นอกจากย่านฮงแด ดินแดนโอ้ปป้าหล่อแล้วฮงแดถือเป็นย่านที่วัยรุ่นและศิลปะ ที่ผสมกันอย่างลงตัว
ย่านฮงแด ชื่อมาจาก "Hongik University" มหาลัยฮงอิก ชื่อภาษาเกาหลีคือ "홍익 대학교" อ่านได้ว่า "ฮงอิก แทฮักกโย" (เมื่อพูดรวบกันเร็วๆจะออกเสียงเป็น โฮงิกเดฮักกโย) หรือที่คนเกาหลีย่อสั้นๆ จากพยางค์หน้าของสองคำ เหลือแค่ "ฮงแด" (อารมณ์แบบเรียก ม. บู , มข ในบ้านเรานั่นแหล่ะ)
ตามที่เกริ่นย่านนี้มีวัยรุ่นเยอะ เนื่องจากใกล้มหาลัย จึงเป็นแหล่งช็อปปิ้งราคาย่อมเยาว์ ตลาดFree Market อีกทั้งมีร้านหมูย่าง ร้านไก่ทอด ร้านของหวาน ร้านเบียร์ คลับ และเป็นพื้นที่เปิดการแสดงเปิดหมวกต่างๆ อีกสิ่งหนึ่งที่หลายๆคนมักไม่ค่อยทราบคือ ฮงแดขึ้นชื่อเรื่องศิลปะ ดังนั้นรอบๆบริเวณนี้จะพบกับร้านขายเครื่องเขียนอุปกรณ์วาดภาพ สถาบันสอนศิลปะเต็มไปหมด และภาพศิลปะตามกำแพงและผนัง
และอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจที่ซ่อนอยู่ที่นี่ก็คือ Trick Eye Museum หรือ พิพิธภัณฑ์ภาพศิลปะสามมิติ Trick Eye
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพศิลปะสามมิติรุ่นแรกและต้นแบบของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสามมิติTrick Eye สาขาอื่นๆในต่างประเทศ ท่านอาจารย์ศิลปะที่เป็นผู้วาดภาพของที่นี่ก็มาจากม.ฮงอิก และยังเดินทางวาดภาพสามมิติในสาขาอื่นๆตามลำดับ
นอกจากนั้นคนดังทั้งจากไทยและเกาหลี เช่น ซีวอน SJ, ไมค์ พิรัชต์ , ออม สุชาร์, หนูนา หนึ่งธิดา, ขบวนนักแสดงจากซีรี่ยฺไดอารี่ตุ๊ดซี่ ฯลฯ ก็มาเยี่ยมชมที่ Trick Eye แล้วเช่นกัน
ที่ตั้งของTrick Eye Museum ค่อนข้างที่จะลึกลับพอๆกับกระทรวงเวทมนตร์ก็ไม่ปาน เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ใต้ดินนั่นเองแต่ไม่ต้องกับถึง มีรหัสลับ 62442 อะไรขนาดนั้นหรอกนะ เพียงตามหาผู้หญิงที่ลอยอยู่บนฟ้า นั่นแหล่ะทางเข้าTrick Eye ก็อยู่ตรงนั้นเลย
ด้านหน้ามีรถม้าแนวคณะละครสัตว์รออยู่
Trick Eye Museumเปิดมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว ซึ่งนอกจากนี้มีสาขาในประเทศ ที่พูซานและเกาะเจจู สาขาต่างประเทศที่สิงคโปร์ ฮ่องกง และจี่หนานของจีน
เมื่อเดินลงมาจะพบป้ายบอกส่วนประกอบภายในพิพิธภัณฑ์
Trick Eyeสาขาแรกนี้ จะแบ่งเป็นอีก 3 พิพิธภัณฑ์ย่อยด้านในคือใต้ดินชั้นที่1 คือ Love Museum เป็นพิพิธภัณฑ์แรกและที่เดียวในโซลที่นำเสนอเรื่องราวของความรักและเพศในรูปแบบศิลปะ เข้าได้เฉพาะผู้ที่อายุ18 ปีขึ้นไปเท่านั้น
แต่เป้าหมายเราคือ Trick Eye ต่างหาก>< ลงมายังใต้ดินชั้น2 ก็จะมีป้ายบอกว่าTrick Eye Museum ปรับโฉมเป็น AR Museum ใครที่เคยมาTrick Eye ก่อนปี2017 อาจจะต้องกลับมาอีกครั้งลองลุกเล่นแบบใหม่เพราะตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ.2017 ที่ผ่านมาTrick Eye Museum ได้อัพเกรดพิพิธภัณฑ์เป็นรูปแบบAR Museum และปรับเปลี่ยนภาพศิลปะภายในใหม่
