อยากขอคำแนะนำเรื่องการทำหมันแมวค่ะ (ทำหมันแมวชาย)
ตอนนี้หนุ่มๆที่บ้านเริ่มโต และมีอาการติดสัดกันแล้ว จึงต้องรีบหาคลินิคที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ค่ะ

คำถาม : การทำหมันแมวตัวผู้ มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากน้อยแค่ไหนคะ
และอะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการทำหมันแมวบ้างคะ มีข้อควรระวัง อย่างไรบ้าง
การเลือกคลินิคในการทำหมันแมว ดูได้จากปัจจัยอะไรบ้าง
ราคาถูกหรือแพง เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกคลินิคในการทำหมันหรือไม่คะ?
และขอชื่อคลินิคหรือโรงพยาบาลสัตว์ที่ไว้ใจได้ ในละแวกสมุทรปราการ บางนา หรือใกล้เคียงค่ะ
ไม่เกี่ยงราคา ต้องการทำหมันแมวชายสามตัวค่ะ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เคยมีเคสเกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อปีก่อน จึงเป็นสาเหตุให้กลัวการพาแมวไปทำหมันค่ะ
เรื่องมันยาว ขอใส่สปอยไว้ ท่านใดอยากทราบเรื่องขอให้อ่าน เผื่อไว้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการพาน้องไปทำหมันนะคะ


ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงสิงหาคมปีที่แล้ว 2559 ได้พาแมวตัวผู้อายุ 2 ขวบ เป็นพันธุ์สก็อตทิสโฟลด์ ไปทำหมันคลินิคแห่งนึงค่ะ
แต่โชคร้ายน้องแมวเสียในวันทำหมันเลยค่ะ  ทั้งที่ก่อนทำหมันได้ตรวจเลือดก่อนแล้ว และก็ได้รับคำยืนยันจากคุณหมอว่าแมวพร้อมทำหมันค่ะ

ก่อนเดินทางไป ได้งดน้ำอาหารก่อนไปทำแล้ว คือ ตั้งแต่ช่วงเวลา อาหารเย็น จนถึงมื้อเช้าของอีกวัน โดยพาแมวไปพบคุณหมอช่วงบ่าย 14.00 น.
ในช่วงเวลาหาหมอ บ่ายสอง หลังจากที่เราอยู่คลินิคซักพัก มีคนพาสุนัขโตมารักษา และน้องก็เห่าเสียงดังลั่นคลินิค แมวเราก็ออกอาการกลัวมากค่ะ
เราอยู่ปลอบแมวซักพัก ก็ออกจากคลินิค มารอที่บ้านค่ะ  

จนเวลาผ่านไปบ่ายสามโมง คุณหมอแจ้งว่าผ่าตัดทำหมันเสร็จแล้ว (ระยะเวลาทำหมัน 1 ชั่วโมงหลังจากฝากไว้ที่คลินิค)
คาดว่าคุณหมอพาแมวเข้าผ่าตัดทำหมันเลย หลังจากที่รักษาสุนัขตัวนั้นเสร็จแล้ว

ช่วงเย็น 6 โมงกว่าๆ เราไปรับแมวที่คลินิค และคิดว่าแมวยังเมายาสลบ จึงเกิดอาการมึนๆลุกไม่ขึ้น หมอแจ้งว่าน้องเพิ่งฟื้นจึงมาอาการอย่างนี้
ให้รอซักพัก เพื่อให้น้องฟื้นจากอาการสะลึมสะลือ โดยหมอให้ออกซิเจนน้องดม แต่ไม่ได้เข้าตู้รมนะคะ ใช้สายจ่อที่จมูก แต่น้องไม่มีท่าทีที่ดีขึ้นเลยจนผ่านไปทุ่มนึง คุณหมอแจ้งว่า ต้องไปให้ออกซิเจนต่อที่คลินิคอีกแห่ง เนื่องจากคลินิคหมอปิดราวทุ่มนึง และคุณหมอไม่รับฝากแมวค่ะ
ขณะนั้นแมวยังมีอาการไม่ดีขึ้น หายใจหอบถี่ มีเลือดออกสวนสายน้ำเกลือออกมา หมอบอกนี่เป็นอาการปกติของการผ่าตัด ที่แมวจะหอบถี่อย่างนี้
แต่ยังยืนยันว่า ให้ย้ายแมวไปให้ออกซิเจนต่อที่คลินิคอีกแห่ง ซึ่งเราใช้เวลาเดินทางจากคลินิคนี้ ไปอีกที่หนึ่ง ราวครึ่งชั่วโมง

ขณะเดินทางไปเลือดก็ยังออกสวนสายน้ำเกลือนะคะ แล้วแมวก็หายใจหอบถี่มากกว่าเดิม แต่ก็ดิ้นเยอะ น่าจะเพราะเจ็บแผลด้วย
จนถึงคลินิคอีกแห่ง คุณหมอแจ้งว่าน้องอาการไม่ดีเลย เหมือนจะหายใจไม่ได้ และเข้าห้องรมออกซิเจนด่วน เรามาถึงคลินิคอีกแห่งราวๆ สองทุ่มแล้ว
ให้ออกซิเจนช่วงสองทุ่ม จนสามทุ่มอาการไม่ดีขึ้น จนคุณหมอก็แจ้งว่าอาการน้อง 50:50 ถ้ารอดคืนนั้นก็อาจจะรอดได้
พอสามทุ่มคุณหมอเลยบอกว่าต้องเสี่ยงฉีดยากระตุ้น (เราไม่ทราบว่ายากระตุ้นนี้คือชื่อว่าอะไร แต่เป็นยากระตุ้นการทำงานของหัวใจ ประมาณนี้ค่ะ)
ตอนนั้นก็ตัดสินใจไม่ถูกจริงๆ แต่คุณหมอเห็นอาการแย่จริงฉีดให้ แต่สุดท้าย ไม่รอดค่ะ น้องเสียช่วง สี่ทุ่มครึ่งของวันนั้นเลย

ข้อสังเกตุของจขกท.เองนะคะ
1.ระยะเวลาที่คุณหมอคลินิคแรก ทำหมันให้น้อง รวมระยะเวลาให้ยาสลบจนทำหมันเสร็จ น่าจะช่วง 14.15 - 15.00
มันเป็นระยะเวลาที่เร่งรัดเกินไปหรือไม่ในการให้ยาสลบ
อยากทราบวิธีการให้ยาสลบเป็นอย่างไร? และระยะเวลาให้ยาสลบ จนยาออกฤทธิ์เต็มที่พร้อมผ่าตัด ระยะเวลาที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไรคะ?

2.สภาพความพร้อมของแมวในระหว่างให้ยาสลบและการผ่าตัดทำหมัน แมวขี้ตกใจ และไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้า แมวยังตกใจและกลัวในขณะเจอหมอ
มีผลมั้ยกับการผ่าตัดทำหมัน คิดว่าควรรอให้แมวมีสภาพจิตใจที่พร้อม คลายความวิตกกังวลก่อนด้วยหรือไม่คะ?

3.ไม่มั่นใจว่าคนดำเนินการให้ผ่าตัดเป็นตัวคุณหมอเอง หรือลูกจ้างเป็นคนดำเนินการ
เนื่องจากคุณหมอเป็นคนนั่งเคาเตอร์รับแขกเองทุกครั้งที่ไปหาค่ะ
และในช่วงเวลาผ่าตัดเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะ โดยปกติคุณหมอจะเป็นคนเจอลูกค้าเองเสมอ
(แค่ตั้งข้อสังเกตุเฉยๆนะคะ ไม่เห็นว่าความจริงเป็นอย่างไร)

4.เป็นปัจจัยภายในของแมวเองหรือไม่ ว่าแมวไม่พร้อมรับการทำหมัน แต่ว่า
จขกท. พาแมวตัวนี้ไปพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง เป็นคุณหมอประจำที่พาแมวไปฉีดวัคซีนและทุกอาการป่วยของน้องแมวตัวนี้
คุณหมอทราบเสมอว่าแมวแข็งแรงหรือไม่อย่างไร ถ้าคุณหมอทราบดีว่าแมวเราไม่แข็งแรงตรงไหน คิดว่าน่าจะปฎิเสธการทำหมันได้นะคะ

5.สุดท้ายแมวตัวที่ทำหมัน เสียค่าตรวจเลือด 1,000 บาท ค่าทำหมันตัวผู้ 600 บาท ค่าใช้เครื่องให้ออกซิเจนและค่าคอลล่า
รวมจ่ายทั้งสิ้น 2,500 บาท กับผลลัพธ์คือ พาแมวไปตายค่ะ