ศาลอาญา เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดี “พธม.” บุกทำเนียบปี 51ไปเป็น 24 ก.ค.เหตุสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ไม่มาศาล เเถมโดนออกหมายจับ นายประกันโดนปรับ 2 เเสนบาท
19 มิ.ย.60 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) บุกรุกทำเนียบรัฐบาลปี 2551 หมายเลขดำ อ.4925/2555 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายพิภพ ธงไชย , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำพันธมิตรฯ. และ นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,362,365
คดีนี้เลื่อนอ่านคำพิพากษาจากวันที่ 16 พ.ค.มาเป็นวันนี้ เวลา 09.00 น. เนื่องจากวันนั้นพล.ต.จำลอง ป่วยและเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระ โดยได้ยื่นใบรับรองแพทย์แสดงต่อศาล ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ ล่าสุดศาลอาญา มีคำสั่งออกหมายจับ นายสมเกียรติที่ไม่มาศาลพร้อมสั่งปรับนายประกันเต็มจำนวน 200,000 บาท โดยเลื่อนนัดอ่านอุทธรณ์อีกครั้งวันที่ 24 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ อัยการโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2555 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2551 ได้มีผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งมีจำเลยดังกล่าว เป็นแกนนำได้จัดปราศรัยชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินเพื่อกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำเนียบรัฐบาลและกระจายกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียง กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ ต่อมาหลังจากนายสมัคร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน และมีกำหนดวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 7 ต.ค.2551
ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2551 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกได้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลโดยปิดล้อมทางเข้าออกทำเนียบทุกด้าน ได้ทำลายเครื่องมือทำลายกุญแจประตูทำเนียบฯ และทำลายแผงกั้นที่เจ้าหน้าที่ใช้ควบคุมดูแลความสงบในทำเนียบฯ จนถึงวันที่ 3 ธ.ค.2551 พวกจำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตได้ร่วมกันรื้อทำลายสิ่งกีดขวางแล้วปีนรั้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลรวมทั้งนำรถยนต์ 6 ล้อที่ติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ไปจอดหน้าตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล แล้วผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยและระหว่างวันที่ 26 ส.ค.- 3 ธ.ค.2551 ซึ่งมีการจัดเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาล และมีผู้ชุมนุมจำนวนมากได้เหยียบสนามหญ้าและต้นไม้ประดับจนตาย แล้วยังทำให้ระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ ระบบไฟสนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้า-หน้าตึกสันติไมตรีในความดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับความเสียหายรวม 5 ล้านบาท อีกทั้งเมื่อมีฝนตกทำให้น้ำฝนซึมเข้าขังในถุงดำที่ห่อหุ้มกล้องวงจรปิด ทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกล้องเสียหายรวม 10 ตัว ค่าเสียหายอีก 1,766,548 บาท โดยจำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2558 เห็นว่า จำเลยทั้งหก กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมาอาญา มาตรา 358,365 การกระทำของจำเลย ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ จำคุกคนละ 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ คนละ 2 ปี โดยจำเลยทั้งหก ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี
JJNY : เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดี พธม.บุกทำเนียบฯ 24 ก.ค.
19 มิ.ย.60 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) บุกรุกทำเนียบรัฐบาลปี 2551 หมายเลขดำ อ.4925/2555 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายพิภพ ธงไชย , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำพันธมิตรฯ. และ นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,362,365
คดีนี้เลื่อนอ่านคำพิพากษาจากวันที่ 16 พ.ค.มาเป็นวันนี้ เวลา 09.00 น. เนื่องจากวันนั้นพล.ต.จำลอง ป่วยและเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระ โดยได้ยื่นใบรับรองแพทย์แสดงต่อศาล ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ ล่าสุดศาลอาญา มีคำสั่งออกหมายจับ นายสมเกียรติที่ไม่มาศาลพร้อมสั่งปรับนายประกันเต็มจำนวน 200,000 บาท โดยเลื่อนนัดอ่านอุทธรณ์อีกครั้งวันที่ 24 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ อัยการโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2555 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2551 ได้มีผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งมีจำเลยดังกล่าว เป็นแกนนำได้จัดปราศรัยชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินเพื่อกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำเนียบรัฐบาลและกระจายกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียง กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ ต่อมาหลังจากนายสมัคร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน และมีกำหนดวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 7 ต.ค.2551
ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2551 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกได้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลโดยปิดล้อมทางเข้าออกทำเนียบทุกด้าน ได้ทำลายเครื่องมือทำลายกุญแจประตูทำเนียบฯ และทำลายแผงกั้นที่เจ้าหน้าที่ใช้ควบคุมดูแลความสงบในทำเนียบฯ จนถึงวันที่ 3 ธ.ค.2551 พวกจำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตได้ร่วมกันรื้อทำลายสิ่งกีดขวางแล้วปีนรั้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลรวมทั้งนำรถยนต์ 6 ล้อที่ติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ไปจอดหน้าตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล แล้วผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยและระหว่างวันที่ 26 ส.ค.- 3 ธ.ค.2551 ซึ่งมีการจัดเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาล และมีผู้ชุมนุมจำนวนมากได้เหยียบสนามหญ้าและต้นไม้ประดับจนตาย แล้วยังทำให้ระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ ระบบไฟสนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้า-หน้าตึกสันติไมตรีในความดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับความเสียหายรวม 5 ล้านบาท อีกทั้งเมื่อมีฝนตกทำให้น้ำฝนซึมเข้าขังในถุงดำที่ห่อหุ้มกล้องวงจรปิด ทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกล้องเสียหายรวม 10 ตัว ค่าเสียหายอีก 1,766,548 บาท โดยจำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2558 เห็นว่า จำเลยทั้งหก กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมาอาญา มาตรา 358,365 การกระทำของจำเลย ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ จำคุกคนละ 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ คนละ 2 ปี โดยจำเลยทั้งหก ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี