เขียนโดย ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์
"บูรพาภิวัตน์" พูดอีกอย่างก็คือจีนกับอินเดียจะผงาดขึ้น คือเอเชียกำลังจะรวยขึ้น ซึ่งทั้งจีนและอินเดียนั้นใกล้ไทยทั้งคู่ อินเดียนั้นใกล้ไทยในทางทะเล แต่จีนใกล้กับไทยทางบกด้วย คือใกล้ชายแดนทางเหนือของเรา
.....
สถานการณ์โลกที่น่าจับตาขณะนี้มีอะไรบ้าง?
หนึ่ง จีนมี ยุทธศาสตร์ OBOR ( ย่อมาจาก One Belt One Road) เพื่อเชื่อมเอเชียกับยุโรปในทางบก และเชื่อมทะเลจีนกับปาซิฟิกทางตะวันตกเข้ากับมหาสมุทรอินเดียต่อไปจนถึงทะเลเมดิเตอเรเนียและชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกาด้วย รถไฟความเร็วสูงและทางหลวงจากปักกิ่งจะวิ่งผ่านซินเกียง เข้าเอเชียกลาง รัสเซีย คอเคซัส หรือตุรกี ผ่านยุโรปตะวันออก ไปถึงยุโรปตะวันตกถึงลอนดอน ถึงเบอร์ลิน
โดยทั่วไป จีนและสหรัฐจะมีบทบาททางการเมือง-การทหาร-เศรษฐกิจในไทย และในอาเซียนสูงกว่าญี่ปุ่นและยุโรป ในทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังสำคัญมากต่อเรา ในทางการต่างประเทศและความมั่นคงสหรัฐและอาเซียนจะยังสำคัญมาก แต่ในทางธุรกิจและในทางเศรษฐกิจ จีนจะสำคัญกว่าใคร ๆ
ยุทธศาสตร์หลักทางการต่างประเทศของจีนคือ “One Belt One Road-หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ซึ่งหมายถึง จะทำให้เกิดเส้นทางสายไหมทางบก และทางทะเล เชื่อมยุโรปเอเชียและแอฟริกาเข้าด้วยกัน เป็นแนวคิดที่จัดว่าใหญ่มหึมา ทะเยอทะยาน--ในทางบวก ถือเป็นยุทธศาสตร์ระดับโลก
ทางหลวงและเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีน นอกจากจะเชื่อมด้านตะวันออกและตะวันตกของเอเชียเข้าด้วยกันแล้ว ยังจะเชื่อมเอเชียตะวันออกเข้ากับเอเชียอาคเนย์ จากคุนหมิงและหนานหนิงผ่านเวียดนามลาวพม่าเข้าไทยลงไปตามภาคใต้ของเราเข้าสู่มาเลเซีย สิงคโปร์ และต่อไปได้จนถึงสุมาตราและชะวาของอินโดนีเซียทีเดียว
สอง สหรัฐเริ่มจะปรับสมดุลย์ด้านการต่างประเทศ (ที่เรียกว่า Rebalancing หรือ Pivoting to Asia ) ทุ่มเทความสนใจและถ่ายโอนน้ำหนักมายังเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออก เอเชียอาคเนย์ และเอเชียใต้ มากขึ้น
.........
เวลานี้ เราไม่ใช่ประเทศ"ชนบท" อีกแล้ว เรามีหลายเมืองที่เรียกว่าเป็น "มหานครหรือนครของโลก" ไปแล้ว เมืองอันดับ 1 ในเอเชีย-ปาซิฟิกในแง่มีผู้มาเยือนจากโลกมากที่สุดนั้นคือ กรุงเทพฯ ครับ อันดับ 9 ก็คือ ภูเก็ต อันดับ 13 คือพัทยา เป็นต้นกรุงเทพฯ ที่เคยรังเกียจว่าแออัดรถติดสกปรก ที่เคยจำได้แต่เพียงว่าน้ำท่วม อากาศแย่ แต่เร็วๆนี้ พออ่านผลสำรวจผู้มาเยือนปรากฏว่า กทม ชนะ ครับ ได้รับ "ความนิยม" เหนือกว่าปารีส โตเกียว ปักกิ่ง สิงคโปร์ ฮ่องกง เพราะฉะนั้น เรา "ไม่ธรรมดา" เสียแล้ว แต่เราไม่รู้ตัว เราเอาแต่ "วิพากษ์" และ "ดูเบา" บ้านเมืองเรามานานเหลือเกิน นานเกินไปหรือยังครับ
......
