ข้อคิดจากประสบการณ์การทำ Homeschool ครึ่งวัน (แบบไม่รู้ตัวมาก่อน) ให้กับสามใบเถา ค่า ;)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทุกคน ในเช้าวันนี้ จากฝั่งเยอรมนี เราขอแบ่งปันเพื่อนๆ ในหัวข้อ Homeschooling ในมุมมองของการเป็น "แม่" คนหนึ่งค่ะ

จริงแล้ว อยากจะบอกเพื่อนๆ ว่า เราไม่ได้ศึกษาแนวคิดการทำ Homeschool มาก่อนเลย เพียงแค่ได้ยินมาบ้าง แบบลอยๆ ตามหูและการอ่านบ้าง ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่า ไม่เคยสนใจในเรื่องนี้ แต่มันเกิดจากเหตุผลที่ว่า เราคงไม่ได้มีโอกาสทำตามแนวคิดเช่นนี้เป็นแน่ ทั้งนี้เพราะ ในเวลานั้น เรามีความจำเป็นที่จะต้องส่งลูกๆ ของเราไปเนิร์สเซอรี่ ตั้งแต่สามใบเถาอายุได้เพียงขวบปีแรกเท่านั้นค่ะ

เนื่องจากความจำเป็น ที่เราต้องการเวลาเพื่อเขียนงานวิจัยในระดับปริญญาเอกให้เสร็จ บวกกับรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากอยู่แล้ว กับระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลของสามใบเถา (ที่นี่เปิดตั้งแต่เนิร์สเซอรี่ และอนุบาล) ที่เน้นแนวทางเล่น เล่น เล่น เพื่อการเรียนรู้, การเดินป่า และการทำงานฝีมือ ประกอบกับการมีจำนวนนักเรียนที่ไม่มาก กับสัดส่วนที่พอดีของคุณครู โดยอยู่ที่ การที่โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้มี นักเรียนในระดับอนุบาลเพียง 2 กลุ่ม กลุ่มละ 15 คน ต่อคุณครู 3-4 คน ต่อกลุ่ม และนักเรียนในระดับเนิร์สเซอรี่จำนวน 10 คนเท่านั้น ต่อจำนวนคุณครู 3-4 คนเช่นกัน (เยี่ยมมากๆ ค่ะ)

อย่างไรก็ดี "ผลดี" ที่เกิดจากการ ที่โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้เลิกเร็ว คือ เพียงแค่บ่ายสองก็ปิดทำการแล้ว เป็นเหตุให้ เราซึ่งแม้จะอยากเขียนงานวิจัยให้มากที่สุด นานที่สุด ก็ต้องหยุดทำงานทันทีที่เวลา 13.45 นาฬิกา เพื่อไปรับลูกๆ กลับมาบ้าน และด้วยความกระตือรือร้น และอยากให้ลูกเติบโตแบบเรียนรู้ในโลกกว้างให้มากที่สุดในทุกๆ ด้านของชีวิต เราก็ได้ออกแบบโปรแกรม Homeschool แบบครึ่งวัน อย่างที่ไม่รู้ตัวมาก่อนว่า สิ่งนี้แหละคือ Homeschooling นะ!

โดยคอนเซ็ปต์การทำ Homeschool ของเรานั้น อยู่บนรากฐานของเป้าหมาย ที่อยากให้ลูกๆ เรียนรู้ในทักษะต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือ ดนตรี, คณิตศาสตร์, ศิลปะ , ทักษะด้านการเรียนรู้, ภาษา, และทัศนคติในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะเน้นทักษะด้านสังคมด้วยการพาเด็กๆ ไปเยี่ยมเพื่อนๆ หรือให้สามใบเถาเชิญเพื่อนๆ มาบ้านค่ะ

