ก่อนอื่นขออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ได้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องดนตรีเลย เป็นคนธรรมดาทั่วไปที่ชอบฟังเพลงครับ ^_^ รีวิวนี้เป็นแบบสั้นๆที่มีจุดประสงค์ในการแบ่งปันข้อมูลเพื่อไว้เป็นตัวเลือกหนึ่งในการตัดสินใจครับ
สืบเนื่องจากผมซื้อเพลงใน Itunes ใน Iphone 7+ ของผมครับ ที่จริงฟังจากหูฟังก็เสียงเยี่ยมมากพอแล้ว แต่มันก็คงไม่สะดวกหากเราต้องทำโน่นทำนี่ เดินไปเดินมา (หูฟังจะสะดวกหากผมใช้ตอนเดินทาง) ก็เลยเป็นที่มาของการไปซื้อลำโพงบูลทูธครับ ผมมักไป ตปท บ่อยและไปคนเดียว การมีเพลงฟังในห้องของ รร ก็คงทำให้เพลิดเพลินไม่มากก็น้อย
เกริ่นมายาวแล้ว ขอเริ่มรีวิวฉบับย่อเลยนะครับ
เริ่มจากกล่องกันเลย แม้แต่มือนายแบบบนกล่องยังสักลาย แนวมากครับ ^_^
เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกระดาษแข็ง บอกปีชัดเจนให้รู้ว่า "ข้านี่ทำมานานแล้วนะ"
ในกล่องมีอุปกรณ์ดังนี้ ถุงดำหุ้มลำโพง คู่มือการใช้งานที่มีทุกภาษา ยกเว้นภาษาไทย สายชาร์ตไฟที่มีหัวปลั๊กมาให้แบบเดียวคือขากลม 2 ขา และ Adapter ไม่สามารถชาร์ตด้วย USB ได้นะครับ (เห็นว่าการใช้ Adapter ชาร์ตไฟจะเร็วกว่าการใช้ USB)
เมื่อถอดถุงดำออกแล้วก็จะพบกับตัวลำโพงครับ เมืองนอกทำมา 2 รุ่น คือรุ่นที่มี cover หุ้ม กับ รุ่นที่ไม่มี cover แต่ในเมืองไทยมีจำหน่ายรุ่นเดียวคือรุ่นที่มี cover หุ้มมาให้
ตัว cover คุณภาพดี ทำจากหนัง มีตราเหล็กสีทองพิมพิ์คำว่า Marshall แปะไว้ด้วย (ดูวินเทธดีครับ) ด้านหลังของ cover บุกำมะหยี่สีแดงเลือดนก ดูสวยงามและหรูหราทีเดียว
ตัว cover มีประโยชน์ตรงที่ช่วยป้องกันรอย และสามารถใช้เป็นฐานตั้งลำโพงได้ครับ และสามารถถอดออกได้ง่ายหากไม่ใช้งาน
การออกแบบยังคงเอกลักษณ์เอาไว้เหนียวแน่น ดูวินเทธ เห็นก็รู้ทันทีว่านี่คือ Marshall
ด้านบนลำโพงมีปุ่มควบคุมการทำงานครบครัน ทั้งปุ่ม input ปุ่ม Hand Free สำหรับรับโทรศัพท์ ด้านหลังไม่ได้ถ่ายรูปมา มีช่องเสียบ USB เอาไว้เป็น Power Bankให้มือถือเราก็ได้ครับ เป็นต้น แต่ที่ชอบคือปุ่ม 3 ปุ่ม คือ ปุ่มปรับเพิ่มเสียง ปุ่มปรับเสียง Bass และปุ่มปรับ Treble
เวลาเราฟังเพลงแนวต่างกัน เราก็สามารถปรับเสียงไปตามแนวเพลงนั้นได้ครับ ปุ่มทั้ง 3 ปุ่มนี้สามารถกดลงได้นะครับหากไม่ต้องการให้คนอื่นมาปรับเปลี่ยน
ข้อมูลเทคนิคคร่าวๆข้างกล่องมีดังนี้
Input Voltage : 14-17 VDC
Frequency Range : 50-20 000 Hz
Max Power Output : 27 W RMS
Battery Type : Li-Io 2200 mAh
Playing Time : Up to 25 H (Volume Setting NR 5)
USB Power Output : 5 VDC
Weight : 1.2 Kg
ผมเพิ่งซื้อมาเมื่อวานครับ มีโอกาสทดสอบฟังที่บ้านราว 4-5 ชั่วโมง ภาพรวมประทับใจมากครับกับคุณภาพงานประกอบ ดูแน่น ไม่ก๊องแก๊ง คุณภาพเสียงเยี่ยมนะผมว่า มันดีเลยเมื่อเทียบกับขนาดของมัน
