เดินทางมามากพอที่จะทำให้รู้ว่าเหตุผลของการเดินทางมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ได้เที่ยวเพื่อความชิค ไม่ได้เที่ยวตามกระแส ไม่ต้องการตามหาหรือลบล้างสิ่งใด ไม่ได้ทำไปเพื่อชักชวนสปอนเซอร์มาลงเพจ ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาหาประสบการณ์ตามอุดมการณ์อันเป็นจุดประสงค์หลักเหมือนเมื่อก่อน เหตุผลเดียวที่ออกเดินทางในตอนนี้คือ"เพื่อใช้ชีวิต"
ที่เค้าพูดกันว่าหลีเป๊ะเป็นเกาะสวรรค์ มันจริงอย่างที่เค้าว่า ความสวยงามที่มีติดตัว ธรรมชาติที่นั่งนิ่งๆแล้วจะรู้สึกเหมือนเราสื่อสารกับมันได้ ครั้งนี้จะพูดถึงสิ่งที่เราได้จากการไปทริปนี้ ซึ่งมันดีเหลือเกิน ดีต่อใจ <3
เกาะหลีเป๊ะนี้มีสามหาด หาดบันดาหยา (หาดพัทยา), หาดซันไรซ์ และหาดซันเซต สิ่งแวดล้อมตามชื่อหาดเลย (เค้าตั้งชื่อกันง่ายดี) ซันไรซ์กับซันเซตมีความเงียบสงบมาก ถ้าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นก็หาดซันไรซ์ พระอาทิตย์ตกก็ซันเซต ถ้าครึกครื้นขึ้นมาเบาๆก็หาดพัทยา
ระหว่างทางก่อนถึงเกาะหลีเป๊ะ จะผ่านเกาะตะรุเตาและเกาะไข่ก่อน
เกาะไข่ เรือจอดให้ถ่ายรูป 15 นาทีจ้า ผู้คนก็กรูกันไป เต็มเฟรมค่ะ มันควรจะมีคนจัดคิวให้ลอดซุ้ม ถ่ายรูป บ้างนะ!
เราไปในช่วงท้ายๆของไฮซีซั่นแล้ว คือช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซื้อแพคเกจที่พักสามวันสองคืนจากงานไทยเที่ยวไทย Serendipity (ราคาแพคเกจห้องพัก 2 คืน + รถตู้รับส่งสนามบินหาดใหญ่-ท่าเรือ + สปีดโบ้ทไปกลับ + อาหารเช้า 3 มื้อ + มื้อเย็น 1 มื้อ รวมทั้งสิ้น 17,500 บาท/2 คน แนะนำให้จองห้อง Seaview เบอร์ 1 เราว่าตรงนี้เห็นวิวที่หาดหน้ารีสอร์ทชัดดี) ราคาอาจจะฟังดูสูงเมื่อเทียบกับรีสอร์ทอื่น แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่ามากๆ โดยเฉพาะตอนที่มีโปรฯ
รีสอร์ทนี้อยู่ที่หาดซันไรซ์ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย อาหารอร่อย วิวสวยสุดๆ เล่นน้ำ พายเรือคายัคได้ที่หน้าหาดเลย
ชอบที่นี่มากเป็นพิเศษและชอบความหมายของมันด้วย สมแล้วที่ชื่อนี้ (ชอบจนเอามาแปะในชื่อกระทู้ >.<)
'Serendipity' means luck that take the form of finding valuable or pleasant things by chance.
