Transformers: The Last Knight >>>> [9/10]
Director: Michael Bay (Transformers1-4, Bad Boys1-2, Armageddon, Pearl Harbor)
สำหรับ TF ภาคนี้ ซึ่งเป็นภาค 5 ของผู้กำกับไมเคิล เบย์ ที่ได้ฉายาผู้กำกับที่ชอบระเบิดภูเขาเผากระท่อม ทำลายล้างเป็นว่าเล่น และความอลังการของหนัง และมักจะโดนนักวิจารณ์ด่าแทบทุกเรื่องไป ไม่แพ้ พจน์ อานนท์ บ้านเรา แต่หนังก็ยังทำเงินทั่วโลกได้มหาศาล แต่ทำไมผู้กำกับยังหน้าด้านทำต่อล่ะ ก็มันเป็นความพอใจส่วนตัวของผู้กำกับ หรือทำเพราะมันได้เงิน ผมไม่ขอตัดสินในเรื่องนี้ รู้แต่ว่า ทุกเรื่องที่เค้าทำมา สำหรับผมแล้วดูสนุก มีสไตล์และลายเซ็นต์เป็นของตัวเองชัดเจน ไม่ทำตามกระแสคนอื่นที่บอกว่าดีหรือห่วย ซึ่งผมนับถือเค้าตรงนี้
ซึ่งถ้าจะพูดถึง TF5 เรื่องล่าสุดของเค้า บอกเลยว่า ระหว่างที่ดูช่วงแรกๆ ผมรู้สึกเอือมมากๆ เบื่อมากๆ รู้สึกปลงกับการเอาหุ่นยนต์มาสู้กัน และความวุ่นวายก็เกิดบนโลกมนุษย์บลาๆๆ และความเว่อร์วังของตัวละครที่รอดชีวิตได้ตลอดเวลา หนังสร้างมาตั้งแต่ภาคแรกยันภาคนี้ก็ยังเว่อร์เหมือนเดิม ที่หนักขึ้นคือเนื้อเรื่องก็ออกทะเลเรื่อยๆ เหมือนพยายามแถไปได้อีก แต่เมื่อผมดูไปเกือบถึงครึ่งเรื่อง ผมก็เริ่มคิดว่า ก็เรื่องราวของพวกหุ่นยนต์นี่มันสร้างมาจากการ์ตูนนี่ เค้าสร้างมาให้เด็กดูและสนุกไปกับมัน เพียงแค่เพิ่มความอลังการ ความสมจริง ในแบบฉบับที่ผู้ใหญ่ดูแล้วต้องร้องโอ้โห! มันสมจริงสุดๆ มันก็เลยออกมาในรูปแบบนี้ รูปแบบที่ว่า เนื้อเรื่องโคตรจะการ์ตูน ไร้สาระ ผสานเข้ากับความสมจริงที่ไม่น่ามีความเป็นไปได้เลย มันเลยดูไม่เข้ากันอย่างแรง
บอกเลยครับ ถ้าดูหนังเรื่องนี้แบบซีเรียส โดยใช้บรรทัดฐานเหมือนหนังของ Nolan เหมือนพวก Inception, The Dark Knight ละก็...คงเกลียดหนังเรื่องนี้เข้าไส้น่าดู แต่ถ้าคุณดูแบบว่า มันคือเรื่องราวของการ์ตูนที่จับนั่นนู่นนี่มายำ จุดกำเนิดตำนานต่างๆ ที่ต่างออกไป รวมถึงภารกิจกู้โลกเหมือนการ์ตูนหลายๆเรื่อง จนกลายเป็นเรื่องราวแบบนี้ คุณจะสนุกและอินไปกับมัน เหมือนที่คุณเชื่อตอนที่คุณดูการ์ตูนนั่นเอง
การเล่าเรื่องของ TF5 และบทหนังในเรื่องมันเละเทะหรือเปล่า?