ที่ผมชอบอีกอย่างคือ ตอนยืนฟังในร้าน ผมกับคนขายเห็นตรงกันว่า Marshall ให้เสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดได้ละเอียดกว่ายี่ห้ออื่นที่ฟังเปรียบเทียบ ตอนนั้นผมมีในใจ 3-4 ยี่ห้อ ก็ฟังเทียบกันระหว่าง Harman/Kardon รุ่น Onyx Mini, JBL รุ่น Pluse 2, JBL รุ่น Flip เป็นต้น
ลองมาจนหมดลิสต์ในใจ ชอบ JBL รุ่น Pluse 2 มากที่สุด แถมราคาเต็ม 8,990 บาท ทางร้านจัดโปรลด 30% อีก เหลือ 6,000 กว่าบาท คุณภาพเสียง ดีไซด์ ราคา ทั้งหมดนี้เย้ายวนมากครับ แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจเอา ยังลังเลนิดๆ
ตอนแรกจริงๆไม่ได้ตั้งใจเลยว่าจะดู Marshall พอดีตอนนั้นเห็นตัวโชว์ พนง บอกให้ลองฟังดู ไม่ซื้อไม่เป็นไร ไหนๆก็ไหนๆ ก็เลยฟัง Marshall อยากบอกว่าฟังไม่กี่วินาที ชอบเลยครับ เสียงเพราะถูกกับหูผมมาก เลยตัดสินใจเอาตัวที่ถูกใจครับ และไม่ผิดหวังเลย
Marshall รุ่น Stockwell เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงสบายๆ Easy listening เช่น Pop, Pop-Rock, R&B ประมาณนี้ครับ ฟังไป อ่าน นสพ ไป นั่งทำงาน จิบชา กาแฟ ในบรรยากาศชิวด์ๆ ครับ
แต่คงไม่ค่อยเหมาะกับเพลงแนว Heavy ตึ๊บๆ หนึบๆ หรือแนว Techno ตี๊ดๆ ครับ
ท้ายนี้ หวังว่าการรีวิวฉบับย่อนี้จะพอเป็นไอเดียให้ผู้ที่กำลังหาลำโพงบูลทูธสักเครื่อง เอาไว้พิจารณาเป็นตัวเลือกหนึ่งนะครับ
ที่สำคัญ ของพวกนี้ต้องไปฟังกับหูตัวเอง หูใคร หูมัน ครับ ชอบเสียงแบบไหน ก็เลือกตามที่เราชอบเลยครับ
ปล. Tag ห้องชายคาเพราะมีบ้าน มีเครื่องใช้ไฟฟ้า
Tag ห้องบูลพลาเนท เพราะให้นักท่องเที่ยวพกพาไปฟังเพลินๆได้
(CR) มินิรีวิว : ลำโพงบูลทูธแบบพกพา Marshall Stockwell
สืบเนื่องจากผมซื้อเพลงใน Itunes ใน Iphone 7+ ของผมครับ ที่จริงฟังจากหูฟังก็เสียงเยี่ยมมากพอแล้ว แต่มันก็คงไม่สะดวกหากเราต้องทำโน่นทำนี่ เดินไปเดินมา (หูฟังจะสะดวกหากผมใช้ตอนเดินทาง) ก็เลยเป็นที่มาของการไปซื้อลำโพงบูลทูธครับ ผมมักไป ตปท บ่อยและไปคนเดียว การมีเพลงฟังในห้องของ รร ก็คงทำให้เพลิดเพลินไม่มากก็น้อย
เกริ่นมายาวแล้ว ขอเริ่มรีวิวฉบับย่อเลยนะครับ
เริ่มจากกล่องกันเลย แม้แต่มือนายแบบบนกล่องยังสักลาย แนวมากครับ ^_^
เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกระดาษแข็ง บอกปีชัดเจนให้รู้ว่า "ข้านี่ทำมานานแล้วนะ"
ในกล่องมีอุปกรณ์ดังนี้ ถุงดำหุ้มลำโพง คู่มือการใช้งานที่มีทุกภาษา ยกเว้นภาษาไทย สายชาร์ตไฟที่มีหัวปลั๊กมาให้แบบเดียวคือขากลม 2 ขา และ Adapter ไม่สามารถชาร์ตด้วย USB ได้นะครับ (เห็นว่าการใช้ Adapter ชาร์ตไฟจะเร็วกว่าการใช้ USB)
เมื่อถอดถุงดำออกแล้วก็จะพบกับตัวลำโพงครับ เมืองนอกทำมา 2 รุ่น คือรุ่นที่มี cover หุ้ม กับ รุ่นที่ไม่มี cover แต่ในเมืองไทยมีจำหน่ายรุ่นเดียวคือรุ่นที่มี cover หุ้มมาให้
ตัว cover คุณภาพดี ทำจากหนัง มีตราเหล็กสีทองพิมพิ์คำว่า Marshall แปะไว้ด้วย (ดูวินเทธดีครับ) ด้านหลังของ cover บุกำมะหยี่สีแดงเลือดนก ดูสวยงามและหรูหราทีเดียว