ถ้าได้กลับไปหลีเป๊ะอีก ต้องไปพักที่นี่อีกแน่นอน
ตอนเย็นๆ เดินเลาะเล่นที่หาดซันไรซ์ หาดนี้มีเรือจอดอยู่เต็มไปหมดเลย ใครที่จะหาเรือไปดำน้ำมาหาจากตรงนี้ได้นะ เราเหมาเรือลำละ 2,300 บาท ไปเที่ยวเกาะ+ดำน้ำ รอบนอก+ใน ไม่แนะนำให้โทรจองเรือล่วงหน้าหลายๆวัน เพราะอาจโดนเบี้ยว ฮ่าๆๆ มาจองเรือในเย็นวันก่อนจะออกเรือที่นี่เลย จะได้ราคาดีกว่านี้ และเราเชื่อว่าเป็นเรือลำไหนก็ได้ค่ะ ผู้คนที่นี่ดูเป็นมิตรทุกคน ถามเค้าด้วยว่ามีหน้ากากดำน้ำให้ไหม ถ้าไม่มีให้จะได้หาเช่าไว้ (ของเราที่รีสอร์ทมีให้ยืมค่ะ ทั้งหน้ากากและตีนกบ)
หาดนี้ถึงจะคนเยอะ แต่เงียบสงบดี จากตรงนี้เดินไปอีกหน่อยจะถึงหาดซันเซต ที่หน้าเมาเทิร์นรีสอร์ท ต่างคนต่างมีกิจกรรมทำเป็นของตัวเอง
ขึ้นไปที่ห้องอาหารเมาเทิร์นรีสอร์ท จิ๊บน้ำเย็นๆซักกระป๋อง เพื่อวิวนี้ ฮ่าๆๆ แต่เสียดายน่าจะหยิบเลนส์เทเลไปด้วย แง
จากนั้นก็แค่รอเวลาลงไปถ่ายพระอาทิตย์ตกที่หาด
เชื่อไหมว่า แค่ได้นั่งนิ่งๆ อยู่เงียบๆ ไร้สิ่งรบกวนจากภายนอก เราจะรู้สึกว่าเราคุยกับธรรมชาติรู้เรื่องนะ
เวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ แต่เป็นชั่วขณะที่มีคุณค่า ไม่มีวันลืมเลย วันนั้นเราใช้งานโทรศัพท์มือถือแค่เพียงหยิบมันมาถ่ายรูปเท่านั้น เราใช้เวลาส่วนใหญ่ (ในชั่วขณะนั้น) ไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คนที่อยู่ข้างๆ
อยู่ตรงนั้นจนแสงสุดท้ายใกล้หมดไป เราก็เดินไปที่ walking street มายอมรับกันตรงนี้เลยว่า เราเดินไม่สุดถนน walking street เพราะไม่รู้ทิศทางว่าต้องเดินไปทางไหน พลาดอย่างแรง สรุปแล้วเราเดินไปได้แค่หางถนน แล้วก็เข้าใจว่านั่นคือทั้งหมด -"- แล้วก็นั่ง taxi ซาเล้ง (คนละ 50 บาท) กลับที่พัก
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่รู้ตัวว่าโดนเบี้ยวเรือที่จองไว้ล่วงหน้าก่อนมาถึงเกาะ เราก็เดินไปถามเรือที่หาดซันไรซ์ที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ และเราก็ดีใจด้วยซ้ำที่โดนเบี้ยวเรือ เราไม่โกรธเค้านะ เพราะเค้าก็เป็นชาวบ้านทำมาหากินทั่วไป ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัททัวร์ใดๆ ถ้าโดนบริษัททัวร์เบี้ยวก็ว่าไปอย่าง เรือที่เราไปด้วยนี้ เราไม่ถามชื่อเค้ามา เพราะไม่อยากให้ข้อมูลเฉพาะบุคคลกับใคร ไปหาเอาข้างหน้าก็ดีเหมือนกัน ฮ่าๆ
เกาะหินซ้อน, เกาะรอกลอย, เกาะดง, หาดทรายขาว, เกาะหินงาม, ร่องน้ำจาบัง เส้นทางการเดินเรือของเราในเช้าวันขมุกขมัวเล็กน้อย (เมื่อคืนฝนตกทั้งคืน) แต่ก็ยังโชคดีมากที่ออกเรือได้แต่ออกสายหน่อย และเจอฝนหน่อยๆแค่ตอนจะกลับ
ปะการังสวยมาก โดยเฉพาะ ตรงเกาะดง และร่องน้ำจาบัง แต่ข้าพเจ้าอ่อนหัด เลยมุดลงไปถ่ายได้ไม่เยอะ แต่ถ้าได้ลงไปจะรู้ว่ามันสวยมากกก
ที่ร่องน้ำจาบัง คลื่นจะแรงกว่าจุดดำน้ำจุดอื่น มีเชือกให้ไต่ไป ใครที่ว่ายน้ำไม่แข็ง ก็จงอยู่บนเรือแบบเราเถิด ฮ่าๆ
พี่คนขับเรือเราเท่มั๊ย เค้าไปนั่งที่หัวเรือ รู้สึกได้ว่าเค้ามองดูคนลงไปดำน้ำอย่างไม่ละสายตา (ว่าจะรอดมั๊ย) ประทับใจจริงๆ
