องบานปลายจนสายเกินแก้
เราอยากให้โรงเรียน หรือสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ เอากรณีที่เกิดขึ้นในข่าว มาเป็น case study ในการสอน เด็กๆน่าจะชอบและเรียนด้วยความสนุกเพราะ
เป็นข่าวที่เป็นกระแสในสังคม อาจารย์ก็ให้ความรู้ข้อเท็จจริงประกอบกับข้อกฎหมาย เด็กๆก็จะไม่คิดเองตามความรู้สึก และที่สำคัญ
จะได้รู้จักป้องกันตัวเอง ไม่ให้ใครมาล่อลวง ไม่ให้ใครมาหลอกลวง ไม่ตกเป็นเหยื่อ รู้เท่าทันปัญหา และค่อยๆสั่งสมวิธีการแก้ไขปัญหา
เราเชื่อมั่นว่า ถ้าคนไทยรู้เท่าทันเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ปัญหาต่างๆที่เคยมีมา ก็น่าจะลดน้อยลงค่ะ
วิชาที่เราแนะนำให้เพิ่มเติมในหลักสตรตั้งแต่ชั้นประถมเลยคือ วิชากฎหมายพื้นฐาน( ย้ำ!! เฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันนะคะ )
ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่คัดมาเฉพาะที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่นกู้ยืมเงิน ฉ้อโกง
คดีความผิดต่อเพศ คดีจราจร คดีบัตรเครดิต คดีคุ้มครองผู้บริโภค อันนี้ไม่ใช่ให้เรียนทั้งหมดในปีสองปีนะคะ แต่ค่อยๆทะยอยเรียนไปเรื่อยๆ
ค่อยๆซึมซับทีละน้อยๆ อย่างน้อยเวลาดูทีวี จะได้พอเข้าใจว่า เขาคุยเรื่องอะไรกัน พอเรียนในระดับสูงๆขึ้นไป ความรู้ทางกฎหมายก็จะเพิ่มขึ้นๆจนครบแทบจะทุกเรื่อง ในระดับที่พอเอาตัวรอดได้ ( แต่คงไม่ต้องคาดหวังให้รู้ลึก อย่างคนที่เขาเรียนนิติศาสตร์ โดยตรงหรอกค่ะ )
คือ จริงๆแล้วกฎหมายมีเยอะมาก แต่ให้เน้นเฉพาะเรื่องที่จะใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆก็พอ( หลัก80/20ไง ) เรียนหมดคงปวดหัวแย่ 555
เราว่าถ้าคนไทยรู้กฎหมายกันเยอะขึ้น การที่ใครจะมาหลอกกันง่ายเหมือนที่ผ่านมา คงจะยาก ตำรวจ/ขรก จะมากลั่นแกล้งก็ไม่ได้
เวลาฟังวิทยุดูทีวีเรื่องการเมืองก็จะพอเข้าใจ ไม่ถูกปั่นหัว เวลามีข่าวอาชญากรรม/ข่าวฉ้อโกง ก็จะได้ดูด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่ดูเอามันส์ตามกระแส
แถมยังเอาความรู้ไปแนะนำญาติพี่น้อง หรือคนในชุมนุมของตัวเองได้อีกด้วย
ถ้าคนไทย รู้เท่าทันกันเยอะๆก็ดีนะคะ ใครคิดจะหลอกลวงจะแกล้งใคร ก็คงต้องคิดหนักหน่อย เพราะทุกคนรู้เท่าทันใกล้เคียงกันหมด
ความเหลื่อมล้ำช่องว่างทางสังคมก็น่าจะลดลง เอาเปรียบแบบหน้าด้านๆยากขึ้น เพราะทุกคนตระหนักในสิทธิของตัวเองมากขึ้น
ที่เสนอความเห็นมา ก็เพราะความหวังดีกับพี่น้องคนไทยล้วนๆค่ะ ( โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ) ที่นับวันจะเจอปัญหามากขึ้นและถูกรังแกหนักขึ้น
แต่ไม่รู้นะคะ ว่านักการเมือง ท่านผู้มีอำนาจทั้งหลาย เขาอยากให้เด็กไทย อยากให้ประชาชนคนไทยฉลาดขึ้น รู้เท่าทันมากขึ้นหรือเปล่า ???