เมื่อลงมายังใต้ดินชั้นที่2 ก็จะเจอกับทางเข้าต้อนรับเข้าสู่มิวเซียมแบบนี้เลย
มีมุมวาดการ์ตูนเหมือนด้วย ใครอยากเห็นตัวเองในรูปของตัวการ์ตูนแบบไม่ซ้ำใครก็นั่งเป็นแบบให้พี่นักวาดได้เลย
เมื่อเดินตรงเข้ามาก็จะเห็นเคาเตอร์จำหน่ายตั๋ว
ตอนที่เราซื้อบัตร พนักงานจะอธิบายวิธีการเช้าชมพิพิธภัณฑ์แบบ AR พร้อมกับให้โหลดแอปพลิเคชั่น Trick Eye โดยเมื่อถ่ายรูปและวิดีโอด้วยแอปนี้แล้วจะเห็นภาพศิลปะเป็นแบบAR เคลื่อนไหวสมจริง
การทดลองถ่ายด้วยโหมดAR กับภาพผลงานของTrick Eye
เมื่อดาวโหลดแอปมาแล้ว บัตรพร้อมก็ลุยกันเลย โดยมีนายแบบโอ้ปป้าและนางแบบออนนี่มาโพสท่าทางให้ดูกัน ตั้งแต่ทางเข้าด้านในเป็นฉากภูเขาไฟเมื่อถ่ายโดยแอป Trick Eye ภูเขาไฟก็จะประทุควันออกมา
โอ้ปป้า! มังกรพ่นไฟแล้ว ทำไมยังยิ้มแฉ่งอยู่ล่ะ ><
ใต้ทะเลพร้อมกับคุณเต่าใจดีที่ว่ายเข้ามาในเฟลมเดียวกับออนนี่สุดสวย
มีความกรี๊ดร้องหลบงูยักษ์ ลีล่าการแสดงเริ่มมาหลังจากที่โดนติว่ามังกรพ่นไฟทำไมยังยิ้ม 555
ถ่ายไปเรื่อยๆ ลีล่าแอ็คชั่นออกมาเองตามธรรมชาติ รอบนี้หลบฉลาม รู้มุม รู้คิว
ภาพนี้หมีแพนด้าปีนไผ่ไวมากกกก เห็นง่ายๆแต่เป็นภาพที่ใช้พลังมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เห็นหมีๆแบบนี้ไม่หมีเลย
จริงๆ
ยังมีผลงานอีก 100 กว่าภาพ รอให้โพสท่าอยู่ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ไปกันต่อ
ทางออกที่นี่เป็นแบบทางออกแบบวงกต ต้องใช้ประสาทสัมผัสในการคลำทางออกอยู่พอควรท่านไหนที่มาพร้อมรถเข็นเด็กหรือผู้สูงอายุก็สามารถย้อนกลับไปออกที่ประตูทางเข้าได้
ต่อมาก็คือ Ice Museum ที่ด้านในมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ – 5ตลอดทั้งปี ภายในมีน้ำแข็งแกะสลัก จะลองใช้ชีวิตในบ้านจำลอง หรือนั่งรถม้าสวยๆ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยคือ กระดานลื่นน้ำแข็งที่ยาวถึง 10 เมตร รอให้ทุกคนได้มาเล่นสนุกแบบแนวเอสกิโมด้วยน้า บ้านน้ำแข็งแบบชาวเอสกิโม แถมมีเพลิงไฟเพิ่มความอบอุ่น (ตรงไหนเนี่ย)
อีกโซนนึงที่เพิ่งเปิดใหม่ก็คือ Trick Adventure
รวมเครื่องเล่นแบบเร้าใจในรูปแบบ VR จำลองภาพราวกับเราหลุดเข้าไปอยู่สถานการณ์จริง
ซึ่งแต่ละเครื่องเล่นก็มีธีมที่แตกต่างกัน เช่น ล่องแก่ง สวนสนุกบ้านเขย่าขวัญ ยิงซอมบี้ รถแข่งแบบหมุน 360
ตำแหน่งของ Trick Eye Museum และวิธีเดินทางมา
นั่งรถไฟใต้ดินสาย2 สีเขียว ลงมาที่ Hongik Univ. Station ทางออกที่9แล้วก็เดินเท้ามาตามเส้นสีแดง ถ้านำรถส่วนตัวมาก็ขับตามเส้นเหลืองมาเลย
เปิดทำการทุกวันเวลา 9.00-21.00 น.