เสร็จจากตรงนี้แล้วฝนก็มาทันทีเลย แต่มาแค่แปบเดียว เราก็กลับใกล้ถึงฝั่งพอดี เป็นช่วงที่น้ำลด ปะการังก็โผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด ปลาเล็กปลาน้อยว่ายกันให้เห็นโดยไม่ต้องเอาหน้าจุ่มลงไปในทะเลเลย เรือต้องค่อยๆขับ เพื่อไม่ให้ปะการังเสียหาย น้ำใสสุดๆ โอยยย นี่แหละเกาะสวรรค์ของฉัน
นอนที่ Serendipity ต่ออีกคืนนึง ดินเน่อในคืนนั้นมันช่างเอร็ดอร่อยจังเลย คิดถึงนะ เซเรน
ตอนเช้าก่อนเช็คเอ้า เราไปเดินหาดบันดาหยา หรือหาดพัทยา หาดนี้คนเยอะ แอบเห็นขยะลอยอยู่ในทะเล ได้โปรด ใครที่ไปหลีเป๊ะ ช่วยกันรักษาความสะอาดด้วย และไม่ทิ้งขยะลงทะเลนะคะ ถึงแม้ว่าชายหาดจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่น้ำก็ยังคงใสกิ๊กเลย
เราเดินไปจนสุดปลายหาด จะพบกับสะพานไม้แบบนี้ เป็นจุดสุดท้ายก่อนจะกลับไปเก็บของกลับสู่แผ่นดินใหญ่ เฮ้อออ ไม่อยากกลับเลย
ขอบคุณหลีเป๊ะ และทุกสิ่งที่ประกอบในนั้น ขอบคุณความเรียบง่าย เราเหมือนได้อยู่ใกล้ชิดกับตัวเองมากขึ้น ทั้งๆที่เราก็อยู่กับตัวเราเองมาเนิ่นนาน แต่ไม่เคยรู้สึกสงบเท่านี้เลย การออกเดินทางครั้งนี้ เรากลับรู้สึกว่าเราได้ฟังเสียงตัวเอง ฟังเสียงธรรมชาติ อยู่กับทุกคน ทุกอย่าง ที่แวดล้อมเรา จะดีกว่านี้ถ้ามีเวลาได้นอนหายใจเล่น ขยับตัวอย่างเชื่องช้าเพิ่มอีก 1 วัน
แล้วพบกันใหม่นะหลีเป๊ะ
---------------------------
https://www.facebook.com/wannabethaitraveler/
IG : wannabethaitraveler
---------------------------
บันทึกภาพด้วย กล้องฟิล์ม Nikon FG20, มือถือ Huawei P10+, SJcam 5000x
[CR] To travel is to live - Koh Lipe and its serendipity
เดินทางมามากพอที่จะทำให้รู้ว่าเหตุผลของการเดินทางมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ได้เที่ยวเพื่อความชิค ไม่ได้เที่ยวตามกระแส ไม่ต้องการตามหาหรือลบล้างสิ่งใด ไม่ได้ทำไปเพื่อชักชวนสปอนเซอร์มาลงเพจ ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาหาประสบการณ์ตามอุดมการณ์อันเป็นจุดประสงค์หลักเหมือนเมื่อก่อน เหตุผลเดียวที่ออกเดินทางในตอนนี้คือ"เพื่อใช้ชีวิต"
ที่เค้าพูดกันว่าหลีเป๊ะเป็นเกาะสวรรค์ มันจริงอย่างที่เค้าว่า ความสวยงามที่มีติดตัว ธรรมชาติที่นั่งนิ่งๆแล้วจะรู้สึกเหมือนเราสื่อสารกับมันได้ ครั้งนี้จะพูดถึงสิ่งที่เราได้จากการไปทริปนี้ ซึ่งมันดีเหลือเกิน ดีต่อใจ <3
เกาะหลีเป๊ะนี้มีสามหาด หาดบันดาหยา (หาดพัทยา), หาดซันไรซ์ และหาดซันเซต สิ่งแวดล้อมตามชื่อหาดเลย (เค้าตั้งชื่อกันง่ายดี) ซันไรซ์กับซันเซตมีความเงียบสงบมาก ถ้าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นก็หาดซันไรซ์ พระอาทิตย์ตกก็ซันเซต ถ้าครึกครื้นขึ้นมาเบาๆก็หาดพัทยา
ระหว่างทางก่อนถึงเกาะหลีเป๊ะ จะผ่านเกาะตะรุเตาและเกาะไข่ก่อน
เกาะไข่ เรือจอดให้ถ่ายรูป 15 นาทีจ้า ผู้คนก็กรูกันไป เต็มเฟรมค่ะ มันควรจะมีคนจัดคิวให้ลอดซุ้ม ถ่ายรูป บ้างนะ!
เราไปในช่วงท้ายๆของไฮซีซั่นแล้ว คือช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซื้อแพคเกจที่พักสามวันสองคืนจากงานไทยเที่ยวไทย Serendipity (ราคาแพคเกจห้องพัก 2 คืน + รถตู้รับส่งสนามบินหาดใหญ่-ท่าเรือ + สปีดโบ้ทไปกลับ + อาหารเช้า 3 มื้อ + มื้อเย็น 1 มื้อ รวมทั้งสิ้น 17,500 บาท/2 คน แนะนำให้จองห้อง Seaview เบอร์ 1 เราว่าตรงนี้เห็นวิวที่หาดหน้ารีสอร์ทชัดดี) ราคาอาจจะฟังดูสูงเมื่อเทียบกับรีสอร์ทอื่น แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่ามากๆ โดยเฉพาะตอนที่มีโปรฯ
รีสอร์ทนี้อยู่ที่หาดซันไรซ์ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย อาหารอร่อย วิวสวยสุดๆ เล่นน้ำ พายเรือคายัคได้ที่หน้าหาดเลย
ชอบที่นี่มากเป็นพิเศษและชอบความหมายของมันด้วย สมแล้วที่ชื่อนี้ (ชอบจนเอามาแปะในชื่อกระทู้ >.<)
'Serendipity' means luck that take the form of finding valuable or pleasant things by chance.
ถ้าได้กลับไปหลีเป๊ะอีก ต้องไปพักที่นี่อีกแน่นอน
ตอนเย็นๆ เดินเลาะเล่นที่หาดซันไรซ์ หาดนี้มีเรือจอดอยู่เต็มไปหมดเลย ใครที่จะหาเรือไปดำน้ำมาหาจากตรงนี้ได้นะ เราเหมาเรือลำละ 2,300 บาท ไปเที่ยวเกาะ+ดำน้ำ รอบนอก+ใน ไม่แนะนำให้โทรจองเรือล่วงหน้าหลายๆวัน เพราะอาจโดนเบี้ยว ฮ่าๆๆ มาจองเรือในเย็นวันก่อนจะออกเรือที่นี่เลย จะได้ราคาดีกว่านี้ และเราเชื่อว่าเป็นเรือลำไหนก็ได้ค่ะ ผู้คนที่นี่ดูเป็นมิตรทุกคน ถามเค้าด้วยว่ามีหน้ากากดำน้ำให้ไหม ถ้าไม่มีให้จะได้หาเช่าไว้ (ของเราที่รีสอร์ทมีให้ยืมค่ะ ทั้งหน้ากากและตีนกบ)
หาดนี้ถึงจะคนเยอะ แต่เงียบสงบดี จากตรงนี้เดินไปอีกหน่อยจะถึงหาดซันเซต ที่หน้าเมาเทิร์นรีสอร์ท ต่างคนต่างมีกิจกรรมทำเป็นของตัวเอง
ขึ้นไปที่ห้องอาหารเมาเทิร์นรีสอร์ท จิ๊บน้ำเย็นๆซักกระป๋อง เพื่อวิวนี้ ฮ่าๆๆ แต่เสียดายน่าจะหยิบเลนส์เทเลไปด้วย แง
จากนั้นก็แค่รอเวลาลงไปถ่ายพระอาทิตย์ตกที่หาด
เชื่อไหมว่า แค่ได้นั่งนิ่งๆ อยู่เงียบๆ ไร้สิ่งรบกวนจากภายนอก เราจะรู้สึกว่าเราคุยกับธรรมชาติรู้เรื่องนะ
เวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ แต่เป็นชั่วขณะที่มีคุณค่า ไม่มีวันลืมเลย วันนั้นเราใช้งานโทรศัพท์มือถือแค่เพียงหยิบมันมาถ่ายรูปเท่านั้น เราใช้เวลาส่วนใหญ่ (ในชั่วขณะนั้น) ไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คนที่อยู่ข้างๆ
อยู่ตรงนั้นจนแสงสุดท้ายใกล้หมดไป เราก็เดินไปที่ walking street มายอมรับกันตรงนี้เลยว่า เราเดินไม่สุดถนน walking street เพราะไม่รู้ทิศทางว่าต้องเดินไปทางไหน พลาดอย่างแรง สรุปแล้วเราเดินไปได้แค่หางถนน แล้วก็เข้าใจว่านั่นคือทั้งหมด -"- แล้วก็นั่ง taxi ซาเล้ง (คนละ 50 บาท) กลับที่พัก
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่รู้ตัวว่าโดนเบี้ยวเรือที่จองไว้ล่วงหน้าก่อนมาถึงเกาะ เราก็เดินไปถามเรือที่หาดซันไรซ์ที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ และเราก็ดีใจด้วยซ้ำที่โดนเบี้ยวเรือ เราไม่โกรธเค้านะ เพราะเค้าก็เป็นชาวบ้านทำมาหากินทั่วไป ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัททัวร์ใดๆ ถ้าโดนบริษัททัวร์เบี้ยวก็ว่าไปอย่าง เรือที่เราไปด้วยนี้ เราไม่ถามชื่อเค้ามา เพราะไม่อยากให้ข้อมูลเฉพาะบุคคลกับใคร ไปหาเอาข้างหน้าก็ดีเหมือนกัน ฮ่าๆ
เกาะหินซ้อน, เกาะรอกลอย, เกาะดง, หาดทรายขาว, เกาะหินงาม, ร่องน้ำจาบัง เส้นทางการเดินเรือของเราในเช้าวันขมุกขมัวเล็กน้อย (เมื่อคืนฝนตกทั้งคืน) แต่ก็ยังโชคดีมากที่ออกเรือได้แต่ออกสายหน่อย และเจอฝนหน่อยๆแค่ตอนจะกลับ
ปะการังสวยมาก โดยเฉพาะ ตรงเกาะดง และร่องน้ำจาบัง แต่ข้าพเจ้าอ่อนหัด เลยมุดลงไปถ่ายได้ไม่เยอะ แต่ถ้าได้ลงไปจะรู้ว่ามันสวยมากกก
ที่ร่องน้ำจาบัง คลื่นจะแรงกว่าจุดดำน้ำจุดอื่น มีเชือกให้ไต่ไป ใครที่ว่ายน้ำไม่แข็ง ก็จงอยู่บนเรือแบบเราเถิด ฮ่าๆ
พี่คนขับเรือเราเท่มั๊ย เค้าไปนั่งที่หัวเรือ รู้สึกได้ว่าเค้ามองดูคนลงไปดำน้ำอย่างไม่ละสายตา (ว่าจะรอดมั๊ย) ประทับใจจริงๆ
เสร็จจากตรงนี้แล้วฝนก็มาทันทีเลย แต่มาแค่แปบเดียว เราก็กลับใกล้ถึงฝั่งพอดี เป็นช่วงที่น้ำลด ปะการังก็โผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด ปลาเล็กปลาน้อยว่ายกันให้เห็นโดยไม่ต้องเอาหน้าจุ่มลงไปในทะเลเลย เรือต้องค่อยๆขับ เพื่อไม่ให้ปะการังเสียหาย น้ำใสสุดๆ โอยยย นี่แหละเกาะสวรรค์ของฉัน
นอนที่ Serendipity ต่ออีกคืนนึง ดินเน่อในคืนนั้นมันช่างเอร็ดอร่อยจังเลย คิดถึงนะ เซเรน
ตอนเช้าก่อนเช็คเอ้า เราไปเดินหาดบันดาหยา หรือหาดพัทยา หาดนี้คนเยอะ แอบเห็นขยะลอยอยู่ในทะเล ได้โปรด ใครที่ไปหลีเป๊ะ ช่วยกันรักษาความสะอาดด้วย และไม่ทิ้งขยะลงทะเลนะคะ ถึงแม้ว่าชายหาดจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่น้ำก็ยังคงใสกิ๊กเลย
เราเดินไปจนสุดปลายหาด จะพบกับสะพานไม้แบบนี้ เป็นจุดสุดท้ายก่อนจะกลับไปเก็บของกลับสู่แผ่นดินใหญ่ เฮ้อออ ไม่อยากกลับเลย
ขอบคุณหลีเป๊ะ และทุกสิ่งที่ประกอบในนั้น ขอบคุณความเรียบง่าย เราเหมือนได้อยู่ใกล้ชิดกับตัวเองมากขึ้น ทั้งๆที่เราก็อยู่กับตัวเราเองมาเนิ่นนาน แต่ไม่เคยรู้สึกสงบเท่านี้เลย การออกเดินทางครั้งนี้ เรากลับรู้สึกว่าเราได้ฟังเสียงตัวเอง ฟังเสียงธรรมชาติ อยู่กับทุกคน ทุกอย่าง ที่แวดล้อมเรา จะดีกว่านี้ถ้ามีเวลาได้นอนหายใจเล่น ขยับตัวอย่างเชื่องช้าเพิ่มอีก 1 วัน
แล้วพบกันใหม่นะหลีเป๊ะ
---------------------------
https://www.facebook.com/wannabethaitraveler/
IG : wannabethaitraveler
---------------------------
บันทึกภาพด้วย กล้องฟิล์ม Nikon FG20, มือถือ Huawei P10+, SJcam 5000x