เห็นปัญหาภัยสังคม/การเอารัดเอาเปรียบ/ตำรวจ+ขรก.รังแกปชช ฯลฯ แล้วอยากให้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาทุกระดับ
แต่วิชาเอาตัวรอดจากภัยต่างๆในสังคมไทยกลับไม่มีให้เรียน
จึงอยากให้เพิ่มอีกสักวิชานึง เพื่อเป็นยันต์ป้องกันตัวเองจากภัยต่างๆของสังคมไทยที่นับวันจะมากขึ้นและเลือดเย็นยิ่งขึ้น
( อันนี้ไม่ใช่สอนให้เด็กมองประเทศตัวเองในแง่ร้ายนะคะ แค่ให้สามารถรับมือกับภัยสังคมบ้านเราให้ได้ค่ะ ) ไม่ว่าจะเป็น
ปัญหาโจรผู้ร้าย หลอกลวงฉ้อโกงรูปแบบต่างๆ การเอารัดเอาเปรียบกัน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ฯลฯ
ที่สำคัญอย่าไปหวังพึ่งพาคนอื่นเลยค่ะ (โดยเฉพาะตำรวจ) เพราะที่ผ่านมาๆในบางคดีตำรวจร่วมรู้เห็นเป็นใจด้วยซ้ำ
เราจึงควรพึ่งพาตัวเอง ศึกษาวิธีป้องกัน ไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ให้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว น่าจะเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ
ที่ดีกว่าปล่อยให้เรื่องบานปลายจนสายเกินแก้
เราอยากให้โรงเรียน หรือสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ เอากรณีที่เกิดขึ้นในข่าว มาเป็น case study ในการสอน เด็กๆน่าจะชอบและเรียนด้วยความสนุกเพราะ
เป็นข่าวที่เป็นกระแสในสังคม อาจารย์ก็ให้ความรู้ข้อเท็จจริงประกอบกับข้อกฎหมาย เด็กๆก็จะไม่คิดเองตามความรู้สึก และที่สำคัญ
จะได้รู้จักป้องกันตัวเอง ไม่ให้ใครมาล่อลวง ไม่ให้ใครมาหลอกลวง ไม่ตกเป็นเหยื่อ รู้เท่าทันปัญหา และค่อยๆสั่งสมวิธีการแก้ไขปัญหา
เราเชื่อมั่นว่า ถ้าคนไทยรู้เท่าทันเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ปัญหาต่างๆที่เคยมีมา ก็น่าจะลดน้อยลงค่ะ
วิชาที่เราแนะนำให้เพิ่มเติมในหลักสตรตั้งแต่ชั้นประถมเลยคือ วิชากฎหมายพื้นฐาน( ย้ำ!! เฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันนะคะ )
ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่คัดมาเฉพาะที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่นกู้ยืมเงิน ฉ้อโกง
คดีความผิดต่อเพศ คดีจราจร คดีบัตรเครดิต คดีคุ้มครองผู้บริโภค อันนี้ไม่ใช่ให้เรียนทั้งหมดในปีสองปีนะคะ แต่ค่อยๆทะยอยเรียนไปเรื่อยๆ
ค่อยๆซึมซับทีละน้อยๆ อย่างน้อยเวลาดูทีวี จะได้พอเข้าใจว่า เขาคุยเรื่องอะไรกัน พอเรียนในระดับสูงๆขึ้นไป ความรู้ทางกฎหมายก็จะเพิ่มขึ้นๆจนครบแทบจะทุกเรื่อง ในระดับที่พอเอาตัวรอดได้ ( แต่คงไม่ต้องคาดหวังให้รู้ลึก อย่างคนที่เขาเรียนนิติศาสตร์ โดยตรงหรอกค่ะ )
คือ จริงๆแล้วกฎหมายมีเยอะมาก แต่ให้เน้นเฉพาะเรื่องที่จะใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆก็พอ( หลัก80/20ไง ) เรียนหมดคงปวดหัวแย่ 555
เราว่าถ้าคนไทยรู้กฎหมายกันเยอะขึ้น การที่ใครจะมาหลอกกันง่ายเหมือนที่ผ่านมา คงจะยาก ตำรวจ/ขรก จะมากลั่นแกล้งก็ไม่ได้
เวลาฟังวิทยุดูทีวีเรื่องการเมืองก็จะพอเข้าใจ ไม่ถูกปั่นหัว เวลามีข่าวอาชญากรรม/ข่าวฉ้อโกง ก็จะได้ดูด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่ดูเอามันส์ตามกระแส
แถมยังเอาความรู้ไปแนะนำญาติพี่น้อง หรือคนในชุมนุมของตัวเองได้อีกด้วย
ถ้าคนไทย รู้เท่าทันกันเยอะๆก็ดีนะคะ ใครคิดจะหลอกลวงจะแกล้งใคร ก็คงต้องคิดหนักหน่อย เพราะทุกคนรู้เท่าทันใกล้เคียงกันหมด
ความเหลื่อมล้ำช่องว่างทางสังคมก็น่าจะลดลง เอาเปรียบแบบหน้าด้านๆยากขึ้น เพราะทุกคนตระหนักในสิทธิของตัวเองมากขึ้น
ที่เสนอความเห็นมา ก็เพราะความหวังดีกับพี่น้องคนไทยล้วนๆค่ะ ( โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ) ที่นับวันจะเจอปัญหามากขึ้นและถูกรังแกหนักขึ้น
แต่ไม่รู้นะคะ ว่านักการเมือง ท่านผู้มีอำนาจทั้งหลาย เขาอยากให้เด็กไทย อยากให้ประชาชนคนไทยฉลาดขึ้น รู้เท่าทันมากขึ้นหรือเปล่า ???