เพื่อนๆใครจะไปเกาหลีก็ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บทางการ
http://trickeye.com/seoul/en
Blog ภาษาไทย Trick Eye
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=trickeyemuseum
[SR] (SR) Trick Eye Museum มิวเซียมใต้ดินใจกลางย่านฮงแด เกาหลีใต้ นอกจากโอ้ปป้าหล่อ ช็อปสนุก งานArt ก็เก๋ :)
นอกจากย่านฮงแด ดินแดนโอ้ปป้าหล่อแล้วฮงแดถือเป็นย่านที่วัยรุ่นและศิลปะ ที่ผสมกันอย่างลงตัว
ย่านฮงแด ชื่อมาจาก "Hongik University" มหาลัยฮงอิก ชื่อภาษาเกาหลีคือ "홍익 대학교" อ่านได้ว่า "ฮงอิก แทฮักกโย" (เมื่อพูดรวบกันเร็วๆจะออกเสียงเป็น โฮงิกเดฮักกโย) หรือที่คนเกาหลีย่อสั้นๆ จากพยางค์หน้าของสองคำ เหลือแค่ "ฮงแด" (อารมณ์แบบเรียก ม. บู , มข ในบ้านเรานั่นแหล่ะ)
ตามที่เกริ่นย่านนี้มีวัยรุ่นเยอะ เนื่องจากใกล้มหาลัย จึงเป็นแหล่งช็อปปิ้งราคาย่อมเยาว์ ตลาดFree Market อีกทั้งมีร้านหมูย่าง ร้านไก่ทอด ร้านของหวาน ร้านเบียร์ คลับ และเป็นพื้นที่เปิดการแสดงเปิดหมวกต่างๆ อีกสิ่งหนึ่งที่หลายๆคนมักไม่ค่อยทราบคือ ฮงแดขึ้นชื่อเรื่องศิลปะ ดังนั้นรอบๆบริเวณนี้จะพบกับร้านขายเครื่องเขียนอุปกรณ์วาดภาพ สถาบันสอนศิลปะเต็มไปหมด และภาพศิลปะตามกำแพงและผนัง
และอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจที่ซ่อนอยู่ที่นี่ก็คือ Trick Eye Museum หรือ พิพิธภัณฑ์ภาพศิลปะสามมิติ Trick Eye
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพศิลปะสามมิติรุ่นแรกและต้นแบบของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสามมิติTrick Eye สาขาอื่นๆในต่างประเทศ ท่านอาจารย์ศิลปะที่เป็นผู้วาดภาพของที่นี่ก็มาจากม.ฮงอิก และยังเดินทางวาดภาพสามมิติในสาขาอื่นๆตามลำดับ
นอกจากนั้นคนดังทั้งจากไทยและเกาหลี เช่น ซีวอน SJ, ไมค์ พิรัชต์ , ออม สุชาร์, หนูนา หนึ่งธิดา, ขบวนนักแสดงจากซีรี่ยฺไดอารี่ตุ๊ดซี่ ฯลฯ ก็มาเยี่ยมชมที่ Trick Eye แล้วเช่นกัน
ที่ตั้งของTrick Eye Museum ค่อนข้างที่จะลึกลับพอๆกับกระทรวงเวทมนตร์ก็ไม่ปาน เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ใต้ดินนั่นเองแต่ไม่ต้องกับถึง มีรหัสลับ 62442 อะไรขนาดนั้นหรอกนะ เพียงตามหาผู้หญิงที่ลอยอยู่บนฟ้า นั่นแหล่ะทางเข้าTrick Eye ก็อยู่ตรงนั้นเลย
ด้านหน้ามีรถม้าแนวคณะละครสัตว์รออยู่
Trick Eye Museumเปิดมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว ซึ่งนอกจากนี้มีสาขาในประเทศ ที่พูซานและเกาะเจจู สาขาต่างประเทศที่สิงคโปร์ ฮ่องกง และจี่หนานของจีน
เมื่อเดินลงมาจะพบป้ายบอกส่วนประกอบภายในพิพิธภัณฑ์
Trick Eyeสาขาแรกนี้ จะแบ่งเป็นอีก 3 พิพิธภัณฑ์ย่อยด้านในคือใต้ดินชั้นที่1 คือ Love Museum เป็นพิพิธภัณฑ์แรกและที่เดียวในโซลที่นำเสนอเรื่องราวของความรักและเพศในรูปแบบศิลปะ เข้าได้เฉพาะผู้ที่อายุ18 ปีขึ้นไปเท่านั้น
แต่เป้าหมายเราคือ Trick Eye ต่างหาก>< ลงมายังใต้ดินชั้น2 ก็จะมีป้ายบอกว่าTrick Eye Museum ปรับโฉมเป็น AR Museum ใครที่เคยมาTrick Eye ก่อนปี2017 อาจจะต้องกลับมาอีกครั้งลองลุกเล่นแบบใหม่เพราะตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ.2017 ที่ผ่านมาTrick Eye Museum ได้อัพเกรดพิพิธภัณฑ์เป็นรูปแบบAR Museum และปรับเปลี่ยนภาพศิลปะภายในใหม่
