เคยมีคำกล่าวว่า if you think only dark side , that only what you find  "dark". สืบเนื่องจากการกระทู้การปิดตัวของบ้านเมือง

ไม่ใช่ทั้งหมดแต่ perception กับ tech ข้างล่าง ของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นในแนวทาง "กังวล + กลัว"  กลัวว่าจะตกงาน กลัวว่าจะทำลายธุรกิจเก่าลงไป
Airbnb,uber,bitcoin,3d,google map

แต่ลองดู งานที่คุณตก กับ ธุรกิจเก่า นั้นสมควร ที่จะตกแล้วทำลายหรือมั้ย เอางี้ลองย้อนไปหมื่นปี คุณเป็นมนุษย์ถ้ำ หาของป่ากิน ต่อมามีคนค้นพบการเกษตรคุณโปรเมล็ด มีแครอท แ_ก ไม่ต้องเชือดกัน ไม่ต้องลุ้นว่าจะเจอต้นแครอทรึเปล่า แต่คุณเน้นแต่ dark side ว่าเกษตรจะทำให้มนุษย์ถ้ำตกงาน
ทำให้ธุรกิจกระบองทีตีหัวเพื่อแย่งแครอทเจ้ง

ขออนุญาติยกตัวอย่าง pantipber ลองคิดดู

Airbnb เอาห้องมาทำเป็นโรงแรม ระบบช่วยเก็บเงิน นำทางแขกมายังบ้านคุณให้ ช่วยแนะนำว่าคุณติดต่อแขกยังไง
ผลคือ เจ้าของห้องได้เงิน แขกได้ better deal

Uber มีรถมารับคุณถึงที่ คนขับสุภาพ ตอนลงไม่ต้องจ่ายคณไม่มีไรทำก็ไปขับเล่น ๆ ช่วยสังคม หรือจะทำเป็นรายได้เสริมหลักก็ไม่ว่ากัน
ผลคือ  คนขับได้เงิน คนนั่ง ไม่ต้องเจอ "ไม่ไปพี่ เติมแก้ส"

ผมเริ่มสังเกต ว่า ตรรกะเราประกอบด้วย core ที่ผมถูกปลูกฝังมาแต่เด็ก ผ่าน ครอบครัว โรงเรียน สังคม ที่ทำงาน นั่นคือ
กลัว+กังวล+ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง = ทัศนคติลบที่มีต่อเทคโนโลยี เป้นตัวขัดขวางการหาประโยชนจาก tech ในสงครามเศรษฐกิจ
ฝรั่งใช้ปืน คุณใช้ดาบ คุณใช้ปืน ฝรั่งใช้เครื่องบิน คุณใช้เครื่องบิน ฝรั่งใช้โดรน

"ป้าไม่ใช้อ่ะ ป้าไม่ได้จบคอม" "ดูวุ่นวายคุณศึกษามายัง เจ้งขึ้นมาใครรับผิดชอบ"

เห็นเรื่อง 4.0.  เรายังไม่ต้องพูดถึงนวัตกรรม เอาแค่นำนวัตกรรมที่ชาวโลกคิดขึ้นมาใช้ให้เกิดประโยชนผมว่าแค่นี้สังคมก็พัตนาไปอีกขั้นแล้วคือที่ดีก็มีน่ะครับคนรุ่นใหม่ ๆ ผู้ใหญ่หัวก้าวหน้าก็มีแต่ขอโทษครับส่วนใหญ่เจอแบบนี้ เก็บกดขอระบาย