อย่ามองจีนและสหรัฐ ว่าเขายิ่งใหญ่ น่ากลัว แล้วเอาแต่หนี หรืออยากปิดประเทศ แต่ให้มองว่าเขาเป็น "ยักษ์ใหญ่ " แต่เป็น "เพื่อน" กับเราก็ได้ อย่าลืมว่าสิงคโปร์นั้น"เล็กจิ๊ดจิ๋ว" เมื่อเทียบกับเรา แต่เขายังเอาประโยชน์จากทั้งจีนและสหรัฐได้อย่างสบายมาก
ในยุคที่ความรุ่งเรืองมีแนวโน้มย้ายมาทางเอเชียและทางตะวันออกของโลกนั้น เราต้อง "ใจใหญ่" และกล้า "คิดใหญ่" มากขึ้น ต้องฝึกให้คนรุ่นใหม่กล้าและเก่งมากขึ้น ส่วนคนรุ่นเก่าจำนวนไม่น้อยก็คิดและทำเพื่อเอาประโยชน์จากบูรพาภิวัตน์ได้
คนส่วนน้อย--ไม่น้อยเท่าไร ต้องขอย้ำ-- ที่ท้อแท้เหนื่อยหน่ายกับปัญหาภายในประเทศ แปลกแยกกับรัฐบาล กับชนชั้นนำ ก็ต้องค่อยๆ ชักจูง หรือเชิญชวนให้เขาเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาโดยอาศัยภูมิศาสตร์ที่ดียิ่งนี้ให้ได้ ค่อยๆ เปลี่ยน และวันหนึ่งเมื่อทุกฝ่ายได้มีบทบาทในการนำพาประเทศทั่วถึงขึ้น เขาย่อมจะระลึกได้ว่ามีอะไรดีๆ อีกมารอประเทศไทยอยู่
อ่านฉบับเต็มที่นี่ค่ะ..👇👇👇👇👇
https://www.isranews.org/isranews-article/49751-anek-laothamatas.html
((มาลาริน))^_^ บทความนี้ดี้ดีค่ะ...ไทยคือทำเลทองยุคบูรพาภิวัตน์
"บูรพาภิวัตน์" พูดอีกอย่างก็คือจีนกับอินเดียจะผงาดขึ้น คือเอเชียกำลังจะรวยขึ้น ซึ่งทั้งจีนและอินเดียนั้นใกล้ไทยทั้งคู่ อินเดียนั้นใกล้ไทยในทางทะเล แต่จีนใกล้กับไทยทางบกด้วย คือใกล้ชายแดนทางเหนือของเรา
.....
สถานการณ์โลกที่น่าจับตาขณะนี้มีอะไรบ้าง?
หนึ่ง จีนมี ยุทธศาสตร์ OBOR ( ย่อมาจาก One Belt One Road) เพื่อเชื่อมเอเชียกับยุโรปในทางบก และเชื่อมทะเลจีนกับปาซิฟิกทางตะวันตกเข้ากับมหาสมุทรอินเดียต่อไปจนถึงทะเลเมดิเตอเรเนียและชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกาด้วย รถไฟความเร็วสูงและทางหลวงจากปักกิ่งจะวิ่งผ่านซินเกียง เข้าเอเชียกลาง รัสเซีย คอเคซัส หรือตุรกี ผ่านยุโรปตะวันออก ไปถึงยุโรปตะวันตกถึงลอนดอน ถึงเบอร์ลิน
โดยทั่วไป จีนและสหรัฐจะมีบทบาททางการเมือง-การทหาร-เศรษฐกิจในไทย และในอาเซียนสูงกว่าญี่ปุ่นและยุโรป ในทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังสำคัญมากต่อเรา ในทางการต่างประเทศและความมั่นคงสหรัฐและอาเซียนจะยังสำคัญมาก แต่ในทางธุรกิจและในทางเศรษฐกิจ จีนจะสำคัญกว่าใคร ๆ
ยุทธศาสตร์หลักทางการต่างประเทศของจีนคือ “One Belt One Road-หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ซึ่งหมายถึง จะทำให้เกิดเส้นทางสายไหมทางบก และทางทะเล เชื่อมยุโรปเอเชียและแอฟริกาเข้าด้วยกัน เป็นแนวคิดที่จัดว่าใหญ่มหึมา ทะเยอทะยาน--ในทางบวก ถือเป็นยุทธศาสตร์ระดับโลก
ทางหลวงและเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีน นอกจากจะเชื่อมด้านตะวันออกและตะวันตกของเอเชียเข้าด้วยกันแล้ว ยังจะเชื่อมเอเชียตะวันออกเข้ากับเอเชียอาคเนย์ จากคุนหมิงและหนานหนิงผ่านเวียดนามลาวพม่าเข้าไทยลงไปตามภาคใต้ของเราเข้าสู่มาเลเซีย สิงคโปร์ และต่อไปได้จนถึงสุมาตราและชะวาของอินโดนีเซียทีเดียว
สอง สหรัฐเริ่มจะปรับสมดุลย์ด้านการต่างประเทศ (ที่เรียกว่า Rebalancing หรือ Pivoting to Asia ) ทุ่มเทความสนใจและถ่ายโอนน้ำหนักมายังเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออก เอเชียอาคเนย์ และเอเชียใต้ มากขึ้น
.........