ตอบได้เลยว่า เละเทะ ครับ! แต่ก็ดูรู้เรื่องอยู่นะ หากคุณมองข้ามเรื่องความเละเทะนั้นไป ที่ตัวละครพล่ามกันอย่างไร้สาระ เหมือนที่ Bad Boys II ที่ตัวละครเคยพล่ามเยอะๆ มาแล้ว คุณก็จะดูสนุกมากๆ เช่นกัน และบอกได้เลยว่า TF5 เล่าเรื่องเร็วมากจริงๆ จนบางทีแทบตามไม่ทันก็มี และในบางฉากก็เล่าอะไรไร้สาระก็มี บางฉากไม่จำเป็นต้องเล่าก็มีเยอะ แต่ผมเชื่อว่า ผู้กำกับอยากโชว์ อยากขายหุ่นยนต์ตัวต่างๆ มากกว่า เพื่อให้ดูไม่น่าเบื่อ แต่แค่บางฉากที่ไม่จำเป็นนั้น มันไม่ได้ทำให้เรื่องไปต่อแค่นั้นเอง
เส้นเรื่องอาจจะเละเทะไปหน่อย แต่จุดขายมันอยู่ที่ความระทึก ความมันส์และความอลังการ และการต่อสู้ หนีตาย ทำภารกิจให้สำเร็จในเวลาที่จำกัดอย่างไม่หยุดยั้งมากกว่า นี่แหละคือความสนุก มันอยู่ตรงนี้! ถ้ามองว่าหนังต้องการสื่ออะไร บอกเลยว่า ความสนุกและความบ้าระห่ำ นั่นเอง
การจับตำนานต่างๆ อย่างอัศวินโต๊ะกลม หรือแม้แต่ตัวร้ายที่ละม้ายคล้าย เมดูซ่า เอามากๆ 555+ มาดัดแปลงเรื่องราวให้เป็นในรูปแบบของ TF5 นั่นก็อีกเรื่องนึงที่อยากให้มองว่า มันคือการ์ตูน อีกเช่นกัน มันคือจินตนาการของคนเขียนเรื่องที่จับมาใส่ใน TF5 แล้วทำให้มันเป็นไปได้ แต่มันอยู่ที่คุณไม่ยอมเชื่อมันแค่นั้นเอง
มุขตลกในภาคนี้ จะเห็นชัดมากๆ กับมุขตลกเหยียดเชื้อชาติ คนอังกฤษ และอเมริกัน มันอาจจะฟังดูแล้วเป็นมุขที่น่าเกลียด ไม่ควรนำมาเล่นก็จริงอยู่ แต่มันก็ตลกในแบบของคนห่ามๆ ไม่ใช่เหรอ?
ตลอด 2 ชั่วโมง 28 นาที ของ TF5 แทบไม่มีที่ให้พักหายใจ ถ้าคุณดูหนังแบบที่คุณตั้งใจจะมาดูการ์ตูนเรื่องนึง เพราะเนื้อเรื่องและเหตุผลที่ใส่มาในภาคนี้ คุณจะดูแล้วโคตรสนุก เพราะเนื้อเรื่องแน่นกว่าภาคที่แล้วมากจริงๆ รวมถึงฉากท้ายๆ ที่เล่นกับการจำกัดเวลา เหมือนที่เคยเล่นใน Armageddon ก็ลุ้นระทึกมากๆ และบอกเลยว่า ไอระเบิดภูเขา เผากระท่อม ตู้มตามเยอะๆ อย่างไร้เหตุผลเนี่ย ลายเซ็นต์ของผู้กำกับเค้าล่ะ คุณจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเคยดูหนังเก่าๆ ของผู้กำกับคนนี้จริงๆ
สรุป...Transformers: The Last Knight เป็นหนังที่โคตรสนุก โคตรมันส์ ในแบบฉบับจัดเต็มของ ไมเคิล เบย์ อีกเรื่องที่ดูแล้วจะไม่ผิดหวัง ถ้าคุณดูแบบการ์ตูน! ก็แค่นั้นเอง
แต่ถึงยังไง ภาคแรกก็ดีที่สุดอยู่ดี สำหรับภาคนี้ให้ 9/10 เพราะหนังมันขายความบันเทิงที่ได้ใจสุดๆ แถมทิ้งท้ายให้มีภาคต่ออีกด้วยนะ