ตัว cover มีประโยชน์ตรงที่ช่วยป้องกันรอย และสามารถใช้เป็นฐานตั้งลำโพงได้ครับ และสามารถถอดออกได้ง่ายหากไม่ใช้งาน
การออกแบบยังคงเอกลักษณ์เอาไว้เหนียวแน่น ดูวินเทธ เห็นก็รู้ทันทีว่านี่คือ Marshall
ด้านบนลำโพงมีปุ่มควบคุมการทำงานครบครัน ทั้งปุ่ม input ปุ่ม Hand Free สำหรับรับโทรศัพท์ ด้านหลังไม่ได้ถ่ายรูปมา มีช่องเสียบ USB เอาไว้เป็น Power Bankให้มือถือเราก็ได้ครับ เป็นต้น แต่ที่ชอบคือปุ่ม 3 ปุ่ม คือ ปุ่มปรับเพิ่มเสียง ปุ่มปรับเสียง Bass และปุ่มปรับ Treble
เวลาเราฟังเพลงแนวต่างกัน เราก็สามารถปรับเสียงไปตามแนวเพลงนั้นได้ครับ ปุ่มทั้ง 3 ปุ่มนี้สามารถกดลงได้นะครับหากไม่ต้องการให้คนอื่นมาปรับเปลี่ยน
ข้อมูลเทคนิคคร่าวๆข้างกล่องมีดังนี้
Input Voltage : 14-17 VDC
Frequency Range : 50-20 000 Hz
Max Power Output : 27 W RMS
Battery Type : Li-Io 2200 mAh
Playing Time : Up to 25 H (Volume Setting NR 5)
USB Power Output : 5 VDC
Weight : 1.2 Kg
ผมเพิ่งซื้อมาเมื่อวานครับ มีโอกาสทดสอบฟังที่บ้านราว 4-5 ชั่วโมง ภาพรวมประทับใจมากครับกับคุณภาพงานประกอบ ดูแน่น ไม่ก๊องแก๊ง คุณภาพเสียงเยี่ยมนะผมว่า มันดีเลยเมื่อเทียบกับขนาดของมัน
ที่ผมชอบอีกอย่างคือ ตอนยืนฟังในร้าน ผมกับคนขายเห็นตรงกันว่า Marshall ให้เสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดได้ละเอียดกว่ายี่ห้ออื่นที่ฟังเปรียบเทียบ ตอนนั้นผมมีในใจ 3-4 ยี่ห้อ ก็ฟังเทียบกันระหว่าง Harman/Kardon รุ่น Onyx Mini, JBL รุ่น Pluse 2, JBL รุ่น Flip เป็นต้น
ลองมาจนหมดลิสต์ในใจ ชอบ JBL รุ่น Pluse 2 มากที่สุด แถมราคาเต็ม 8,990 บาท ทางร้านจัดโปรลด 30% อีก เหลือ 6,000 กว่าบาท คุณภาพเสียง ดีไซด์ ราคา ทั้งหมดนี้เย้ายวนมากครับ แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจเอา ยังลังเลนิดๆ
ตอนแรกจริงๆไม่ได้ตั้งใจเลยว่าจะดู Marshall พอดีตอนนั้นเห็นตัวโชว์ พนง บอกให้ลองฟังดู ไม่ซื้อไม่เป็นไร ไหนๆก็ไหนๆ ก็เลยฟัง Marshall อยากบอกว่าฟังไม่กี่วินาที ชอบเลยครับ เสียงเพราะถูกกับหูผมมาก เลยตัดสินใจเอาตัวที่ถูกใจครับ และไม่ผิดหวังเลย
Marshall รุ่น Stockwell เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงสบายๆ Easy listening เช่น Pop, Pop-Rock, R&B ประมาณนี้ครับ ฟังไป อ่าน นสพ ไป นั่งทำงาน จิบชา กาแฟ ในบรรยากาศชิวด์ๆ ครับ
แต่คงไม่ค่อยเหมาะกับเพลงแนว Heavy ตึ๊บๆ หนึบๆ หรือแนว Techno ตี๊ดๆ ครับ
ท้ายนี้ หวังว่าการรีวิวฉบับย่อนี้จะพอเป็นไอเดียให้ผู้ที่กำลังหาลำโพงบูลทูธสักเครื่อง เอาไว้พิจารณาเป็นตัวเลือกหนึ่งนะครับ
ที่สำคัญ ของพวกนี้ต้องไปฟังกับหูตัวเอง หูใคร หูมัน ครับ ชอบเสียงแบบไหน ก็เลือกตามที่เราชอบเลยครับ
ปล. Tag ห้องชายคาเพราะมีบ้าน มีเครื่องใช้ไฟฟ้า
Tag ห้องบูลพลาเนท เพราะให้นักท่องเที่ยวพกพาไปฟังเพลินๆได้