เริ่มด้วยคำถาม ทำไมต้องเป็นโดรน?

   ผมเป็นคนที่เดินทางเที่ยวค่อนข้างบ่อย ทั้งไปแบบแบ็คแพ็คเดินลุยในต่างประเทศ และขับรถไปแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวในประเทศตามแบบฉบับมนุษย์เงินเดือนที่มีวันเสาร์-อาทิตย์เป็นสวรรค์วันพักผ่อน และสิ่งที่จำเป็นสำหรับไลฟ์สไตล์แบบนี้ก็คือ “กล้อง” ดีๆสักตัวสำหรับบันทึกความประทับใจระหว่างทริป
ก่อนนี้ผมกัดฟันซื้อ Full Frame DSLR อยู่หนึ่งตัว แต่เมื่อผ่านไปหลายๆทริป พบว่ามันไม่ค่อยตอบโจทย์ เพราะหลายทริปที่ไม่ได้หยิบออกมาจากกระเป๋ากล้องเลย ใช้เจ้า Gopro และกล้องมือถือเป็นส่วนใหญ่ เลยตัดสินใจขายไปซื้อโดรนดีกว่า เพราะอยากลองถ่ายภาพแบบใหม่ๆบ้าง และเจ้า Mavic มันเปิดตัวพอดี เลยโดนวิดีโอเปิดตัวป้ายยาไปเรียบร้อย

  จัดการจองไปกับร้าน http://www.toon-ocean.com/ รอของประมาณ​ 2 เดือน คุณตูนก็โทรมาแจ้งว่าของเข้าแล้ว ดีใจมาก จะได้เสียตังค์จริงๆแล้วหรือนี่ จัดการคอนเฟิร์มและให้ทางร้านแกะเช็คระบบ บ่ายวันนั้นแมสเซ็นเจอร์จากร้านก็วิ่งเข้ามาส่งทันที!

**** เรียนแจ้งว่ารีวิวนี้เป็นสินค้าที่ผมซื้อมาใช้เอง แต่มีบางส่วนที่ใจอยากจะแนะนำร้านที่ซื้อด้วยร้านเลยขอใส่เป็น SR น่าจะถูกต้องกว่าครับ



  ความประทับใจแรกคือ มันเล็กมาก เล็กตั้งแต่กล่องเลย ถึงจะเคยดูหรืออ่านรีวิวเปิดตัวมาแล้วแต่เจอกล่องจริงก็ยังตกใจอยู่ คือลบภาพของ Phantom 4 ที่ต้องซื้อเป้กระดองแยกมาสะพายไปไหนมาไหนได้เลย แต่ ณ วันนี้อาจจะว้าวน้อยลงแล้วเพราะมีเจ้า DJI SPARK ตัวจิ๋วออกมาตีตลาดสาย Selfie
โชคดีที่วันถัดมาได้ไปเที่ยวหัวหินกับบริษัทพอดีเลย(เห่อมาก)



  ช่วงแรกจะขอพูดเรื่องความสะดวกในการพกพาก่อน คือว่า เจ้า DJI MAVIC ตัวนี้เนี่ย เป็นโดรนที่ตอบโจทย์นักเดินทางท่องเที่ยวมากๆ คือ
- มันเล็กและพกง่ายมาก ตัวลำสามารถพับและถือมือเดียวได้สบายๆ น้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 700 กรัม ส่วนตัวรีโมทนี่คือไฮไลท์เลยจริงๆ มีการออกแบบให้พับและเสียบมือถือเข้าไปภายหลังเพื่อใช้เป็นจอดูภาพได้ เล็กจนไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือรีโมทที่มีระยะทำการสูงสุดถึง 5 กิโลเมตร!!
- เนื่องด้วยมันเล็ก การพกเข้าไปในสถานที่ต่างๆก็จะง่ายดาย ไม่เป็นที่สะดุดตาให้ จนท. เขม่น เนื่องจากเดี๋ยวนี้พี่ยามทุกท่านจะโดนเทรนมาว่าไอ้กระเป๋าเป้กระดองใหญ่ๆที่มีคำว่า DJI นั่นน่ะมันคือโดรน ถ้าลูกค้าสะพายมาและเริ่มเซ็ตต้องรายงานหัวหน้าหน่อย แต่เจ้า MAVIC ตัวนี้ขนาดพกพามันแค่กระเป่ากล้อง Mirrorless เท่านั้น! แต่ผมก็เดินไปถามพี่ยามก่อนนะว่าตรงนี้บินได้มั๊ย
- ความเร็วในการเริ่มบิน แม้ว่าจะยังโยนขึ้นฟ้าแล้วกางเองบินเองเหมือนในเกมส์ไม่ได้ แต่ MAVIC นี่ก็ทำได้ดีมาก ผมใช้เวลาครึ่งนาทีเท่านั้นในการ Take Off