***บทวิจารณ์นี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ***
ติดตาม Review หนังใหม่ๆ ได้ที่เพจหนังเป็นเรื่องนะครับ >>>
https://www.facebook.com/MovieTellerAMC/
Transformers: The Last Knight ไมเคิล เบย์ ระเบิดความมันส์แบบไม่หยุดยั้งจริงๆ
Transformers: The Last Knight >>>> [9/10]
Director: Michael Bay (Transformers1-4, Bad Boys1-2, Armageddon, Pearl Harbor)
สำหรับ TF ภาคนี้ ซึ่งเป็นภาค 5 ของผู้กำกับไมเคิล เบย์ ที่ได้ฉายาผู้กำกับที่ชอบระเบิดภูเขาเผากระท่อม ทำลายล้างเป็นว่าเล่น และความอลังการของหนัง และมักจะโดนนักวิจารณ์ด่าแทบทุกเรื่องไป ไม่แพ้ พจน์ อานนท์ บ้านเรา แต่หนังก็ยังทำเงินทั่วโลกได้มหาศาล แต่ทำไมผู้กำกับยังหน้าด้านทำต่อล่ะ ก็มันเป็นความพอใจส่วนตัวของผู้กำกับ หรือทำเพราะมันได้เงิน ผมไม่ขอตัดสินในเรื่องนี้ รู้แต่ว่า ทุกเรื่องที่เค้าทำมา สำหรับผมแล้วดูสนุก มีสไตล์และลายเซ็นต์เป็นของตัวเองชัดเจน ไม่ทำตามกระแสคนอื่นที่บอกว่าดีหรือห่วย ซึ่งผมนับถือเค้าตรงนี้
ซึ่งถ้าจะพูดถึง TF5 เรื่องล่าสุดของเค้า บอกเลยว่า ระหว่างที่ดูช่วงแรกๆ ผมรู้สึกเอือมมากๆ เบื่อมากๆ รู้สึกปลงกับการเอาหุ่นยนต์มาสู้กัน และความวุ่นวายก็เกิดบนโลกมนุษย์บลาๆๆ และความเว่อร์วังของตัวละครที่รอดชีวิตได้ตลอดเวลา หนังสร้างมาตั้งแต่ภาคแรกยันภาคนี้ก็ยังเว่อร์เหมือนเดิม ที่หนักขึ้นคือเนื้อเรื่องก็ออกทะเลเรื่อยๆ เหมือนพยายามแถไปได้อีก แต่เมื่อผมดูไปเกือบถึงครึ่งเรื่อง ผมก็เริ่มคิดว่า ก็เรื่องราวของพวกหุ่นยนต์นี่มันสร้างมาจากการ์ตูนนี่ เค้าสร้างมาให้เด็กดูและสนุกไปกับมัน เพียงแค่เพิ่มความอลังการ ความสมจริง ในแบบฉบับที่ผู้ใหญ่ดูแล้วต้องร้องโอ้โห! มันสมจริงสุดๆ มันก็เลยออกมาในรูปแบบนี้ รูปแบบที่ว่า เนื้อเรื่องโคตรจะการ์ตูน ไร้สาระ ผสานเข้ากับความสมจริงที่ไม่น่ามีความเป็นไปได้เลย มันเลยดูไม่เข้ากันอย่างแรง
บอกเลยครับ ถ้าดูหนังเรื่องนี้แบบซีเรียส โดยใช้บรรทัดฐานเหมือนหนังของ Nolan เหมือนพวก Inception, The Dark Knight ละก็...คงเกลียดหนังเรื่องนี้เข้าไส้น่าดู แต่ถ้าคุณดูแบบว่า มันคือเรื่องราวของการ์ตูนที่จับนั่นนู่นนี่มายำ จุดกำเนิดตำนานต่างๆ ที่ต่างออกไป รวมถึงภารกิจกู้โลกเหมือนการ์ตูนหลายๆเรื่อง จนกลายเป็นเรื่องราวแบบนี้ คุณจะสนุกและอินไปกับมัน เหมือนที่คุณเชื่อตอนที่คุณดูการ์ตูนนั่นเอง
การเล่าเรื่องของ TF5 และบทหนังในเรื่องมันเละเทะหรือเปล่า?