เวลานี้ เราไม่ใช่ประเทศ"ชนบท" อีกแล้ว เรามีหลายเมืองที่เรียกว่าเป็น "มหานครหรือนครของโลก" ไปแล้ว เมืองอันดับ 1 ในเอเชีย-ปาซิฟิกในแง่มีผู้มาเยือนจากโลกมากที่สุดนั้นคือ กรุงเทพฯ ครับ อันดับ 9 ก็คือ ภูเก็ต อันดับ 13 คือพัทยา เป็นต้นกรุงเทพฯ ที่เคยรังเกียจว่าแออัดรถติดสกปรก ที่เคยจำได้แต่เพียงว่าน้ำท่วม อากาศแย่ แต่เร็วๆนี้ พออ่านผลสำรวจผู้มาเยือนปรากฏว่า กทม ชนะ ครับ ได้รับ "ความนิยม" เหนือกว่าปารีส โตเกียว ปักกิ่ง สิงคโปร์ ฮ่องกง เพราะฉะนั้น เรา "ไม่ธรรมดา" เสียแล้ว แต่เราไม่รู้ตัว เราเอาแต่ "วิพากษ์" และ "ดูเบา" บ้านเมืองเรามานานเหลือเกิน นานเกินไปหรือยังครับ
......
อย่ามองจีนและสหรัฐ ว่าเขายิ่งใหญ่ น่ากลัว แล้วเอาแต่หนี หรืออยากปิดประเทศ แต่ให้มองว่าเขาเป็น "ยักษ์ใหญ่ " แต่เป็น "เพื่อน" กับเราก็ได้ อย่าลืมว่าสิงคโปร์นั้น"เล็กจิ๊ดจิ๋ว" เมื่อเทียบกับเรา แต่เขายังเอาประโยชน์จากทั้งจีนและสหรัฐได้อย่างสบายมาก
ในยุคที่ความรุ่งเรืองมีแนวโน้มย้ายมาทางเอเชียและทางตะวันออกของโลกนั้น เราต้อง "ใจใหญ่" และกล้า "คิดใหญ่" มากขึ้น ต้องฝึกให้คนรุ่นใหม่กล้าและเก่งมากขึ้น ส่วนคนรุ่นเก่าจำนวนไม่น้อยก็คิดและทำเพื่อเอาประโยชน์จากบูรพาภิวัตน์ได้
คนส่วนน้อย--ไม่น้อยเท่าไร ต้องขอย้ำ-- ที่ท้อแท้เหนื่อยหน่ายกับปัญหาภายในประเทศ แปลกแยกกับรัฐบาล กับชนชั้นนำ ก็ต้องค่อยๆ ชักจูง หรือเชิญชวนให้เขาเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาโดยอาศัยภูมิศาสตร์ที่ดียิ่งนี้ให้ได้ ค่อยๆ เปลี่ยน และวันหนึ่งเมื่อทุกฝ่ายได้มีบทบาทในการนำพาประเทศทั่วถึงขึ้น เขาย่อมจะระลึกได้ว่ามีอะไรดีๆ อีกมารอประเทศไทยอยู่
อ่านฉบับเต็มที่นี่ค่ะ..👇👇👇👇👇
https://www.isranews.org/isranews-article/49751-anek-laothamatas.html