ในช่วงปี สองปีที่แล้ว เป็นปีที่เริ่มเห็นผลผลิตของการทำ Homeschool ตามหลักสูตรครึ่งวันของตัวเองผลิบาน กล่าวคือ พัฒนาการด้านดนตรี (ไวโอลิน และเปียโน, ที่มีรางวัลยอดเยี่ยมของการประกวดดนตรีระดับเยาวชนในภูมิภาค มาครอบครอง) ของอันนาและเลาร่า เรียกว่าก้าวกระโดดอย่างมาก รวมถึงทักษะด้านวิชาการ โดยเฉพาะการอ่านและด้านคณิตศาสตร์ของอันนา (6ขวบ) เรียกว่ามีความโดดเด่น นอกจากนี้ เลาร่า (5ขวบ) ยังฉายแววนักวาดภาพที่มีฝีมืออีกด้วย สำหรับโซเฟีย คงจะต้องดูกันต่อไป แต่เท่าที่เห็นพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก ความเป็นเหตุเป็นผล และจินตนาการของเธอก็อยู่ในระดับที่ดีมาก พิจารณาได้จากความสามารถในการพูด ร้องเพลง และการเล่น เช่น การต่อจิกซอว์ของเด็ก 4-5 ขวบ ได้อย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าเธอจะมีอายุได้เพียง 2 ขวบกว่าๆ เท่านั้น และที่สำคัญคือ เด็กๆ มีความสุขมาก


- ข้อคิด -
ที่เราได้รับจากการที่ตระหนักมากขึ้นว่า จริงๆ ที่ผ่านมา เราก็ทำ Homeschool อย่างมีแบบแผน เป้าหมาย และความมุ่งมั่น ซะด้วยนะ แม้จะเป็น Homeschool ครึ่งวันก็ตาม คือ

1. เราเห็นด้วยกับแนวทางของการทำ Homeschool และคิดว่าจะดำเนินการต่อไป อย่างมีแบบแผนมากขึ้น ทั้งนี้เพราะเห็นผลลัพท์ที่ดีของการใช้เวลาอย่างมีเป้าหมาย อย่างเต็มที่กับลูกๆ และเห็นประโยชน์มากจริงๆ จากการตั้งใจสอน และถ่ายทอดความรู้ ความสามารถที่มีทั้งหมดให้แก่ลูกๆ ต่อไป คือ "มีความสุข และดีต่อใจ" จริงๆ

2. พ่อแม่ที่คิดจะทำ Homeschool ควรมีเวลา และใช้เวลาอย่างเต็มที่กับลูก รวมถึงควรมีความตั้งใจ ชัดเจนหนักแน่น และเห็นพ้องต้องกันอย่างแท้จริง โดยจำเป็นที่จะต้องศึกษา ทำความเข้าใจถึง การศึกษาทางเลือกนี้ให้ดีเสียก่อน (ในกรณีที่ตัดสินใจทำ Homeschool แบบเต็มวัน และเป็นทางการ)

3. พ่อแม่ที่คิดจะทำ Homeschool ควรค้นหาความถนัดและความชอบของตัวเอง และเริ่มจากจุดนั้น ในการสอนและถ่ายทอดความรู้ความสามารถให้กับลูกๆ รวมถึงทำการศึกษาเพิ่ม ในเรื่องพื้นฐานที่ควรสอนเด็กๆ เช่น การอ่าน ภาษา คณิตศาสตร์

4. พ่อแม่ที่คิดจะทำ Homeschool ต้องสำรวจความพร้อมของตนเองด้วยว่ามีจิตใจมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ครูของลูก ให้เวลากับการเรียนรู้ของลูกอย่างเต็มที่ มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ร่วมไปกับลูก ใฝ่รู้ และตั้งใจที่จะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับวิธีการสอนตลอดเวลา

5. พ่อแม่ที่คิดจะทำ Homeschool ควรสะงเกต และค้นหาว่าอะไรคือ กิจกรรมที่ลูกๆ ชอบทำมากที่สุด และร่วมทำกิจกรรมนั้นๆ กับลูกๆ ค่ะ เช่น รองจากเรื่องดนตรี อันนานั้นก็ชอบทำงานฝีมือมากๆ ประดิษฐ์นู่น ประดิษฐ์นี่ เราก็จะมีงานฝีมือวันละอย่าง มานำเสนอ และสอนสามใบเถาในการทำค่ะ เป็นต้น

6. เนื่องจากพ่อและแม่ ของแต่ละครอบครัว อาจจะมีความรู้ความสามารถ ความถนัดในบางอย่าง ดังนั้น การรวมตัว เป็นเครือข่ายกันของกลุ่มผู้ทำ Homeschool ในท้องที่เดียวกัน จึงนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ที่ไม่ใช่เฉพาะเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้ต่อกันและกันเท่านั้น แต่ยังจะช่วยให้เด็กๆ สามารถรู้จัก เล่น และทำกิจกรรมร่วมกันได้อีกด้วยค่ะ

7. พ่อแม่ที่คิดจะทำ Homeschool ต้องเป็นนักจัดการที่ดี ทั้งการวางแผนการเรียนรู้ของลูก การจัดสภาพสิ่งแวดล้อมของบ้าน ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ รวมถึง การจัดโอกาสให้ลูกได้มีปฏิสัมพันธ์ กับเด็กด้วยกันเพื่อมีทักษะทางสังคม การค้นคว้าหาแหล่งเรียนรู้ทั้งสถานที่และตัวบุคคล การติดต่อประสานงานกับกลุ่มโฮมสคูล กลุ่มสนับสนุน โรงเรียนที่ลูกจะขึ้นทะเบียนเพื่อการเทียบโอนกับระบบโรงเรียน

8. พ่อแม่ที่คิดจะทำ Homeschool ต้องรักษาวินัยทั้งกับตนเองและลูก จริงจังในการเรียน มิฉะนั้นการเรียนรู้ก็อาจจะล้มเหลวได้

9. พ่อแม่ที่คิดจะทำ Homeschool ต้องเข้าใจพัฒนาการตามวัยของลูก เพื่อจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องตามช่วงวัย เช่น ในวัยแรกเกิดถึงวัยอนุบาลเป็น ช่วงเวลาของการสร้างเสริมพัฒนาการทุก ๆ ด้าน เพื่อเป็นรากฐานที่ถูกต้องมั่นคงของชีวิต ในระดับประถมศึกษาเป็นเวลาแห่งการเรียนรู้พื้นฐาน ทุกวิชาและพัฒนาจริยธรรม พอถึงช่วงมัธยมศึกษาก็เป็นช่วงเวลาแห่งการสำรวจ ค้นหาความสนใจ และความถนัด เป็นต้น

10. พ่อแม่ที่คิดจะทำ Homeschool ต้องพร้อมจะให้เวลาคุณภาพกับลูก ในการอบรมบ่มนิสัยลูก สอดแทรกผ่านกิจกรรมการเรียนรู้หรือการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น งานบ้านอย่างการล้างจาน ก็ช่วยฝึกเด็กให้รู้จักหน้าที่ รู้รับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อส่วนรวมคือคนในบ้านนั่นเอง เด็กจำเป็นต้องได้พัฒนาตัวเองในทุกแง่มุมไม่ใช่แค่เรื่องวิชาการ แต่รวมถึงเรื่องของทักษะชีวิต จริยธรรม ต้องฝึกลูกให้มีความมั่นคงทางความคิด ทางอารมณ์ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พร้อมปรับตัวเข้าสังคมได้ เป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องใช้ไปตลอดชีวิตได้ด้วยค่ะ
-------------------------

เห็นอย่างนี้แล้ว แทนที่จะ "พวกเราในฐานะพ่อและแม่" ที่คิดจะทำ Homeschool ทั้งในแบบทางการ หรือครึ่งวัน คิดว่า มันเป็นงานที่หนักมากจริงๆ และอาจจะรู้สึกกลัว หรือท้อซะแล้ว แต่พวกเราในฐานะพ่อแม่ควรจะคิดว่า นี่คือ "ความท้าทายเชิงบวก" ที่ควรจะกลายเป็นแรงดลบันดาลใจ ให้คนเป็นพ่อและแม่อย่างเราๆ ได้ฝึกฝน และพัฒนาตัวเอง ร่วมกันไปกับลูกๆ และเพื่อลูกๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นคนในรุ่นต่อไปอย่างมีคุณภาพนะคะ

อย่าลืมว่า "เรา ควรดำเนินชีวิตอยู่ เพื่อส่งต่อให้คนในรุ่นต่อไป ในสิ่งที่ดีที่สุด และอย่างดีที่สุดค่ะ"

หวังว่า บทความและประสบการณ์ มุมมอง แง่คิดของเรา ในเรื่อง Homeschool จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นักอ่านทุกคน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


Have a nice day นะคะ   ยิ้ม
#โฮมสคูล #บ้านเรียนรู้ #homeschool #homeschooling
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่