เมื่อลงมายังใต้ดินชั้นที่2 ก็จะเจอกับทางเข้าต้อนรับเข้าสู่มิวเซียมแบบนี้เลย
มีมุมวาดการ์ตูนเหมือนด้วย ใครอยากเห็นตัวเองในรูปของตัวการ์ตูนแบบไม่ซ้ำใครก็นั่งเป็นแบบให้พี่นักวาดได้เลย
เมื่อเดินตรงเข้ามาก็จะเห็นเคาเตอร์จำหน่ายตั๋ว
ตอนที่เราซื้อบัตร พนักงานจะอธิบายวิธีการเช้าชมพิพิธภัณฑ์แบบ AR พร้อมกับให้โหลดแอปพลิเคชั่น Trick Eye โดยเมื่อถ่ายรูปและวิดีโอด้วยแอปนี้แล้วจะเห็นภาพศิลปะเป็นแบบAR เคลื่อนไหวสมจริง
การทดลองถ่ายด้วยโหมดAR กับภาพผลงานของTrick Eye
เมื่อดาวโหลดแอปมาแล้ว บัตรพร้อมก็ลุยกันเลย โดยมีนายแบบโอ้ปป้าและนางแบบออนนี่มาโพสท่าทางให้ดูกัน ตั้งแต่ทางเข้าด้านในเป็นฉากภูเขาไฟเมื่อถ่ายโดยแอป Trick Eye ภูเขาไฟก็จะประทุควันออกมา
โอ้ปป้า! มังกรพ่นไฟแล้ว ทำไมยังยิ้มแฉ่งอยู่ล่ะ ><
ใต้ทะเลพร้อมกับคุณเต่าใจดีที่ว่ายเข้ามาในเฟลมเดียวกับออนนี่สุดสวย
มีความกรี๊ดร้องหลบงูยักษ์ ลีล่าการแสดงเริ่มมาหลังจากที่โดนติว่ามังกรพ่นไฟทำไมยังยิ้ม 555
ถ่ายไปเรื่อยๆ ลีล่าแอ็คชั่นออกมาเองตามธรรมชาติ รอบนี้หลบฉลาม รู้มุม รู้คิว
ภาพนี้หมีแพนด้าปีนไผ่ไวมากกกก เห็นง่ายๆแต่เป็นภาพที่ใช้พลังมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เห็นหมีๆแบบนี้ไม่หมีเลย
จริงๆ
ยังมีผลงานอีก 100 กว่าภาพ รอให้โพสท่าอยู่ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ไปกันต่อ
ทางออกที่นี่เป็นแบบทางออกแบบวงกต ต้องใช้ประสาทสัมผัสในการคลำทางออกอยู่พอควรท่านไหนที่มาพร้อมรถเข็นเด็กหรือผู้สูงอายุก็สามารถย้อนกลับไปออกที่ประตูทางเข้าได้
ต่อมาก็คือ Ice Museum ที่ด้านในมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ – 5ตลอดทั้งปี ภายในมีน้ำแข็งแกะสลัก จะลองใช้ชีวิตในบ้านจำลอง หรือนั่งรถม้าสวยๆ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยคือ กระดานลื่นน้ำแข็งที่ยาวถึง 10 เมตร รอให้ทุกคนได้มาเล่นสนุกแบบแนวเอสกิโมด้วยน้า บ้านน้ำแข็งแบบชาวเอสกิโม แถมมีเพลิงไฟเพิ่มความอบอุ่น (ตรงไหนเนี่ย)
อีกโซนนึงที่เพิ่งเปิดใหม่ก็คือ Trick Adventure
รวมเครื่องเล่นแบบเร้าใจในรูปแบบ VR จำลองภาพราวกับเราหลุดเข้าไปอยู่สถานการณ์จริง
ซึ่งแต่ละเครื่องเล่นก็มีธีมที่แตกต่างกัน เช่น ล่องแก่ง สวนสนุกบ้านเขย่าขวัญ ยิงซอมบี้ รถแข่งแบบหมุน 360
ตำแหน่งของ Trick Eye Museum และวิธีเดินทางมา
นั่งรถไฟใต้ดินสาย2 สีเขียว ลงมาที่ Hongik Univ. Station ทางออกที่9แล้วก็เดินเท้ามาตามเส้นสีแดง ถ้านำรถส่วนตัวมาก็ขับตามเส้นเหลืองมาเลย
เปิดทำการทุกวันเวลา 9.00-21.00 น.
เพื่อนๆใครจะไปเกาหลีก็ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บทางการ http://trickeye.com/seoul/en
Blog ภาษาไทย Trick Eye http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=trickeyemuseum
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น