ตอบได้เลยว่า เละเทะ ครับ! แต่ก็ดูรู้เรื่องอยู่นะ หากคุณมองข้ามเรื่องความเละเทะนั้นไป ที่ตัวละครพล่ามกันอย่างไร้สาระ เหมือนที่ Bad Boys II ที่ตัวละครเคยพล่ามเยอะๆ มาแล้ว คุณก็จะดูสนุกมากๆ เช่นกัน และบอกได้เลยว่า TF5 เล่าเรื่องเร็วมากจริงๆ จนบางทีแทบตามไม่ทันก็มี และในบางฉากก็เล่าอะไรไร้สาระก็มี บางฉากไม่จำเป็นต้องเล่าก็มีเยอะ แต่ผมเชื่อว่า ผู้กำกับอยากโชว์ อยากขายหุ่นยนต์ตัวต่างๆ มากกว่า เพื่อให้ดูไม่น่าเบื่อ แต่แค่บางฉากที่ไม่จำเป็นนั้น มันไม่ได้ทำให้เรื่องไปต่อแค่นั้นเอง
เส้นเรื่องอาจจะเละเทะไปหน่อย แต่จุดขายมันอยู่ที่ความระทึก ความมันส์และความอลังการ และการต่อสู้ หนีตาย ทำภารกิจให้สำเร็จในเวลาที่จำกัดอย่างไม่หยุดยั้งมากกว่า นี่แหละคือความสนุก มันอยู่ตรงนี้! ถ้ามองว่าหนังต้องการสื่ออะไร บอกเลยว่า ความสนุกและความบ้าระห่ำ นั่นเอง
การจับตำนานต่างๆ อย่างอัศวินโต๊ะกลม หรือแม้แต่ตัวร้ายที่ละม้ายคล้าย เมดูซ่า เอามากๆ 555+ มาดัดแปลงเรื่องราวให้เป็นในรูปแบบของ TF5 นั่นก็อีกเรื่องนึงที่อยากให้มองว่า มันคือการ์ตูน อีกเช่นกัน มันคือจินตนาการของคนเขียนเรื่องที่จับมาใส่ใน TF5 แล้วทำให้มันเป็นไปได้ แต่มันอยู่ที่คุณไม่ยอมเชื่อมันแค่นั้นเอง
มุขตลกในภาคนี้ จะเห็นชัดมากๆ กับมุขตลกเหยียดเชื้อชาติ คนอังกฤษ และอเมริกัน มันอาจจะฟังดูแล้วเป็นมุขที่น่าเกลียด ไม่ควรนำมาเล่นก็จริงอยู่ แต่มันก็ตลกในแบบของคนห่ามๆ ไม่ใช่เหรอ?
ตลอด 2 ชั่วโมง 28 นาที ของ TF5 แทบไม่มีที่ให้พักหายใจ ถ้าคุณดูหนังแบบที่คุณตั้งใจจะมาดูการ์ตูนเรื่องนึง เพราะเนื้อเรื่องและเหตุผลที่ใส่มาในภาคนี้ คุณจะดูแล้วโคตรสนุก เพราะเนื้อเรื่องแน่นกว่าภาคที่แล้วมากจริงๆ รวมถึงฉากท้ายๆ ที่เล่นกับการจำกัดเวลา เหมือนที่เคยเล่นใน Armageddon ก็ลุ้นระทึกมากๆ และบอกเลยว่า ไอระเบิดภูเขา เผากระท่อม ตู้มตามเยอะๆ อย่างไร้เหตุผลเนี่ย ลายเซ็นต์ของผู้กำกับเค้าล่ะ คุณจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเคยดูหนังเก่าๆ ของผู้กำกับคนนี้จริงๆ
สรุป...Transformers: The Last Knight เป็นหนังที่โคตรสนุก โคตรมันส์ ในแบบฉบับจัดเต็มของ ไมเคิล เบย์ อีกเรื่องที่ดูแล้วจะไม่ผิดหวัง ถ้าคุณดูแบบการ์ตูน! ก็แค่นั้นเอง
แต่ถึงยังไง ภาคแรกก็ดีที่สุดอยู่ดี สำหรับภาคนี้ให้ 9/10 เพราะหนังมันขายความบันเทิงที่ได้ใจสุดๆ แถมทิ้งท้ายให้มีภาคต่ออีกด้วยนะ
***บทวิจารณ์นี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ***
ติดตาม Review หนังใหม่ๆ ได้ที่เพจหนังเป็นเรื่องนะครับ >>> https://www.facebook.com/MovieTellerAMC/