จบเรื่องความคล่องตัวไป
มาพูดถึงอีกเรื่องที่ประทับใจสุดๆ คือ มันบินง่ายมาก ง่ายจริงๆ เรียกได้ว่าระบบการบินและระบบ Sensors ต่างๆ ของ DJI ทำมาดีและใช้งานได้จริงๆ เราไม่จำเป็นต้องฝึกบินใน Simulator มาก่อนก็สามารถบินได้ง่ายๆเลย
- ระบบ TakeOff/Landing ที่ง่ายและปลอดภัยสุดๆ เราสามารถกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวเพื่อทำการ Auto TakeOff ได้เลย โดยที่เครื่องจะเด้งขึ้นมาลอยนิ่งๆเหนือพื้นประมาณ 120cm (นิ่งจริงๆ นิ่งมากๆ) และมีระบบ Precision Landing ช่วยในการลงจอด การันตีว่ายังไงก็ไม่เกิดกรณีบังคับกระแทกพื้นแน่นอน ไม่ว่าเราจะลดระดับเร็วขนาดไหน เมื่อ Ultrasonic Sensor จับได้ว่าถึงระยะใกล้พื้น ตัวเครื่องจะเข้า Landing Sequent และลงจอดเอง
ความนิ่ง มันนิ่งมากจริงๆ Take Off แล้วปล่อยมือจากรีโมทเดินไปซื้อของกินได้เลย นิ่งแบบ Drone ในหนังเรื่อง Oblivion (2013) ความนิ่งของและเสถียรของมันนี่เองทำให้มือใหม่จับแล้วบินได้ทันที
- ระบบ Sensor ความปลอดภัยต่างๆ นอกจากระบบ GPS แล้ว ตัวเครื่องยังมี Ultrasonic , Optical Sensors รอบตัวเพื่อช่วยในการตัดสินใจหลบหลีกสิ่งกีดขวางต่างๆ และใช้งานได้จริงกับโหมดต่างๆ เช่น ถ้าใช้โหมดบินตามตัว พวก Sensors พวกนี้แหล่ะจะคอยระวังกิ่งไม้,หินใต้ท้อง หรือแม้กระทั่งการลาดเอียงของพื้นเวลาเราเดินขึ้นเขา (มันเทพจริง)
สรุประบบต่างๆช่วยให้บินง่ายและใช้งานได้จริง




เทสความนิ่ง


ระหว่างที่อยู่หัวหิน ผมก็ได้มีโอกาสลองบินเล่น สองสามไฟลท์ พบว่า Micro SD ที่แถมมานั้น ไม่พอจริงๆ(ให้ Sandisk U3 16 GB เสียบมากับเครื่อง)ต้องทะยอยเอาลงคอมและ format แต่เรื่องปัญหา Record ไม่ทัน ไม่มีเลย ใช้ได้ๆ

มาดู First Flight กันเลยย


บ่ายวันนั้นก็ลองเอามาเทสโต้ลมริมหาดดู


ความเทพของ DJI Mavic อีกอย่างคือระบบ Positioning ของตัวเครื่อง (โดรนถ่ายภาพนี่เนอะ) ที่ทำได้ละเอียดและเนียนกริ๊บมาก
ในคลิปด้านบนสังเกตว่าลมแรงมากๆ แต่ตัวเครื่องเมื่อเข้าโหมด Tripod หรือ Cinematography แล้วจะพยายามรักษาระดับและตำแหน่งไว้แบบเนียนมากๆ เรียกได้ว่าไม่มีการโดนลมพัดออกจากตำแหน่งแน่นอน ถ้าเป็นโดรนปกติแล้ว การบังคับให้วิ่งตามลม เครื่องจะต้องเอียงไปข้างหน้าและโดนลมส่งเข้าใต้เครื่องทำให้ปลิวแน่นอน
แต่ MAVIC ไม่ มันคำนวนและค่อยๆเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแต่เอียงใบพัดเข้าหาลมตลอดและใช้ Gimbal ช่วยในการจับภาพในระดับเดิมไว้ตลอด


สรุปข้อดีข้อเสียกันหน่อย
ข้อดี
- ขนาดเล็ก พกง่ายมาก ติดตัวไปได้ทุกที่ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว บล๊อกเกอร์สายท่องเที่ยว หรือช่างภาพสต๊อคโฟโต้
- Setup ก่อนบินเร็วมาก
- บินนิ่งบินเสถียรมากๆ มือใหม่บินสบายๆไม่ต้องกลัวตก
- ถ่าย 4k ได้ ถ่าย RAW ได้ มีระบบ Manual Focus,Shutterspeed,ISO
- ระยะทำการไกลขึ้นมาก แบตอึดขึ้นกว่า Phantom 4
ข้อเสีย
- ตัวกล้องยังด้อยกว่ารุ่น  Phantom 4 ทั้งเรื่องฟังก์ชั่นปรับรูรับแสง และ วิดีโอเฟรมเรท อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับงานโปรดั๊กชั่น
- ราคาค่อนข้างสูง (ส่วนตัวคิดว่าสมราคามากเพราะเอาทุก features ที่พัฒนามาแล้วยัดลงไปหมดเลย)
- Optical sensors ใช้งานตอนกลางคืนไม่ได้( Ultrasonic สำหรับวัดระยะจากพื้นยังใช้ได้อยู่ )
- App กินแบตที่มือถือมาก กินที่ในมือถือมาก เพราะ save cache ลงมือถือให้ด้วยตลอด
- ยังถือว่าเกินความจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวสายเซลฟี่เก๋ๆ สายนั้นไปทางน้อง SPARK จะตรงตวามต้องการมากกว่า

เพิ่มเติมข้อมูล
- แบตเตอร์รี่ตัวลำบินได้นาน 27 นาที ใช้เวลาชาร์ต 1 ชม. เท่านั้น
- ระยะบินคือ 7km แต่ว่าจริงๆ 1 กม. ก็น่าจะไม่เห็นลำแล้ว ซึ่งมือใหม่บินลำบาก
- วิดีโอและภาพ จะถูกบันทึกลง MicroSD บนเครื่อง(ไฟล์ใหญ่) และบนมือถือ(cache) ตัวแอปสามารถเอา cache ไปตัดต่อโพสขำๆได้ทันที
- ก่อนบินถอดตัวล๊อก Gimbal และเสียบไว้เมื่อเก็บทุกครั้ง เพราะแรงกระแทกภายนอกสามารถทำให้ Gimbal คลาดเคลื่อนได้ ต้องมา Calibrate กันใหม่
- ราคาอะไหล่ ใบพัดคู่ละ 400 แบตก้อนละ 3,800 กระเป๋าสะพาย 3,300 อ้างอิงราคา ที่นี่ >> http://www.djibangkok.com/

   ใครที่ยังหาร้านจองไม่ได้ ติดต่อไปที่ ร้าน https://www.facebook.com/Toonocean/ ได้เลยนะครับ แนะนำที่นี่เพราะบริการดีมาก ทั้งก่อนและหลังซื้อ ส่งของรวดเร็วมาก มีบริการตรวจเช็คสินค้าก่อนด้วย อ้อที่สำคัญเค้าเป็น DJI Authorised Reseller โดยตรง เรื่องซ่อมเรื่องอะไหล่ ไม่ต้องห่วงเลย ของแท้แน่นอน!